บทย่อ
กริชไท (กระทิง) ต้องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันเมื่อโดนญารินดา (หญ้าหวาน) ปั่นป่วนหัวใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วเขาจะอดใจได้อย่างไรเล่า ในเมื่อหญ้าหวานๆ นั้นเกิดมาเป็นอาหารอันแสนโอชะของกระทิงหนุ่มเช่นเขา“พี่กระทิงคะ พี่กระทิง!”“ครับ ว่าไงหญ้าหวาน” กริชไทสะดุ้งกะพริบตาปริบๆ หันมองคนหน้าหวานที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง“พี่กระทิงจะป้อนข้าวหญ้าหวานที่ปากหรือที่...” เธอหลุบตาลงต่ำก้มลงมองอกอวบๆ ของตัวเอง ตอนนี้ช้อนข้าวต้มที่ถูกเป่าจนหายร้อนจ่ออยู่ตรงร่องอกอิ่ม“เฮ้ย!” กริชไทสะดุ้งเมื่อมองตามสายตาของเธอ ก่อนจะดึงมือหนีจากร่องอกอวบที่เขาจ่อข้าวต้มเข้าไปหา***“หญ้าหวานเกิดมาเป็นของพี่ ของพี่กระทิงคนเดียว”“รู้ไหมกินหญ้าแล้วจะถูกหาว่าโง่”“ใครบอกกัน กินหญ้าหวาน มีประโยชน์และสรรพคุณเยอะแยะเลย” เขาตอบเสียงนุ่ม มองสบตาเธออย่างแสนรัก“อะไรบ้างล่ะคะ บอกมาทีละข้อสิ” เธอทำเสียงเฉียบสั่ง เหมือนคุณครูแสนสวยสั่งลูกศิษย์ตัวโข่ง“สมุนไพรหญ้าหวานช่วยเพิ่มกำลังวังชา เห็นไหม พี่แรงเยอะขนาดไหน กินหญ้าหวานได้ทั้งคืนเลย”
1
1
ถึงพี่หญ้าหวานที่รักของกันตา
ทันทีที่พี่หญ้าหวานได้อ่านจดหมายฉบับนี้ จงรู้เอาไว้ว่าตอนนี้มีเรื่องใหญ่มหาใหญ่เกิดขึ้น แต่พี่ไม่ต้องกังวลนะคะ กันตาจะเป็นด่านหน้าสกัดเอาไว้ให้ก่อน พี่หญ้าหวานรีบเดินทางกลับปักษ์ใต้โดยด่วนนะคะ ไม่อย่างนั้นกันตาอาจหมดลมปราณที่จะสกัดนางมารร้ายม่านฟ้า ตอนนี้พี่กระทิงกับนางร้ายม่านฟ้าตกลงปลงใจเข้าหอ เอ๊ย! ไม่ใช่ค่า หมายถึงตัดสินใจเป็นแฟนกันแล้วค่ะ พี่หญ้าหวานก็รู้ว่าพี่ชายของกันตาเป็นคนซื่อ (บื้อ) คงตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของนังจิ้งจก เอ๊ย! นังจิ้งจอกเก้าหาง รีบมาอย่างด่วนนะคะ กันตาจะรอว่าที่พี่สะใภ้อย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ
รักเสมอ
จาก กันตา (ว่าที่น้องสามี) ในอนาคตของพี่
ปล. อย่าลืมของฝากน้องรักคนนี้นะคะ จุ๊บๆ
กรี๊ดดดด!!!!!!!!
“ไม่ยอมๆๆ พี่กระทิงต้องเข้าพิธีแต่งงานกับหญ้าหวานตอนนี้ แขกเหรื่อกำลังจะมา ถ้าไม่ทำตาม หญ้าหวานจะไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
เด็กหญิงญารินดา วัย 10 ขวบ ลงไปนั่งดิ้นพราดๆ อยู่กับพื้น เด็กหนุ่มนามว่ากริชไท ไตรอิทธิฤทธิ์ในวัยสิบห้าถึงกับกุมขมับ แทบเอาเท้าก่ายหน้าผาก แต่เพราะเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่ชอบขัดใจใครเลยต้องทำตามยัยเด็กแสบญารินดากับน้องสาวกันตาที่เข้าขากันดี ยังกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา แทนที่จะเป็นน้องสาวสายเลือดเดียวกันกับเขา
“พี่กระทิงคะ แต่งงานกับพี่หญ้าหวานนะคะ เดี๋ยวกันตาจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้” กันตาอ้อนวอนพี่ชายแทบลงไปดิ้นพราดๆ เหมือนยัยเด็กแสบญารินดา
เขาเคยสงสัยว่าญารินดาทำยังไง ทำไมน้องสาวเขาถึงยอมเชื่อฟังโดยง่าย ทั้งๆ ที่เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ กันตากลับเชื่อฟังอีกฝ่ายมากกว่า บางครั้งคิดไปว่าความเป็นผู้หญิงด้วยกันสายสัมพันธ์เลยแน่นแฟ้นตามไปด้วย ญารินดาเองตามใจน้องสาวของเขาไม่ใช่น้อย มีอะไรแทบประเคนให้กันจนหมด นี่คงเป็นสาเหตุที่กันตาติดญารินดามาก ทั้งสองไม่เคยทะเลาะกันเลย ญารินดาว่าอะไร กันตาว่าตามนั้น เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ก็ได้ ยุ่งจริงๆ เชียวเด็กๆ นี่” กริชไทพูดตัดรำคาญเพราะไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้น่าเบื่อหน่าย
