บทที่่ 2
“หา!? แพนเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ แล้วตอนนี้หลานอยู่ที่ไหน บ้านหรือโรงพยาบาล แล้วหมอเขาว่ายังไงบ้าง ได้บอกไหมว่าเมื่อไหร่จะหาย” หญิงสาวรัวคำถามเป็นชุด ทว่าอีกฝ่ายกลับให้คำตอบที่สั้นสุดๆ
(อยู่โรงเรียน)
“อะไรนะ!? ลูกป่วยหนัก ทำไมพี่พลถึงยังปล่อยให้ไปโรงเรียนอีกล่ะคะ เป็นพ่อประสาอะไรเนี่ย”
หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดออกมาชุดใหญ่ จนปลายสายแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง ถ้าไม่ติดว่าเขาเสียดาย และต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้
(เดี๋ยวๆ ยัยพิมพ์ หลานเป็นไข้แค่นิดหน่อยเองนะ)
“เอ้า! ก็ไหนเมื่อกี้พี่พลบอกว่าเป็นหนักไงคะ”
(ก็… ตอนแรกน่ะเป็นหนัก แต่แก้วเขาเช็ดตัว ป้อนยาให้เรียบร้อยแล้ว)
“ถ้าไปโรงเรียน แล้วเป็นไข้กลับมาล่ะคะ จะทำยังไง”
(เอาน่าพิมพ์ พี่ฝากให้ครูเขาดูแลเจ้าแพนแล้ว ขืนไม่ให้ไปโรงเรียนรายนั้นคงได้งอแง เพราะอยากเจอเพื่อนเหมือนพิมพ์ตอนเด็กๆ ไง แบบนั้นยิ่งน่าปวดหัวไปกันใหญ่ ไม่รู้ว่าเอาเชื้ออะไรมาแพร่ใส่ลูกพี่) พาทิศได้ทีบ่นน้องสาวกลับบ้าง โดยไม่วายหยิบยกวีรกรรมแสบๆ ตอนเด็กของเธอขึ้นมาเหน็บเหมือนทุกที
“เชื้อความฉลาดไงคะ”
(เออนั่นแหละ สรุปว่าตกลงเนอะ)
“ตกลงอะไรคะ?”
(ตกลงมาเลี้ยงเจ้าแพนให้พี่ไง พี่กับแก้วต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดหนึ่งอาทิตย์)
“โห… ตั้งหนึ่งอาทิตย์เลยเหรอคะ” พิมพ์ดาวถามกลับเสียงอิดออด
เพราะถึงเธอจะรักหลานมากแค่ไหน แต่งานของเธอก็ค่อนข้างวุ่นวาย และทำไม่ค่อยเป็นเวล่ำเวลาสักเท่าไหร่ ขืนต้องเลี้ยงหลานไปด้วยตั้งหนึ่งอาทิตย์ เห็นทีว่าจะต้องเลื่อนส่งงานลูกค้าออกไปอีกหลายวันแน่
(อือ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร พี่จะได้จ้างพี่เลี้ยง…)
“ว่างค่ะ!” เธอรีบตอบกลับทันควัน ก่อนจะเปิดปากบ่นพี่ชายอีกชุดใหญ่ “คราวก่อนที่จ้างพี่เลี้ยงมาดูแลแพน พี่พลก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าเขาตามใจหลานมากขนาดไหน ปล่อยให้ออกไปเล่นตากฝนจนดึกดื่น แล้วเป็นปอดบวมน่ะ ถ้าจะจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลแทน พิมพ์ไม่ยอมหรอกนะคะ”
แม้น้ำเสียงของน้องสาวจะหงุดหงิดระดับสิบ ทว่าคนปลายสายกลับฉีกยิ้มกว้าง แล้วหันไปทำมือเป็นสัญลักษณ์ ‘โอเค’ ส่งให้ภรรยาที่กำลังนั่งลุ้นอยู่ข้างๆ
(งั้นก็ตามนั้น)
“ค่ะ หมดธุระแล้ว งั้นพิมพ์ขอวางนะคะ”
(เดี๋ยวๆ พี่จะบอกว่าไม่ต้องกลัวหลานจะกวนเวลาทำงานหรอกนะ เพราะแก้วเขารับปากแล้วว่าจะหาคนมาช่วยพิมพ์ดูแลเจ้าแพนด้วย)
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ”
(ขอบคุณนะน้องสาวคนสวย)
“โถ่เอ๊ย! ทีอย่างนี้นะ มาทำเป็นชม” พิมพ์ดาวบ่นกลั้วหัวเราะ แล้วตัดสายทิ้ง...
“พิมพ์ว่ายังไงบ้างคะพล น้องโอเคใช่ไหม?” กาบแก้วถามสามีทันทีที่เห็นว่าเขาวางสายเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อยจ๊ะ พิมพ์รับปากว่าจะช่วยดูแลลูกให้ ว่าแต่แก้วเถอะ โทรไปบอกนายคุณเขาหรือยังล่ะ เกิดรายนั้นปฏิเสธขึ้นมาก็เสียแผนแย่เลย ผมอุตส่าห์ยอมโดนยัยพิมพ์บ่นมาตั้งยี่สิบนาทีเชียวนะ หูอื้อไปหมดแล้วเนี่ย” พาทิศบ่นด้วยสีหน้าเหยเก แล้วพิงศีรษะซุกซบไหล่มนของภรรยาอย่างออดอ้อน
“แก้วคุยกับตาคุณเรียบร้อยแล้วเหมือนกันค่ะ รายนั้นคุยง่ายจะตายไป”
“เหอะ! แก้วแน่ใจนะว่าสองคนนั้นจะช่วยกันเลี้ยงลูกเราได้”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?” ร่างเล็กหรี่ตาถามสามีด้วยความสงสัย