บทที่2
ตอนที่2 กวินตรา
วันนี้เป็นอีกวันที่พยัคฆ์นั่งมองดูการเคลื่อนไหวของคนที่เป็นต้นเหตุของการตายของพี่สาวของเขาเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา แต่วันนี้กลับดูพิเศษกว่าทุกวัน เพราะวันนี้นักสืบที่เขาจ้างไปรายงานมาว่าลูกสาวของทางฝั่งนั้นกำลังจะกลับมาเรียนต่อที่ไทยเมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วก็ทำให้พยัคฆ์เริ่มมีความคิดบางอย่างขึ้นมาในทันที
“นี่เป็นข้อมูลของลูกสาวของทางฝั่งนั้นครับ”
“ลูกสาวของมันจะกลับมาเมื่อไหร่” พยัคฆ์เอ่ยถามเมื่อได้ยินแบบนั้นจากคนที่ตัวเองจ้างมาทำงานให้
“อาทิตย์หน้าครับ”
“ถ้าลูกสาวของมันกลับถึงไทยแล้วรีบมาบอกฉันทันที”
“ได้ครับคุณพยัคฆ์”ทันทีที่นักสืบออกไปจากห้องทำงานของพยัคฆ์เขาก็ได้เปิดซองข้อมูลขึ้นมาดูทันที
“ถึงเวลาที่ฉันจะได้แก้แค้นแล้วสินะ”พยัคฆ์มองรูปของหญิงสาวคนหนึ่งพร้อมกับสายตาที่บ่งบอกได้ว่าเขารู้สึกไม่พอใจแค่ไหนและแค้นมากเพียงใด
“ลูกสาวมึงสวยดีนะ”
“น่าสงสารจริง ๆ ที่เด็กสาวอย่างเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้”
ในตอนนี้พยัคฆ์ไม่ได้สนใจว่าเธอคนนั้นจะเป็นคนถูกหรือผิด แต่ถ้าหากเป็นคนของต้นเหตุในการตายของพี่สาวของเขา อย่างไรเขาก็ไม่คิดจะปล่อยเอาไว้แน่
“แต่ก็ช่วยไม่ได้เธออยากเกิดมาเป็นลูกของมันเอง” เสียงที่เย็นชาเอ่ยพร้อมมองที่รูปของหญิงสาวคนนั้น
“กวินตรา...”
ในระหว่างที่พยัคฆ์กำลังคิดวิธีทางแก้แค้นอยู่นั้นและทางด้านของกวินตราก็กำลังคุยกับพ่อของตัวเองว่าจะกลับไปเรียนต่อที่ไทย
“แล้วลูกจะกลับมาเมื่อไหร่”
“หนูว่าจะกลับอาทิตย์หน้าเลยค่ะพ่อ”
“หนูแน่ใจแล้วใช่ไหมลูกว่าจะกลับมาเรียนที่ไทย” พ่อของกวินตราเอ่ยถามลูกตัวเองด้วยความเป็นห่วง
“แน่ใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ”
“แต่พ่อไม่อยาก...”
ยังไม่ทันที่พ่อของกวินตราจะพูดจบกวินตราก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“พ่อขา หนูอยากกลับไปเรียนที่ไทยจริง ๆ นะคะ แล้วหนูก็เตรียมทุกอย่างไว้แล้วด้วย” กวินตราพูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน
เพราะเธอต้องการที่มาเรียนที่ไทยเป็นอย่างมาก มากจนทำให้เธอเตรียมพร้อมเกือบทุกอย่างและด้วยความที่กวินตราเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน พ่อของเธอก็มักจะตามใจเธอในทุกเรื่องรวมถึงเรื่องที่เธอจะกลับไปเรียนที่ไทยด้วย แม้จะไม่อยากให้มาก็ตาม
“ใช้ลูกอ้อนนี้กับพ่ออีกแล้วนะ”
กวินตราตอบกลับด้วยเพียงแค่ท่าทียิ้มเขินเพราะถูกพ่อรู้ทัน นั่นคงเป็นเพราะเธอใช้แผนนี้บ่อยกับพ่อของตัวเองแล้ว
“ก็ได้ พ่อยอมให้เรากลับมาเรียนที่ไทยก็ได้”
“เย้! ขอบคุณนะคะพ่อ”
แม้เพียงเสียงของเธอก็ทำให้พ่อรู้ได้ว่าเธอรู้สึกดีใจมากเพียงใด
“เราจะกลับมาอาทิตย์หน้าใช่ไหม”
“ใช่ค่ะพ่อ”
“เดี๋ยวพ่อจะให้คนไปรับที่สนามบินก็แล้วกัน”
เมื่อกวินตราได้ยินว่าพ่อของตัวเองจะส่งคนมารับที่สนามบินเธอก็รีบปฏิเสธทันที เพราะในใจก็รู้สึกว่าไม่อยากรบกวนพ่อเลยสักนิด หากต้องทิ้งงานมาเพื่อสนใจเธอเพียงคนเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อ เดี๋ยวหนูไปเองดีกว่าหนูว่าจะไปหาเพื่อนก่อนแล้วค่อยเข้าไปที่บ้านค่ะ” เธอกล่าวออกไปตามความจริง
“แต่ว่าพ่อเป็นห่วง”
“พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ เดี๋ยวหนูจะรายงานพ่อตลอดเลยว่าไปที่ไหนกันบ้าง”
ถึงแม้ว่าพ่อของกวินตราจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะไม่อยากจะขัดใจลูกสาวของตัวเองมากนัก
“แต่ถ้าเปลี่ยนใจอยากให้พ่อส่งคนไปรับบอกพ่อได้ทันทีเลยนะลูก”
