2
2
แต่ยังสู้ไม่ล่าถอย กริชไทที่คิดจะห้ามปรามน้องๆ ในคราแรก กลับต้องเข้าไปช่วยเพราะตกกระไดพลอยโจน
เหตุตะลุมบอนกันนั้นทำให้กำนันเพิ่มลาภที่ผ่านมาทางนั้นพอดี รีบห้ามทัพเอาไว้ โดยเฉพาะในที่นั้นมีหลานของตนอยู่ด้วย
“หยุดเดี๋ยวนี้ บอกให้หยุดยังไงเล่า!” เสียงกัมปนาทของกำนันประจำตำบลทำให้เด็กๆ ที่ชกต่อยตบตีกันอยู่หยุดชะงักในทันที
สืบสายเห็นว่าเป็นปู่ของตนจึงรีบเข้าไปฟ้องโดยไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูดก่อน
“ปู่ครับ พวกไอ้กระทิงมันรังแกผม” สืบสายโกหกหน้าตาย
“อย่ามาพูดหมาๆ นะไอ้สืบ แกเป็นคนรังแกฉันก่อน โยนมังคุดมาเต็มแรง พี่กระทิงมารับเอาไว้เลยหัวโนอยู่นี่ไง เห็นไหม” ญารินดาแม้จะอยู่ในวัยเพียงสิบขวบแต่พูดจาฉะฉานนัก รีบสวนกลับทันควันเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ
“จริงค่ะลุงกำนัน พี่สืบเป็นอันธพาลพาพวกมารุมพวกเรา เราเป็นผู้หญิงยังเอาไอ้พวกนี้มารุม ดูสิ ปากแตก หน้าบวม เลือดไหลซิบๆ ไปหมดแล้ว ลุงกำนันต้องจัดการให้พวกเรา ไม่งั้นพวกเราไม่ยอม” กันตารีบเสริมทัพญารินดาอีกเสียงอย่างไม่ลดละ
“จริงเหรอสืบสาย” เพิ่มลาภเป็นผู้มีความยุติธรรม หันไปถามหลานชายคนเดียวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
“ปู่อย่าไปเชื่อพวกมัน พวกมันรุมแกล้งสืบ” สืบสายรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ยังไงก็ไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด
“ยอมรับความจริงเถอะสืบสาย พูดโกหกแบบนี้ไม่เป็นลูกผู้ชายเลย” กริชไทถึงกับส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นสืบสายกำลังโกหกหน้าตาเฉย แถมยังใส่ร้ายคนอื่นได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
“มึงเสือกอะไรด้วยวะไอ้กระทิง” สืบสายหันไปตวาด มองตาขวางตามประสานักเลงอันธพาล เพราะบิดามารดาตามใจให้ท้าย เขาจึงไม่เคยรู้ตัวเองว่ากำลังทำผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหน แม้แต่ผู้เป็นปู่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
“สืบอย่าพูดหยาบคายแบบนั้นลูก เราไม่ชอบให้คนอื่นพูดไม่ดีกับเรายังไง เราเองก็ไม่ควรพูดกับคนอื่นแบบนั้น” เพิ่มลาภปรามหลานชาย
“เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่ไอ้สืบ” ญารินดาเป็นเด็กที่ไม่ยอมอะไรง่ายๆ และไม่ยอมให้ใครมารังแกฝ่ายเดียว
เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดให้ผู้เป็นบิดามารดารับรู้ นั่นคือรัชวิทย์และญาดา กำนันเพิ่มลาภจึงกล่าวขอโทษและจะตีสืบสายเป็นการลงโทษที่รังแกคนอื่นก่อน แค่เพียงทำท่าจะง้างไม้ขึ้นทำโทษหลานชาย กลับกลายเป็นว่าก่อลาภและนีรนุชเข้ามาขัดขวางเอาไว้เสียก่อน
