บทที่3
ตอนที่3 ถึงเวลา
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
วันนี้เป็นวันที่กวินตราต้องเดินทางกลับไทยเพื่อไปเรียนต่ออย่างที่เธอตั้งใจไว้แล้ว
“ถ้าถึงไทยแล้วบอกพี่ด้วยนะ”
“รับทราบค่ะ”
“แล้วดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ รู้ไหม”
“รับทราบครับผมพี่ชาย”
“พี่ต้องคิดถึงเราแน่ ๆ เลย มาให้พี่กอดที” ตรีพูดจบก็เดินไปกอกน้องสาวของตัวเอง
ทั้งคู่ยืนกอดและบอกลากันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่กวินตราจะต้องไปแล้ว
“น้องต้องไปแล้ว บายนะคะ”ตรีไม่ได้เอ่ยปากพูดบอกลาออกไปเพียง แต่ยืนยิ้มและโบกมือลาน้องตัวเองเท่านั้น
หลายชั่วโมงผ่านไป
“เฮ้อ...ถึงสักที”
“เมื่อยตัวชะมัด”
“โทรบอกพ่อหน่อยดีกว่า ว่าเราถึงแล้ว” ทันทีที่กวินตราพูดจบเธอก็โทรหาพ่อของเธอทันที
กวินตราโทรหาพ่อตัวเองได้ไม่นานพ่อของเธอก็รับสายอย่างเร็วราวกับว่ากำลังรอให้เธอโทรหาอยู่
“ว่าไงลูก”
“หนูถึงไทยแล้วนะคะพ่อ ตอนนี้หนูกำลังจะไปหาเพื่อนค่ะ”
“โอเคลูก ดูแลตัวเองดี ๆ นะ มีอะไรก็โทรมาหาพ่อเลยนะ”
“โอเคค่ะพ่อ”
ทันทีที่กวินตราคุยกับพ่อของเธอเสร็จก็นั่งรถไปหาเพื่อนของเธอทันที และด้วยความที่กวินตราไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็กเธอจึงไม่คุ้นเคยกับประเทศไทยมากนัก ซึ่งในระหว่างที่เธอนั่งรถไปหาเพื่อนที่จุดนัดกันนั้นเวลาที่รถผ่านสถานที่ต่าง ๆ เธอก็ต่างตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เธอเห็นกวินตรานั่งรถได้ไม่นานก็ถึงจุดที่เธอนัดกับเพื่อนเอาไว้
“ตราทางนี้!” เสียงของหญิงสาวอายุยี่สิบปีตะโกนเรียกกวินตรา เมื่อกวินตราเห็นว่าเสียงที่เรียกเธอนั้นคือใครก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“เกดคิดถึงแกจัง” ทั้งคู่กอดกันด้วยความคิดถึง เพราะว่าเธอและเพื่อนไม่ได้พบเจอกันมานานแล้ว
“แล้วนึกยังไงถึงอยากกลับมาเรียนที่นี่ล่ะ”
“ไม่รู้สิอยู่ดี ๆ ฉันก็รู้สึกอยากกลับมาเรียนที่นี่”
“อย่าพึ่งถามอะไรฉันเลยนะ ตอนนี้แกพาฉันไปกินอะไรหน่อยสิ หิวจะแย่” เมื่อกวินตราเห็นว่าเพื่อนตัวเองจะถามต่อก็รีบขัดทันที เพราะความหิวมันทำให้ทนฟังต่อไม่ได้อย่างแน่นอน
“ได้เลย เดี๋ยวฉันจะพาแกไปกินของอร่อย”
“งั้นแกก็พาฉันไปเลย ฉันหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วมั้ง” กวินตราพูดหยอกล้อกับเพื่อนตัวเอง
“เว่อร์มากค่ะ ตามฉันมาเลย”ทั้งคู่เดินพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ซึ่งเกดเป็นเพื่อนของกวินตราตั้งแต่เด็กทั้งคู่เจอกันที่ต่างประเทศด้วยความที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน แถมยังเป็นคนไทยเหมือนกันเลยทำให้ทั้งคู่สนิทกันมาก แต่ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเรียนที่ต่างประเทศอยู่นั้นทางบ้านของเกดมีปัญหา เลยทำให้ต้องกลับมาเรียนต่อที่ไทย แต่ถึงแม้ว่าเกดจะกลับไทยความสนิทของทั้งคู่ก็ไม่ได้ลดลงเลยทั้งคู่ยังคุยยังแชร์เรื่องราวที่เจอในทุก ๆ วันให้กันอยู่ตลอด
“แกรู้ไหมตั้งแต่แกกลับไทยมาฉันเหงามากเลยนะ” กวินตราพูดพร้อมกับยื่นมือไปกอดแขนของเพื่อนตัวเองแน่น
“ฉันก็เหมือนกัน”ในตอนนี้ทั้งคู่เที่ยวกันอย่างสนุกสนานตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ทั้งคู่กลับไม่รู้เลยว่าระหว่างที่เธอทั้งสองคนเที่ยวกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้นมีใครบางคนคอยจับตามองพวกเธออยู่ และในขณะเดียวกันที่ทั้งสองเที่ยวกันอย่างสนุกสนานพยัคฆ์ก็เตรียมวางแผนที่จะลักพาตัวกวินตราตามแผนที่คิดว่าอย่างดีแล้ว
“ตอนนี้กวินตราถึงไทยแล้วครับคุณพยัคฆ์” นักสืบที่พยัคฆ์จ้างเพื่อสืบเรื่องรายงานความเคลื่อนไหวของกวินตรา
“แล้วตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่” พยัคฆ์เอ่ยถามคนตรงหน้าพร้อมกับสายตาที่จ้องมองรูปของหญิงสาว
“ตอนนี้เธอกำลังเที่ยวอยู่ที่ห้างกับเพื่อนของเธอครับ”
“จับตาดูเธอไว้อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”
“แล้วเมื่อไหร่ที่หาจังหวะลักพาตัวเธอได้ก็ลงมือทันที”
“ครับคุณพยัคฆ์”
“ถึงเวลาที่แกจะต้องเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเจ็บปวด”
“แกจะต้องรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น!” เขาพูดออกมาอย่างรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
“ไอ้กิตติ!”
