บทที่ 3
เสียงกดชัตเตอร์จากโทรศัพท์มือถือเรียกสติของร่างบางที่ตกหล่นไปขณะที่โดนเขาจู่โจมริมฝีปากอย่างเร้าร้อนจนเธอแทบหายใจไม่ทัน
เอี๊ยด~ เอี๊ยด~
เก้าอี้ขูดไปกับพื้นทันทีที่เธอพยายามดิ้นหนี ทว่ายิ่งหนีเขาก็ยิ่งขยับตามมาติดๆ แถมยังดุนดันลิ้นร้อนเข้ามาภายในโพลงปากหวานฉ่ำอย่างเอาแต่ใจ
"อื้อ!" ร่างบางส่งเสียงประท้วง ในขณะที่ได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังไม่หยุด
แชะ!
ประดับดาวหายใจหอบถี่เมื่อเขาหยุดการกระทำเมื่อสักครู่ แล้วถอนริมฝีปากออกไปอย่างอ้อยอิ่ง แถมยังส่งยิ้มตาเป็นประกายมาข่มเธออย่างคนถือไพ่เหนือกว่าอีกด้วย
"ทำบ้าอะไรของคุณ"
"หืม...เมื่อกี้มันยังไม่ชัดเจนพออีกหรือไง ถึงได้ถามน่ะ"
คนตัวเล็กกัดริมฝีปากบางของตัวเองแน่นเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์กรุ่นโกรธและความเสียใจที่ผสมปนเปกันอยู่ในอก
"ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรืออยากจะให้ผมย้ำอีกรอบ" เขาถามพลางเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง
"ไม่!"
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนที่เขาจะหยิบมือถือของเธอขึ้นมา แล้วกดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นยอดฮิตที่เธอใช้ติดต่อกับคนในครอบครัว
"เอ๋? จะส่งให้ใครดีนะ"
"นี่ คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ" ประดับดาวรีบห้าม
"คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้ามาห้ามผม"
"อย่าส่งภาพบ้าๆ พวกนั้นให้ใครเด็ดขาด"
"บอกแล้วไงว่าคุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม แล้วจะบอกอะไรให้นะ ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งเจ็บ และถึงดิ้นยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณกลับไปง่ายๆ แน่" เขาบอกพร้อมกับใช้มือเรียวจับที่ปลายคางมน แล้วเน้นย้ำธุระของตนกับคนตรงหน้าอีกครั้ง
"จนกว่าจะมีคนรับผิดชอบ"
หญิงสาวถอนหายใจอย่างปลงตกและเปลี่ยนมาเจรจากับเขาอีกครั้ง
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกมาสิ ว่าแม่ฉันไปทำอะไรให้"
"อยากจะรับผิดชอบแทนแม่คุณหรือไง" เขาถามกลับด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ จนเธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว
"คุณก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ"
และต่อให้เขาไม่ต้องการ แม่ของเธอก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมารับผิดชอบความผิดที่ทำไว้กับเขาหรอก
"ใช่"
"งั้นก็บอกมาสิคะ ว่าแม่ฉันไปทำอะไรให้" ประดับดาวถามต่อ และพยายามขยับตัวเพื่อคลายเชือกไปด้วย
"อย่าพยายามเลย ถึงคุณแก้เชือกได้ก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี" ร่างสูงบอกกลั้วหัวเราะ แล้วมองการกระทำของเธออย่างเวทนา
"ถึงหนีไม่ได้ฉันก็ต้องขยับค่ะ เพราะว่าในนี้มัน..."