“ถ้าจะตีก็ต้องตีทั้งสองฝ่าย เด็กมันเล่นกันแล้วทะเลาะกัน จะตีเฉพาะตาสืบคนเดียวได้ยังไง” ก่อลาภโวยวาย
นีรนุชเมียรักรีบพูดเข้าข้างผัวเสียงขึงขังไม่ต่างกัน
“จริงด้วยค่ะ นี่ตาสืบก็ปากแตก แก้มช้ำ บาดเจ็บเหมือนๆ กัน จะตีแต่ตาสืบได้ยังไงคะคุณพ่อ พวกคุณเป็นพ่อแม่เหมือนกันน่าจะเข้าใจว่าเด็กๆ เล่นกัน ฉันไม่ยอมให้ใครตีลูกฉันเด็ดขาด ไม่งั้นเห็นดีกันแน่ คอยดู!!!” นีรนุชกอดรัดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเอาไว้ ไม่ยอมรับว่าสืบสายรังแกคนอื่นก่อน
“ลูกคุณมารังแกลูกผมก่อน เด็กผิดก็ต้องโดนลงโทษ ไม่งั้นต่อไปจะนิสัยเสียเป็นนักเลงอันธพาล” รัชวิทย์ถึงกับส่ายหน้าไปมาในความลำเอียงเอาแต่เข้าข้างลูกของก่อลาภและนีรนุช
“ใครตีลูกฉันเข้ามาเลยสิ ได้เห็นดีกันแน่” นีรนุชไม่ยอมเด็ดขาด “ทำยังกะลูกตัวเองเป็นเทวดาแตะต้องไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าเด็กมันเล่นกัน ต้องมีทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นธรรมดาจริงไหมลูก” นีรนุชก้มลงถามลูกชายในอ้อมแขน
“จริงครับแม่” สืบสายกอดรัดมารดา ซบอกไม่ยอมห่าง รู้ดีว่าท่านจะปกป้องเขาได้ ก่อนจะหันไปทำหน้าเยาะเย้ยใส่พวกของกริชไท
“อ้าว... แบบนี้ก็สวยสิ สอนลูกแบบนี้ได้ยังไง” กฤษพลที่ยืนฟังอยู่นานแล้วพูดขึ้นบ้าง รู้ดีว่าลูกชายและลูกสาวของตนไม่โกหกแน่นอน เพราะอบอบสั่งสอนมาดี ถึงแม้จะซุกซนตามวัยแต่ไม่ใช่เด็กเกเรชอบหาเรื่องคนอื่นก่อน
“สวยก็สวยสิวะ นี่มันบ้านของใคร พวกแกบุกรุกมาบ้านฉัน ถ้ายังไม่ไสหัวกลับไปจะหาว่าไม่เตือน” ก่อลาภเริ่มโมโห ยังไงก็ไม่ให้ใครตีลูกชายคนเดียวแน่นอน
“ก่อ... พ่อเป็นคนเชิญเขาเข้าบ้านมาเอง และตาสืบเองเป็นคนหาเรื่องพวกเขาก่อนนะลูก” เพิ่มลาภปรามลูกชายไม่ให้เสียมารยาท พยายามอธิบายอย่างใจเย็นและมีเหตุผล
“พ่อเชิญมาเหรอครับ งั้นรบกวนพ่อช่วยต้อนรับด้วยแล้วกัน ไปเถอะนุช ไปใส่ยาให้ลูกกัน ดูสิแผลฟกช้ำไปหมด นี่ยังจะโดนตีเข้าไปอีก ไม่มีมนุษยธรรมกันเลย ที่นี่มีแต่ผู้ใหญ่ใจร้ายใจดำ คอยแต่จะรังแกเด็กตาดำๆ” ก่อลาภไม่สน เขาหันไปจูงเมียจูงลูกเดินหนี
“อย่าเพิ่งไปสิ พ่อเป็นแบบนี้นี่เอง ลูกเลยเป็นอันธพาลรังแกคนอื่น” กฤษพลถึงกับโมโหที่เห็นกิริยาของเพื่อนร่วมห้อง ก่อลาภเป็นเช่นไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่เคยเปลี่ยน ถ้าได้นิสัยเพิ่มลาภมาบ้างคงจะดีไม่น้อย
“ฉันต้องขอโทษด้วยที่เจ้าสืบมันเกเร เอาไว้ฉันจะอบรมสั่งสอนมันอีกที อย่าถือสามันเลยนะ มันยังเด็กนัก” เพิ่มลาภไม่รู้จะทำยังไงได้แต่กล่าวขอโทษขอโพยทุกคน
“นี่เห็นแก่ลุงกำนันหรอกนะที่มีความยุติธรรม อีกอย่างมันก็ยังเด็ก” กฤษพลหันไปส่ายหน้ากับรัชวิทย์และญาดาญาติของตน ก่อนจะทยอยกันกลับบ้าน
