บทที่ 2
ในขณะที่นั่งรถกลับบ้านนั้น เพชรลดาได้โทรหาจามิกรเพื่อนรักของบุตรชาย เพื่อชักชวนให้เขามากินข้าวที่บ้าน เธอจะได้ถือโอกาสนี้ปรึกษาและขอความช่วยเหลือจากเขา เกี่ยวกับการจัดงานเดินแฟชั่นโชว์เพื่อจัดหาทุนเข้าสมาคม ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้านี้
จามิกรรับปากว่าจะแวะไปทานอาหารมื้อค่ำที่บ้านพิพัฒน์สัจจะกุลโดยเขาจะไปถึงที่นั่นประมาณหกโมงเย็น จากนั้นทั้งคู่ก็วางสายไป
เพชรลดาลงมานั่งรอจามิกรในห้องนั่งเล่น เธอมัวแต่นั่งคิดอะไรเพลินจนไม่รู้ว่าสามีของเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ก้องภพวางมือของเขาบนไหล่บอบบางของเธอ
“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลยไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เพียงแต่คิดอะไรเพลินไปก็เลยไม่ได้ยินเสียงรถของคุณ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
“ฉันมีเรื่องไม่สบายใจเกี่ยวกับลูกชายของเราค่ะ ไว้เราค่อยคุยกันคืนนี้นะคะ แต่ตอนนี้คุณขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพราะเย็นนี้นายจาจะมากินข้าวกับเรา”
“ผมขอตัวสักครู่นะ”
ในขณะที่ก้องภพกลับขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นจามิกรได้เดินทางมาถึงพอดี เพชรลดาเอ่ยชวนเขาให้ไปที่ห้องอาหาร ก้องภพกลับลงมาด้านล่างไม่พบภรรยาจึงเดินตามไปสมทบที่ห้องอาหาร
“นายจาทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้” ประมุขแห่งบ้านพิพัฒน์สัจจะกุลเอ่ยปากทักเพื่อนของลูกชาย
“สวัสดีครับพ่อ...ผมมาเพราะความคิดถึงพ่อกับแม่ดาไงครับ”
“อย่ามาปากหวานหน่อยเลยนายจา วันนี้ถ้าแม่ไม่โทรไปหาเรามีหรือที่เราจะมาที่นี่” จากนั้นก็หันไปพูดกับสามี
“คุณเองก็อย่าไปเชื่อคำพูดนายจานะคะ”
จามิกรเดินเข้าไปกอดเพชรลดาพร้อมพูดจาออดอ้อนเธอ
“ผมคิดถึงพ่อกับแม่ดาจริงๆ นะครับ แต่ช่วงนี้งานผมยุ่งมากก็เลยไม่มีเวลามาที่นี่ แม่ดาอย่าโกรธผมเลยนะครับ”
เพชรลดาตวัดสายตาคมค้อนจามิกรก่อนจะชวนทุกคนทานอาหารพร้อมกัน ในระหว่างที่ทานอาหารกันอยู่นั้นจามิกรก็เอ่ยปากถามถึงเรื่องที่ทำให้เพชรลดโทรหาเขา
“แม่ดามีอะไรจะคุยกับผมหรือครับ”
“ทางสมาคมที่แม่เป็นประธานอยู่จะจัดงานเพื่อระดมทุนเข้าสมาคม เราตกลงกันว่าจะจัดงานแฟชั่นโชว์ แต่ในที่ประชุมอยากจะให้จ้างบริษัทออกะไนซ์มารับผิดชอบงานนี้ แม่ก็เลยนึกถึงจาไม่รู้ว่าจาพอจะมีเวลามาดูแลงานตรงนี้ให้แม่ได้ไหม”
“งานจะมีขึ้นเมื่อไรครับ”
“ก็อีกประมาณสองเดือน...ซึ่งจะเป็นวันที่สมาคมครบรอบสามสิบปีพอดี รายได้หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายแล้วเราจะนำเข้ากองทุนของสมาคม”
“ไม่มีปัญหาครับผมจะดูแลจัดการเรื่องนี้ให้แม่ดาเองครับ”
จามิกรถามข้อมูลคร่าวๆ ที่เขาจะต้องใช้ในการดำเนินการในครั้งนี้ นั่นรวมถึงงบประมาณที่ทางสมาคมตั้งไว้ด้วย เขารับปากที่จะไปจัดทำแผนงานเพื่อมานำเสนอเธอ
“ผมจะจัดการเรื่องแผนงานและจะนำมาเสนอแม่ดาอีกทีนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมรับรองว่าจะดูแลงานนี้อย่างเต็มความสามารถ”
“ได้ยินจารับปากแบบนี้แม่ก็ค่อยสบายใจหน่อย”
“เป็นความคิดของใครเหรอคุณที่เสนอให้มีการจัดเดินแฟชั่นโชว์”
“ความคิดของฉันเองแหละค่ะ แต่ในที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันนะคะ ว่าน่าจะใช้รูปแบบการเดินแฟชั่นโชว์นี้ในการระดมทุนเข้าสมาคม คุณเองก็ต้องช่วยซื้อบัตรนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลยผมต้องช่วยสนับสนุนงานการกุศลของคุณอยู่แล้ว” จากนั้นก็หันไปพูดกับจามิกร
“จาไม่คิดจะไปเป็นนายแบบให้แม่เขาหน่อยเหรอ”