“เย้! แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ รอเพื่อนเจ้าบ่าวก่อน” กันตารีบบอกก่อนจะชะเง้อหาเพื่อนเล่นอีกคนที่อายุเท่ากับเธอ
“มาแล้วๆๆ”
เด็กชายพนาวัยแปดขวบรีบปั่นจักรยานมาจอดหน้าแก๊งเด็กที่ตนเล่นด้วยในทันที กันตาตบมือเปาะแปะดีใจที่มากันครบทีม พนาเป็นลูกของคนงานในไร่ เป็นเด็กขยันขันแข็งช่วยเหลืองานครอบครัว เป็นคนมีน้ำใจ เรียนโรงเรียนวัดใกล้ๆ บ้าน
“ขอโทษที่มาช้า พอดีไม้ซักผ้าล้างจานอยู่ เพิ่งจะเสร็จน่ะ” พนาหอบแฮกๆ รีบบอกทุกคนเพราะเพิ่งช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านจนเสร็จ
“ไม้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้พี่กระทิงกับพี่หญ้าหวานเร็ว สองคนนี้กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกัน” กันตารีบบอกเสียงใส กวักมือเรียกเพื่อนหย็อยๆ
กริชไทเป็นคนเดียวที่อายุมากกว่าใครเพื่อน เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมา พวกน้องๆ ของเขานั้นเพียงแค่ไม่กี่ขวบเลยคิดแบบเด็กๆ เล่นแบบเด็กๆ เขาเป็นวัยรุ่นแล้วจึงชอบอยู่กับเพื่อนทำกิจกรรมร่วมกัน เตะบอล ว่ายน้ำ เล่นดนตรีมากกว่าเล่นขายของหรือแสดงละครสมมุติแบบนี้
“เราไม่มีชุดสวยๆ ใส่ เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้เหรอ” พนาเอ่ยถามกันตาที่จัดแจงทุกอย่างอยู่ตรงหน้า ก้มมองเสื้อผ้ามอมแมมของตัวเอง เป็นเสื้อยืดสีมอที่ถูกซักจนซีด คอเสื้อย้วยๆ กางเกงมีรอยเย็บ รอยปะเต็มไปหมด
“สมมุติว่าสวยแล้วไง คิกๆ มาเร็วๆ มาเข้าพิธีแต่งงานกัน” กันตาจับมือเพื่อนรักเอาไว้ ไม่ได้สนใจเรื่องเสื้อผ้าของพนา และไม่เคยรังเกียจฐานะทางบ้านของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย
พนายิ้มออก เด็กชายตัวน้อยเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่เสมอว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร รู้สึกซาบซึ้งเมื่อลูกๆ เจ้านายของบิดามารดาไม่ถือตัวยอมมาเป็นเพื่อนเล่นด้วย
“ต้องมีผู้ใหญ่ด้วยไม่ใช่เหรอ” พนาเกาหัวแกรกๆ เอ่ยถามอย่างสงสัย
กลายเป็นพนาและกันตาที่ปรึกษาหารือกันไป กริชไทนั้นกรอกตาไปมา ส่วนญารินดานั้นเกาะเด็กหนุ่มแจไม่ยอมไปไหน
“สมมุติว่าต้นขนุนสองต้นนั่นเป็นพ่อแม่ของพวกเราแล้วกัน คิกๆ” กันตาตอบเสียงใส พยักพเยิดให้พี่ชายและญารินดาเพื่อนรุ่นพี่ที่เธอสนิทมากที่สุด
“ทีนี้พี่กระทิงยกแขนขึ้นนะคะ ให้พี่หญ้าหวานสอดแขนเข้าไปจับ” กันตาคอยกำกับเหมือนผู้กำกับหนังเรื่องดัง
กริชไทไม่อยากขัดน้องๆ เลยทำตาม ญารินดารีบจับแขนของว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตไว้ทันที ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ขัดใจหรือวิ่งหนีไปเหมือนครั้งก่อน
“ดีมาก คราวนี้ก็เดินไปหาพ่อกับแม่ค่ะ ไม้ๆ นายเดินขนาบข้างกับฉันไปที่พ่อแม่ของเรา สมมุติเอาต้นขนุนเป็นพ่อแม่”
กริชไทได้แต่ทอดถอนใจ พวกผู้หญิงมักมีกิจกรรมน่าเบื่อหน่ายและหน่อมแน้มเล่นกันเสมอๆ ส่วนพนานั้นยินดีและเต็มใจที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข
