บทที่ 4
เสียงดนตรีเพลงเพื่อชีวิตดังกระหึ่ม ทำให้ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาในร้านย่นคิ้ว เขามองไปรอบร้านที่ตกแต่งแบบบรรยากาศของบ้านทุ่งเพื่อชีวิต และเมื่อเห็นบรรดานักเที่ยวเต้นกันกระจายขนาดนั้น วริศก็ส่ายหน้าช้าๆ พลางมองนาฬิกาสลับกับชื่อร้าน เพื่อนรักของเขานึกยังไงถึงนัดเขามาเที่ยวในสถานที่นี้กันนะ ดูเหมือนว่ามันจะไม่เข้ากับมนัส เพื่อนสนิทของเขาที่เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศเลย เพราะปรกติมนัสจะเที่ยวสถานที่อีกแบบหนึ่ง ซึ่งต่างกับร้านนี้โดยสิ้นเชิง
“นึกยังไงนัดมาร้านนี้วะ ปรกติมันชอบคลับหรูๆ นี่หว่า ไม่ใช่แบบลูกทุ่งๆ แบบนี้” วริศบ่นพึมพำ เขากดเบอร์โทรศัพท์เพื่อจะติดต่อกับเพื่อน หากแต่ทางนั้นกลับปิดเครื่อง ชายหนุ่มถอนใจเฮือก ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้กับบริกรที่เดินเข้ามาหา
“กี่ที่ครับพี่ รบกวนรอสักนิดนะครับ พอดีโต๊ะเต็ม ว่างแต่ตรงบาร์เท่านั้นเอง แต่ก็พอนั่งได้นะพี่”
“สองที่ครับ ถ้ามีโต๊ะแล้วย้ายได้ใช่ไหมน้อง” วริศมองจำนวนคนแล้วก็ให้ปวดหัว เขาชอบดื่มเงียบๆ มากกว่าจะมาที่อึกทึกขนาดนี้ แต่นานหนได้มาพบปะดื่มกับเพื่อนสนิททั้งที เขาก็ไม่อยากจะพลาด
“ได้ครับ เดี๋ยวคงได้โต๊ะ ตามผมมาเลยครับ” บริกรนายนั้นส่องไฟนำทางเขาเบียดคนไปยังหน้าบาร์เหล้า ตลอดทางที่เขาเดินไป มีแต่สาวๆ หันมองกันตาเป็นมัน ก็ชายหนุ่มในชุดสูทเนี้ยบขนาดนี้ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น คมเข้มชวนมอง มาเที่ยวสถานที่แบบนี้ ดูแล้วมันขัดๆ กันพิกล
อย่าว่าแต่คนในร้านที่เริ่มมองวริศเลย แม้แต่บริกรเองก็ยังอดนึกในใจไม่ได้ว่า หมอนี่หลุดมาจากไหนกัน หรือจะมาเที่ยวผิดที่ แต่งตัวมาหรูยังกับจะเดินแบบ ในร้านโจ๊ะๆ เพื่อชีวิตแบบนี้
“ตรงนี้ครับพี่ สองที่พอดี เอ่อ...คนเยอะหน่อยนะครับ” วริศยิ้มให้ ก่อนจะมองคนข้างๆ ที่นอนหนุนแขนตัวเอง แล้วบ่นอะไรงึมงำ สงสัยจะเป็นขี้เมาอกหักมาจากที่ไหนแน่ๆ ดูสภาพแล้วแบบนี้
วริศสั่งเครื่องดื่มเป็นน้ำผลไม้เบาๆ เพราะจะรอมนัสเพื่อนสนิท ขี้เมาข้างๆ เขาส่งเสียงอ้อแอ้ขึ้นมา ก่อนจะทรงตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือเสยผมที่ปรกหน้ารกรุงรัง วริศเห็นใบหน้าใสๆ แดงเรื่อนั้นเข้าถนัด เขาก็ย่นคิ้ว พลางเพ่งมองให้แน่ใจว่า ภาพลวงตาหรือว่าอะไร ที่เขากำลังเห็นอยู่นี่
“ทำไมผู้ชายมันเฮงซวยหมดทั้งโลกวะ แย่งแม้กระทั่งคนรักของเราทุกๆ คน ทั้งแม่ ทั้งแฟน ไอ้แน็ตมันผิดตรงไหน ทามมายไม่มีใครรัก” เจ้าตัวพึมพำให้ได้ยินถนัด แม้กระทั่งในบรรยากาศที่มีแต่เสียงเพลงดังลั่น วริศอมยิ้ม เมื่อก่อนจะหัวเราะหึๆ ไม่ผิดตัวแน่ๆ
“ผู้ชายไม่เฮงซวยหรอกน่า ผู้ชายดีๆ ก็ยังมีนะ”
“ครายวะ ครายเปรี้ยว” รินพรหันขวับมาทางต้นเสียงทันที นี่เธอเมาของเธออยู่ดีๆ กำลังกลุ้มอยู่ดีๆ แล้วใครมายุ่งเรื่องของเธอกัน เธอพยายามรวบรวมสติ แล้วมองคนพูดให้ชัดๆ
ใบหน้าคมเข้ม คิ้วเรียงกันได้รูป นัยน์ตาคมกริบติดจะดุดัน จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป หน้าแบบนี้คุ้นๆ รินพรเพ่งแล้วเพ่งอีก ก่อนจะสะบัดหน้าเบาๆ เพื่อไล่ความมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