"หนาว" เขาเติมให้ แล้วคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเธอกำลังรู้สึกอย่างที่เขาอยากให้เป็น "อุณหภูมิในห้องนี้ ยังเทียบไม่ได้กับที่ผมและพี่เจอด้วยซ้ำ อดทนหน่อยก็แล้วกันนะ อย่าพึ่งรีบเป็นอะไรไปซะก่อนล่ะ"
"หมายความว่าไง"
คนถูกถามคลี่ยิ้มกว้าง แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยหน้าตาเฉย จนเธอตามไม่ทัน
"อืม... เรามาทำความรู้จักกันดีกว่า"
"ที่พูดเมื่อกี้คุณหมายความว่ายังไง แม่ฉันจับคุณไปขังไว้ในห้องเย็นๆ แบบนี้หรอ" ประดับดาวถามด้วยความงุนงง แต่ก็เชื่อสุดใจว่าแม่เธอไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
"ไม่ แม่คุณไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก"
"แล้วแม่ฉันไปทำอะไรให้คุณล่ะ" เธอถามกลับทันควัน
"เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ผมกับพี่ชายเป็นเด็กกำพร้าที่อยู่ในการดูแลของบ้านเพ็ญศิริ เพราะแม่ของพวกเราเอาไปทิ้งไว้ตั้งแต่เกิด"
ธาวินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน เพราะเมื่อก่อนบ้านเพ็ญศิริคือสวรรค์สำหรับเด็กกำพร้าอย่างพวกเขา ทว่าคนที่เขาเคารพเทิดทูนเหมือนแม่แท้ๆ กลับผลักเขาและพี่ชายลงนรกด้วยน้ำมือของเธอเอง
"แล้วแม่ฉันไปทำอะไรให้คุณ" หญิงสาวถาม
"ใจเย็นๆ สิ ก็กำลังเล่าให้ฟังอยู่นี่ไง"
"ก็เรื่องที่คุณเล่าไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับแม่ฉันสักหน่อย ท่านรับอุปการะพวกคุณด้วยซ้ำ"
"ใช่ ตอนแรกผู้หญิงคนนั้นอุปการะพวกผม เขาดูแลผมกับพี่อย่างดี พวกเรารักเขามากเลยแหละ แต่..." ธาวินหยุดพูดและมองต่ำลงคล้ายกำลังซ้อนอะไรบางอย่างจากสายตาของคู่สนทนา
"แต่อะไรคะ"
"แต่เขาก็ยกผมให้คนอื่น"
"เอ่อ... ความจริงเรื่องนี้มันละเอียดอ่อนมากนะคะ ที่เราต้องยกเด็กกำพร้าให้คนอื่น เป็นเพราะเราอยากให้เขามีครอบครัวที่สมบูรณ์ และเติบโตมาเป็นอย่างดีในครอบครัวที่อุ่น อีกอย่างเราต้องตรวจสอบประวัติคนที่จะมาเป็นผู้ปกครองอย่างละเอียดอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะ..."
"ละเอียดงั้นหรอ เหอะ! ถ้าละเอียดอย่างที่คุณว่าจริง แล้วขุมนรกที่พวกผมตกลงไปมันเรียกว่าอะไรกัน"
"เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณหรอคะ" ประดับดาวเอ่ยถามหน้าถอดสี เพราะเธอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีเมื่อได้เห็นดวงตาแข็งกร้าวของเขา
"แม่คุณส่งพวกผมสามคนให้กับครอบครัวของเศรษฐีคนหนึ่ง"
"อ้าว... แล้วไม่ดีหรอคะ"
"อือ เหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยล่ะ" ธาวินบอกกลั้วหัวเราะ แล้วถอยห่างออกไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอสามารถแก้เชือกให้ตัวเองได้แล้วอย่างระมัดระวัง
"พวกเขาทำอะไรคุณ" ร่างบางถามขึ้นด้วยความตกใจ เพราะดูจากสีหน้าและแววตาของอีกฝ่ายแล้ว ลำคอของเธอก็แห้งผากราวกับอยู่ในทะเลทราย
"อย่างแรกเลยนะ พวกเขาทำกับผมเหมือนที่ผมทำกับคุณตอนนี้ไง"
"จับมัดไว้แบบนี้น่ะหรอคะ"
"ในห้องแช่แข็ง" ธาวินขยายความ
"หะ !?" คนตัวเล็กอุทานด้วยความตกใจ แล้วเผลอลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว "ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น"
หมับ!
มือหนายกขึ้นมาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนจะกระชากร่างบางเข้าหาตัวอย่างรวดเร็วเพื่อพันธนาการเธอด้วยแขนแกร่งของเขาแทนเชือกที่เธอแก้ออกไป
"จะทำอะไรน่ะ!?"
"ก็มัดคุณไว้ไง บอกแล้วนี่ว่าผมจะทำกับคุณ เหมือนที่แม่คุณปล่อยให้พวกผมตกนรกมาตั้งสิบกว่าปี โดยไม่คิดจะดูดำดูดีหรือตามมาตรวจสอบเลยสักครั้ง แล้วเมื่อกี้คุณบอกเองไม่ใช่หรอว่าจะรับผิดชอบน่ะ ก็ทำซะสิ"
"เอ่อ... ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะ" ประดับดาวรีบแย้ง
"คุณบอกให้ผมเล่า ก็แปลว่าคุณตกลงแล้ว"
"ฉันไม่... อุ๊บ!"
ธาวินยกมือขึ้นมาปิดปากเธอไว้เพื่อตัดรำคาญ ก่อนจะเล่าเรื่องราวของเขาต่อหน้าตาเฉย โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าคนตัวเล็กในอ้อมแขนจะพยายามดิ้นสุดแรงขนาดไหน
"ผมกับพี่ชายถูกจับขังในห้องแช่แข็ง แล้วปล่อยให้อดข้าวอดน้ำทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนั้นโมโห เขาทำเหมือนพวกผมเป็นสัตว์เลี้ยง ถึงจะไม่ได้ทุบตี แต่ก็ทำเหมือนเราไม่ใช่คน"