“ค่ะพ่อ” กวินตราตอบรับพ่อของตัวเองไป ก่อนที่จะขอตัวและกล่าวลาก่อนจบการสนทนา “แค่นี้ก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวหนูโทรหาใหม่ บายค่ะ”
“บายจ้ะ”
หลังจากที่กวินตราคุยกับพ่อของตัวเองเรื่องกลับไทยเสร็จก็วางสายทันที
“แหม อ้อนพ่อจนได้กลับจนได้นะ” เสียงของชายปริศนาดังขึ้นเมื่อกวินตราวางสายพ่อของเธอลง ก่อนที่จะหันไปมองตามที่เสียงนั้นดังขึ้นมา
“อ้าว พี่ตรีกลับมาแล้วเหรอ”
“ก็กลับมาแล้วน่ะสิ ไม่งั้นพี่จะได้ยินที่เราอ้อนพ่อขอกลับไทยรึไง”
“มันก็ต้องมีใช้ลูกอ้อนกันบ้างน่ะพี่ตรี”
กวินตรา เธอเป็นเด็กสาววัยสิบเก้าที่กำลังจะเข้ายี่สิบปีมีนิสัยร่าเริง ยิ้มง่าย ชอบอ้อนเวลาอยากได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งลูกอ้อนของเธอนั้นไม่ว่าใครต่อใครก็ต้องยอมกวินตรา และเธอเรียนอยู่ที่ต่างประเทศตั้งแต่เธอยังเด็กใช้ชีวิตอยู่กับพี่ชายกันสองคนทั้งคู่เป็นพี่น้องที่รักกันมาก ไม่ว่าจะมีอะไรเธอก็จะคอยปรึกษาพี่ชายของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งทั้งคู่ใช้ชีวิตแทบจะไม่ห่างกันเลยเวลาไปไหนก็จะไปด้วยกันตลอด
“แล้วคิดดีแล้วเหรอว่าจะกลับไปเรียนที่ไทยน่ะ” พี่ชายกวินตราเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“แน่ใจสิคะ หนูเตรียมตัวมานานแล้วด้วย”
“ว่าแต่พี่ตรีมีอะไรรึเปล่าคะ สีหน้าดูเครียด ๆ นะ” กวินตราเอ่ยขึ้นถามพี่ชายของตัวเองเพราะเห็นว่าหน้าตาดูเครียดจนแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่รู้สิ พี่แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้เราไปยังไงก็ไม่รู้” ตรีเอ่ยอย่างรู้สึกอะไรบ้างอย่างที่เหมือนกำลังคิดไปเองเท่านั้น
“รู้สึกเหมือนจะมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้น”
“พี่คิดมากน่า”
“อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่เคยห่างกันเลยแล้วครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราต้องห่างกันไง”
เธอพยายามพูดกล่อมไม่ให้พี่ชายต้องคิดมาก แถมเธอก็คิดว่ามันไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ตรีกำลังคิดไปเองเสียหน่อย
“มันเลยทำให้พี่คิดมากก็ได้”
“เราเรียนต่อที่นี่ไม่ได้เหรอ...พี่รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ นะ”
“มันไม่มีอะไรหรอกน่าพี่อย่าคิดมากสิ”
“พี่คงห้ามเราไม่ได้จริง ๆ สินะ แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เราต้องบอกพี่ทุกอย่างนะเข้าใจไหม”
“รับทราบครับพี่ชาย น้องสาวคนนี้จะรายงานพี่ชายทุกฝีก้าวเลยค่ะ!”
พอตรีได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของน้องสาวก็อดที่จะดุไม่ได้ เพราะในใจกำลังรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวมากเกินจนไม่อยากให้กวินตราไปที่ไทยเลยสักนิด
“ยังจะมาทำเป็นเล่นอีก”
“ก็น้องไม่อยากเห็นพี่ชายของน้องเครียดนี่คะ”
“ไอ้น้องตัวแสบของพี่” ตรีพูดขึ้นก่อนจะยื่นมือของตัวเองไปยีผมของน้องตัวเอง
“โอ๊ย พี่ตรีผมหนูฟูหมดแล้ว”
“ฮ่า ๆ ถ้าเราไปพี่คงเหงาแย่เลย” ตรีพูดจบก็ดึงน้องสาวของตัวเองมากอด
“น้องไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย”
“ถ้าพี่คิดถึงน้องพี่ก็โทรไปหาน้องสิ หรือไม่ก็นั่งเครื่องไปหาน้องก็ได้”
“แต่พี่เป็นห่วงเรามากนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยล่ะ เข้าใจไหม”
“พี่ก็เหมือนกันนะ อย่ามัวเป็นห่วงน้องจนลืมดูและตัวเองล่ะ” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่สดใสและปนไปด้วยความอ่อนโยนที่มีต่อพี่ชายเธอ