หลังจากทุกคนกลับไปแล้ว เพิ่มลาภจึงอบรมสั่งสอนลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานชายเสียยกใหญ่ แต่เขารู้ว่าก่อลาภถูกภรรยาเขาที่ล่วงลับไปแล้วตามใจจนเป็นแบบนี้ ใครขัดใจเป็นไม่ได้ จึงได้แต่ถอนใจด้วยความทุกข์เพราะกลัวสืบสายเกเรเป็นนักเลงเหมือนพ่อ แต่กระนั้นกำนันเพิ่มลาภก็ไม่เคยเลิกอบรมสั่งสอนลูกหลาน คิดว่าสักวันคำสั่งสอนของตนอาจจะซึมซับเข้าในจิตสำนึกของลูกๆ หลานๆ บ้าง
เขาหวังเช่นนั้น แม้ความหวังจะริบหรี่เต็มที สุภาษิตที่ว่า
..ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากคงจะจริง
ความหวังว่าสืบสายจะเป็นคนดียังมีอยู่ กำนันเพิ่มลาภไม่เคยย่อท้อต่อการสั่งสอนให้ทายาทเป็นคนดี มีน้ำใจ ช่วยเหลือคนอื่นและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เมื่อตายไปแล้ว ไม่สามารถเอาอะไรไปได้ นอกจากความดีและความชั่วเท่านั้นที่จะติดตัวเราไป
“พี่กระทิงถักเปียให้หญ้าหวานบ้างสิคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยนั่งมองพี่ชายข้างบ้านถักเปียให้น้องสาวจนเสร็จก็อยากให้เขาถักให้บ้าง
“มัดยางสีอะไรดีครับกันตา” กริชไทเอ่ยถามน้องสาวบนตัก
กันตาเลือกยางสีน้ำเงินส่งให้พี่ชาย เขามัดให้เรียบร้อยก่อนจะหวีผมหน้าม้าให้น้องเป็นการตบท้าย
“มานั่งตรงนี้มา” พอน้องสาวลุกจากตักแล้ว กริชไทก็ตบที่หน้าตักของตัวเองเรียกน้องสาวข้างบ้านมานั่งแทน
วันนี้รัชวิทย์กับญาดามีธุระเขาเลยต้องเป็นธุระจัดการน้องๆ ในตอนเช้าก่อนจะส่งเข้าโรงเรียน จริงๆ มีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่แล้ว แต่เพราะน้องๆ ติดเขาแจ เขาเลยต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงให้แทน
ญารินดากับกันตาเรียนโรงเรียนเดียวกัน ส่วนเขาเรียนที่อีกเป็นโรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำจังหวัด พอส่งน้องเสร็จลุงเพิ่มก็จะแวะไปส่งเขาเป็นคนสุดท้าย
กริชไทหวีผมให้น้องน้อยข้างบ้านแล้วอมยิ้ม ญารินดาไว้ผมทรงเดียวกับกันตาคือผมหน้าม้า เขาเอ็นดูน้องทั้งสองมาก แต่ญารินดานั้นดื้อและแสบ เวลาต่อหน้าเขาต้องทำเป็นดุเพื่อปรามเอาไว้
“เอายางสีอะไรหญ้าหวาน” กริชไทถามน้องในตักอย่างอ่อนโยน
ญารินดาและกันตาชอบทำกิจกรรมจึงได้ไว้ผมยาว โดยเฉพาะรำไทย เวลาแต่งชุดจะได้ดูสวยและรวบผมได้
“สีอะไรก็ได้ค่ะ” ญารินดาตอบกลับเสียงใส เพราะเวลาไปโรงเรียนมัดได้อยู่แค่สองสี คือสีดำกับสีน้ำเงิน
กริชไทเลือกหยิบยางสีดำมามัดให้น้องเพราะเข้ากับผมสลวยสีดำขลับเหมือนแพรไหมของเธอ
“ทำผมทรงเดียวกันเลย ยังกะเป็นฝาแฝด” กริชไทยกตัวน้องน้อยข้างบ้านให้นั่งคู่กับน้องสาวของเขา