“หน้าตาคุ้น คุ้นจัง เหมือนตาหมาดำวริศเลย”
“นี่ว่าใครเป็นหมา!” วริศนัยน์ตาเป็นประกายวับ เมื่อได้ยินคนข้างๆ ว่าเขาแบบนั้น บังเอิญมาเจอแม่สาวห้าวคู่ปรับเข้าเสียแล้ว รินพรเป็นเพื่อนสนิทของมัญชุภาอดีตรักแรกของเขา ที่ปัจจุบันเขาก็ยังรักและห่วงใยเธอเหมือนน้องสาว
รินพรตั้งป้อมเลยว่าไม่ชอบหน้าเขา กระทบกระทั่งกับเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งล่าสุดที่ปะทะกันแรงๆ ที่ริมทะเลนั่น เขาก็ถึงกลับลืมตัว เพราะข้อที่เธอสบประมาทว่าเขาว่า ‘หมาหวงก้าง’นี่แหละ
“ครายอยากรับก็รับไปสิ อยากหน้าเหมือนไอ้บ้านั่นทามมายล่ะ” รินพรหัวเราะอ้อแอ้ ตอนนี้พิษแอลกอฮอล์ทำให้เธอไม่กลัวใครสักคน เห็นช้างตัวเท่าหนูไปเสียแล้วกระมัง ถึงขั้นจำไม่ได้ว่าเขาเป็นวริศตัวจริง คนที่เธอไม่เคยถูกชะตาด้วยเลยสักนิด วริศถึงกับลืมตัวคว้าเธอมาเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“ปากดีนักนะ โดนไปรอบก่อนยังไม่เข็ดหรือไง”
“เฮ้ย! ตาวริศจริงๆ เหรอนี่” รินพรทำตาโต เมื่อมองเขาชัดๆ สติอันน้อยนิดเริ่มกลับคืนมา จากการที่โดนเขย่าไปสองสามรอบ ก่อนจะพยายามดิ้นรน ในร้านคนเยอะ แถมพนักงานก็กำลังยุ่งวุ่นวายกับการเสิร์ฟเครื่องดื่ม จึงไม่มีใครสนใจสองหนุ่มสาวเลย ความจริงในสายตาคนอื่นแล้ว เหมือนว่าผู้ชายสองคนกำลังมีเรื่องกันมากกว่า เพราะมาดของรินพรไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด
“ก็ใช่น่ะสิ พี่เอง!” วริศประกาศ เขาหรี่ตามองใบหน้าหวานใสแดงเรื่อตรงหน้าอย่างโมโห ให้ตายสิ! เขาค่อนข้างเป็นคนใจเย็น จนมาเจอกับแม่สาวห้าวปากเก่งอย่างรินพรนี่แหละ มันทำให้เขาตบะแตกเอาง่ายๆ
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า! อย่าเขย่าสิวะ จะอ้วก” สิ้นคำของรินพร เจ้าตัวก็อาเจียนออกมาใส่หน้าวริศเลยทันที พร้อมกับซบลงนอนเอาเสียดื้อๆ ทิ้งให้วริศถึงกับอ้าปากค้าง แล้วมองคนต้นเหตุที่นอนหลับไปง่ายๆ แบบนั้นอย่างโมโหเดือด!
“ไอ้เชน เฮียแน็ตไปไหนวะ” หน่อยที่เดินมาจากหลังร้าน เขาไปเข้าห้องน้ำแล้วโดนเรียกใช้ต่อในห้องครัว เลยออกมาค่อนข้างช้า เขานึกเป็นห่วงแขกประจำ ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น เมื่อมองหารินพรแล้วไม่เจอ สะกิดถามเพื่อนบริการที่ฝากฝังรินพรไว้ เชนหันมามองตรงที่รินพรนั่ง พลางย่นคิ้ว เขามัวแต่วุ่นวายจนไม่ได้สังเกตเธอเลย ยิ่งเวลาใกล้เที่ยงคืนแบบนี้ แขกยิ่งเยอะมาก เขายักไหล่ก่อนจะตอบส่งๆ เพื่อให้เพื่อนสบายใจว่า
“ออกไปแล้วมั้ง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เฮียแน็ตของแกน่ะ กลับบ้านเองได้ ไม่มีใครกล้ายุ่งกะเฮียแกหรอก ร้านนี้ขาประจำเยอะ แล้วใครจะบ้าหิ้วทอมวะ”
“เออ นั่นสิ เห็นเมามากก็เลยเป็นห่วง เฮียแกเช็คบิลแล้วด้วยตั้งแต่แรก เห็นว่าตั้งใจเมาเต็มที่ อย่างที่แกว่า ใครจะบ้าหิ้วทอมวะ” หน่อยว่า แล้วเริ่มทำงานของตัวเองต่อ ไม่รู้เลยว่า ตอนนี้มีคนบ้า ที่หิ้วทอมอย่างรินพรออกไปนอกร้านแล้วจริงๆ