ทั้งสองเที่ยวกันจนฟ้ามืดด้วยความที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันนาน และด้วยความที่กวินตราอยากเที่ยวให้หนำใจเลยพากันเที่ยวจนลืมเวลา
“แย่จัง มืดแล้วอ่ะ”
“ยังเที่ยวไม่หนำใจเลย” กวินตราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าเล็กน้อย เพราะในใจเธอยังรู้สึกอยากเที่ยวต่อ
“แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ ฉันพาแกเที่ยวจนปวดขาแล้วเนี่ย” เกดพูดพร้อมกับใช้มือทุบขาตัวเองเพื่อแก้ปวด ด้วยความที่เธอเดินเที่ยวมานานหลายชั่วโมงแล้ว
“ก็ฉันอยากเที่ยวกับแกอีกนี่”
“พรุ่งนี้ก็เที่ยวได้ไหม”
“แต่ฉันยังไม่อยากกลับเลยนะเกด” กวินตราพูดพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนไปที่เพื่อนของเธอ
“ไม่ต้องมาใช้สายตานี้กับฉันเลย”
“รู้ทันอีกละ”
“นี่ก็เริ่มดึกแล้ว ฉันว่าแกนอนกับฉันก่อนไหมตรา” เกดเอ่ยถามขึ้น เพราะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เริ่มดึกแล้วแถมกวินตราพึ่งจะกลับมายังไม่ถึงวันอีกคงยังไม่คุ้นชินกับเส้นทาง
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันกลับไปนอนที่บ้าน”
“แกแน่ใจนะว่าแกจะกลับได้ มานอนกับฉันก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับดีกว่าไหม”ถึงแม่ว่าเพื่อนของเธอจะชักชวนยังไงก็ไม่เป็นผลเพราะกวินตรานั้นยืนยันที่จะกลับบ้านอย่างเดียว
“ฉันชวนแกยังไงแกก็ไม่ยอมไปหรอกใช่ไหม”กวินตราไม่ตอบกลับเพียงแต่ยิ้มกลับไปเท่านั้น เพราะที่เกดพูดออกมามันก็ถูกแล้ว
“งั้นฉันรอรถเป็นเพื่อนแกก่อนดีกว่า”
“ไม่ต้องเลยฉันรอคนเดียวได้ แกกลับไปเลยนู่นรถแกมาแล้ว”
“แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่เกดจะพูดจบกวินตราก็ดันให้เพื่อนตัวเองขึ้นรถไป
ในระหว่าที่กวินตรานั่งรอรถที่เธอเรียกอยู่นั้นก็รถตู้คันสีดำมาจอดตรงที่เธอนั่งอยู่ แต่เธอนั้นก็ไม่ได้สังเกตุเพราะมัวแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ และในระหว่างนั้นก็มีชายฉกรรจ์สามคนลงมาจากรถตู้ในขณะเดียวกันกวินตราก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี แต่ถึงเธอจะรู้ตัวว่ารู้สึกเป็นอันตรายแต่เธอก็หนีไม่ทันแล้วเพราะชายฉกรรจ์ทั้งสามได้มายืนล้อมเธอเอาไว้แล้ว
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร” ทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถหนีได้กวินตราก็เริ่มโวยวายทันที
“ช่วยด้วย!” ไม่ว่ากวินตราจะตะโกนกังแค่ไหนก็ไม่มีใครรับรู้เลยสักนิด “ใครก็ได้ช่วยด้วย!”แต่เธอโวยวายได้ไม่นานหนี่งในชายฉกรรจ์ก็รีบทำให้กวินตราสลบทันที และพาเธอขึ้นรถทันทีก่อนที่จะมีใครเดินผ่านมา และรู้ได้ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น