“ดีมากเลยค่ะ ทีนี้หันหน้าเข้าหากัน เจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาวค่ะ”
กันตารีบยกแหวนแต่งงานขึ้นมาตรงหน้า เป็นแหวนที่ได้มาจากตู้หมุนไข่ กริชไทเรียกว่าตู้หมุนไข่จอมดูดเงิน เขาไม่เคยเล่น พนาไม่เคยเล่น แต่กันตาเล่นเป็นประจำ เงินค่าขนมของน้องหมดไปกับไข่พวกนี้ พอหมุนออกมา จะได้ไข่หนึ่งฟองเป็นสีๆ แล้วด้านในไข่พอแกะออกมาจะเป็นแหวนบ้าง สัตว์ประหลาดตัวเล็กๆ ทำจากพลาสติกบ้าง แหวนมีลักษณะเป็นหัวสวยๆ สีสันสดใสเหมือนเพชรพลอย ตัวแหวนทำจากโลหะราคาถูก เด็กๆ เอามาใส่เล่นแล้วดูสวยงามตามประสาเด็กบ้านนอก แต่ผู้ใหญ่ดูก็รู้ว่าเป็นของเก๊
“สวมเลยค่ะ ซึ้งสุดๆ ไปเลย” กันตาตบมือเชียร์ยกใหญ่ กระทุ้งข้อศอกให้พนาทำตาม เด็กชายรีบตบมืออย่างไม่อิดออด
ก่อนที่กริชไทจะสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อย แต่เขามักเรียกเธอว่าเด็กแสบญารินดา และเป็นเด็กแสบคนเดียวของเขา กริชไทไม่ชอบให้ใครคนไหนเรียกซ้ำกับเขา ชื่อนี้เขาหวงมากๆ สงวนเอาไว้ให้ตัวเองเรียกคนเดียวเท่านั้น
“ทีนี้ก็ถึงทีที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวต้องหอมแก้มกันแล้วค่ะ” กันตายังทำตัวเป็นคนจัดการงานแต่งหลอกๆ ได้อย่างไหลลื่นไม่ขาดตอน
“พอแล้วกันตา” กริชไทปราม แต่เขาต้องตาโตเมื่อญารินดาหอมแก้มเขาเสียฟอดใหญ่
“พี่กระทิงหอมแก้มพี่หญ้าหวานด้วยสิคะ พี่หญ้าหวานหอมแก้มพี่กระทิงแล้วนะคะ ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องอายหรอกค่ะ คนกันเองทั้งนั้น” กันตารีบบอกพี่ชายด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย
ดูเหมือนคำพูดของกริชไทจะไม่มีผลอะไรกับน้องๆ ของเขาเลย เด็กหนุ่มวัยสิบห้าได้แต่เกาหัวไปมาให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของยัยน้องตัวแสบ
ส่วนพนาซึ่งมีอายุเท่ากับกันตา เป็นลูกไล่กันอยู่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เขาเห็นพนาไม่เคยขัดใจกันตาเลย มักตามใจน้องสาวของเขาทุกครั้ง
กันตามักแบ่งปันข้าวของให้เพื่อนเสมอ เนื่องจากครอบครัวของพนาฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บิดามารดาของอีกฝ่ายเป็นแค่คนงานในไร่เท่านั้น คอยรับจ้างถางหญ้า ปลูกพืชผัก หาเลี้ยงครอบครัว
“เฮ้ย! ทำอะไรกันอยู่วะ พวกสวะ” สืบสาย หลานกำนันเพิ่มลาภอายุเท่าๆ กับกริชไทและสมุนเด็กๆ อีกหลายคนที่ติดตามตะโกนถามด้วยน้ำเสียงยียวนก่อนจะโยนมังคุดใส่ญารินดาด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย!” แต่คนที่ร้องด้วยความเจ็บและเข้าขวางเอาไว้คือกริชไท
“พี่กระทิง” ญารินดาตกใจที่เห็นกริชไทร้องด้วยความเจ็บ หันขวับไปมองสืบสายอย่างเอาเรื่อง
..กล้าดียังไงมาทำให้พี่กระทิงของเธอเจ็บตัว
“หนอย... ไอ้สืบ เอ็งนี่มันนักเลงอันธพาล หมาลอบกัดจริงๆ เลย” ญารินดาเท้าสะเอวหน้าแดงก่ำ ไม่เคยคิดจะเรียกสืบสายว่าพี่เลยสักครั้ง แม้อีกฝ่ายจะอายุเท่าๆ กับกริชไท
ยิ่งเห็นสีหน้ายียวนของสืบสาย เด็กหญิงตัวน้อยยิ่งอยากจะเอาคืนให้หายเจ็บใจนัก ก่อนจะหาอะไรแถวนั้นขว้างกลับ กลายเป็นเหตุชุลมุนกันในเวลาต่อมา
แม้ญารินดากับกันตาจะเป็นเด็กผู้หญิงแต่แสบหน้าดู ทั้งดึงผม ดึงหู ดึงกางเกง กัดแขน จนพวกของสืบสายปั่นป่วนพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า