“ไม่ดีกว่าครับพ่องานแบบนี้ผมว่าเหมาะกับนายภูมากกว่านะครับ รายนั้นเขาหล่อขั้นเทพขนาดยืนนิ่งๆ พวกสาวแก่แม่หม้ายยังกรี๊ดกันแทบสลบ”
เมื่อเพชรลดาได้ยินจามิกรพูดถึงภูผาสีหน้าของเธอก็เจื่อนไปเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มรุ่นลูกไม่ทันได้สังเกตมีแต่ก้องภพเท่านั้นที่เห็น เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่พูดหรือถามอะไรเธอในตอนนี้
“พูดถึงนายภูวันๆ พ่อกับแม่แทบไม่เคยเห็นหน้าไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้ภูอยู่ที่พัทยาครับ...พอดีมีเพื่อนชาวสิงคโปร์เดินทางมาที่นี่ และอยากไปเที่ยวที่พัทยานายภูก็เลยอาสาพาไป”
“คืนนี้ก็คงจะไม่กลับบ้านอีกตามเคย” เพชรลดาเอ่ยขึ้นมา
“เห็นบอกว่าจะกลับนะครับแต่อาจจะดึกหน่อย แม่ดาเห็นด้วยกับผมไหมครับที่จะให้ภูไปเดินแบบในวันนั้น”
ก้องภพเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ “นั่นสิคุณนายภูเองก็ว่างอยู่ ถ้าคุณเอ่ยปากขอให้ไปช่วยงานการกุศลของคุณ ลูกคงจะไม่ปฏิเสธคำขอของคุณหรอก”
“ไว้ฉันจะลองคิดเรื่องนี้ดูอีกทีค่ะ”
เพชรลดาเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อคิดถึงเสียงล่ำลือและเสียงนินทาว่าร้ายลูกชายเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเป็นเกย์นั้น ก็ทำให้เธอต้องกลับมาคิดหนักว่าควรจะขอให้ลูกไปเดินแบบงานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้หรือไม่ เพราะเธอเกรงว่าคนเหล่านั้นจะมองลูกชายของเธอด้วยสายตาแปลกๆ หรืออาจจะมองภูผาเหมือนเป็นตัวประหลาด เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ทำให้เพชรลดาถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว การกระทำของเธอทำให้เพื่อนของลูกชายเอ่ยปากถาม
“แม่ดามีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
“ทำไมจาถึงถามแม่แบบนี้ล่ะจ๊ะ”
“ก็ผมเห็นแม่ดามีสีหน้าเหมือนกับจะกังวลอะไรบางอย่าง”
เพชรลดาได้บอกปัดไปว่าคงเป็นเพราะเรื่องงานของสมาคม ที่ทำให้รู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้ดีตามที่ทุกคนคาดหวังไว้หรือไม่ จามิกรพูดกับเธอว่าถ้าเป็นเรื่องนี้ล่ะก็ขอให้เธอวางใจเขาจะดูแลทุกอย่างให้เธอเอง
“ขอบใจจามากนะลูก”
“ยินดีเสมอครับ”
“ช่วงนี้จาเจอภูบ้างหรือเปล่าลูก” เพชรลดาถาม
“เจอครับ...ถ้าผมว่างก็จะนัดนายภูไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ”
“แม่อยากรู้ว่าภูเขามีแฟนหรือยัง” คำถามของเพชรลดาทำให้ก้องภพกับจามิกรหันไปสบตากัน
“ที่แท้คุณก็เป็นห่วงเรื่องของนายภูนี่เอง”
“ก็ไม่ได้ห่วงอะไรมากหรอกเพียงแต่อยากรู้ว่าเขามีแฟนหรือยังเท่านั้น”
“กลัวลูกชายขึ้นคานหรือไงคุณ” ก้องภพเอ่ยแซวภรรยาของตนเอง เขาเลยได้ค้อนจากเธอเป็นของแถม
“หรือคุณไม่ห่วงคะ อายุของนายภูก็เหมาะที่จะมีครอบครัวได้แล้ว แต่ฉันยังไม่เห็นเขาคบกับใครจริงจังสักคน”
“ภูเขายังไม่คิดเรื่องนี้หรอกครับแม่ดา แต่แม่ดาวางใจได้ครับว่าเขาไม่มีทางค้างอยู่บนคานแน่นอน นายภูเป็นผู้ชายในฝันของพวกผู้หญิงนะครับ มีแต่คนเข้ามาหาอยากได้นายภูกันทั้งนั้น บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือเพราะแย่งเขาด้วยซ้ำไปครับ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าภูจะสนใจผู้หญิงพวกนั้นนะครับ”
“นั่นสินะ แม่ถึงได้อยากรู้ไงว่าภูเขาไม่มีใจชอบสาวคนไหนบ้างเลยหรือ จาห้ามปิดบังแม่นะ”
“ผมไม่มีอะไรปิดบังแม่ดาหรอกครับ แต่แม่ดาไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะครับ ผมว่าถ้านายภูเจอคนที่ถูกใจเมื่อไรเขาต้องพามาแนะนำให้พ่อกับแม่ดารู้จักแน่ครับ”
เพชรลดาพยักหน้าก่อนที่จะเปลี่ยนคำถาม