บทที่ 1.2 เรื่องร้อนหู
“เดี๋ยว!!” ฮิวจ์น่าจะเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอเข้าถึงตัวเคลตันได้ง่ายๆ ฟรานเชสก้าเลยมีท่าทีอ่อนลง
ชายหนุ่มชะงัก เขาหมุนตัวกลับมามอง พลางเลิกหัวคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
“ฝากคำขอโทษไปให้เคซีทีได้ไหมคะ” นี่คือการลงให้แบบที่สุดของเธอแล้ว
“ได้ แต่เคซีมันจะรับหรือเปล่า ผมไม่รู้นะ”
เรื่องบาดหมางระหว่างคนสองคน ฮิวจ์ขอไม่ยุ่งเกี่ยว เขารู้ใจเพื่อนดี หากเคลตันหันหลังให้ เขาจะไม่มีทางย้อนกลับมา แม่สาวตรงหน้าคงถูกเขี่ยทิ้งแล้วจริงๆ
“ฟรานเชสก้าแน่ใจว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรที่ทำให้เคซีไม่พอใจเลยนะคะ” ฟรานเชสก้าโอดครวญ ผู้ชายเป็นร้อยวิ่งไล่เธอ แต่ในบรรดาผู้ชายร้อยกว่าคนนั้นไม่มีเคลตัน ถึงเขาจะเปิดเผยการควงเธอในสังคม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขายกย่องเธอเหนือคนอื่น ฟรานเชสก้าอยากวางมือจากงานที่ทำอยู่ แต่ทำไงได้ล่ะ เธอเพิ่งรู้ตัว เธอรักผู้ชายคนนั้นเสียแล้ว
เคลตันเป็นชายที่เหนือกว่าผู้ชายทุกคน
เขาไม่ได้เก่งแค่เรื่องงาน ชายผู้นี้ครบเครื่องทุกด้าน บทรักของเขา ทำให้เธอลืมผู้ชายทุกคนบนโลกจนหมด เคลตันร้อนแรง ดุ ดัน แต่ก็อ่อนโยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอหลงเขาหัวปักหัวปำ จนลืมข้อตกลงระหว่างกัน เธอล้ำเส้นที่เคลตันขีดไว้
และตอนนี้ดูเหมือนว่า...เขาจะเบื่อเธอแล้วเสียด้วย
ฟรานเชสก้าถอนใจแรงๆ เธอเดินลากขากลับมานั่งหลังพวงมาลัยรถยนต์หรู เธอพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเคลตันกลับมาเป็นเหมือนเก่า...แต่แทบจะมองไม่เห็นความเป็นไปได้สักทาง...
ผู้ชายตาดุนั่งมองเธอมาสักระยะ จนมานีเริ่มหงุดหงิด เธอทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ มีหน้าที่ผสมเครื่องดื่มอยู่ในผับแห่งนี้มาเกือบหนึ่งปี รายได้พออยู่ได้ ไม่ลำบากต้องหางานพาร์ทไทม์ทำหลายๆ ที่เหมือนสมัยเรียน ไลลาน้องสาวเธอบ่นเรื่องงานของเธอหลายครั้งจนนับครั้งไม่ถ้วน มีนาแกล้งไม่ใส่ใจ... เธอชอบทำงานแบบนี้มากกว่า งานพิเศษที่น้องสาวแนะนำให้ ถึงมันจะได้สตางค์เยอะ หากเทียบกับการที่เธอต้องมายืนขาแข็งร่วม10ชั่วโมงแทบทุกวัน การเป็นเพื่อนสาวนั่งดื่ม หรือไปก็เป็นเพื่อนคุยให้คนกระเป๋าหนักรายได้ดีก็จริง แต่มันทำให้เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
หญิงสาวถอนใจแรงๆ พยายามทำใจเย็นและฝืนยิ้มให้ลูกค้าหน้าใหม่ที่เดินมาสั่งเครื่องดื่ม
เธอสาละวนกับการจัดการออเดอร์ที่เข้ามาไม่หยุดอยู่พักใหญ่ ครั้นแอบชำเลืองมองไปยังจุดเดิม จุดที่ชายผู้นั้นนั่งจ้องเธอ
หญิงสาวผงะ! ชายตาดุคนเดิมยังนั่งมองเธออยู่เหมือนเดิม เขาไม่ได้ละสายตาไปจากเธอแม้สักนาที
มานีแค่นยิ้ม พยายามโฟกัสกับงานตรงหน้า ไม่หวั่นไหวกับสายตาคู่คม ที่แฝงเลศนัยแบบนั้น
“เตกีร่าแก้วสิน้องสาว” ลูกค้าขี้เมาขาประจำเดินมานั่งหน้าเคาน์เตอร์เขาสั่งเครื่องดื่มประจำ ก่อนเหลียวมองไปรอบตัว “วันนี้ลูกค้าบางตานะมานี” คงเพราะมาบ่อยชายผู้นี้เลยรู้จักพนักงานในผับนี้เกือบทุกคน
“ยังหัวค่ำอยู่เลยมั้งคะ” เธอส่งแก้วเตกีร่าให้ลูกค้าท่านนั้น
“ไม่นะ ทุกทีฉันมาถึงแทบจะไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว” เขารับแก้วเครื่องดื่มมากระดกรวดเดียวหมดแก้ว “เอาใหม่อีกแก้วสิ” แอลกอฮอล์วิ่งพล่านในเส้นเลือด ไม่ทำให้เขาเมาจนครองสติไม่ได้สักครั้ง
บาร์เทนเดอร์สาวไหวไหล่ เธอจัดการเครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่งโดยไม่ได้โต้แย้งอะไร
เคลตันลุกจากที่นั่งเดิน เขาเดินไปหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมกับสั่งเครื่องดื่ม “ขอไวน์เดอชาโต้ปี1990ขวดสิ”
มานียิ้มค้าง เธอเงยหน้ามองคนสั่ง ก่อนจะก้มหน้าลงแอบเบ้ปาก
ผับที่เธอทำงานเป็นแค่ผับพื้นๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในเมลเบิร์น ไม่มีเจ้าของผับคนไหนแถวนี้ สั่งไวน์ราคาแพงมหาโหดนั่นมาขายให้ลูกค้าหรอก เพราะเงินทุนจะจมเสียเปล่า เมื่อสนนราคา1ขวดซื้อบ้านหลังเล็กๆ ได้เลย
“คุณน่าจะลองไวน์ที่เรามีบริการก่อนนะคะ ดิฉันเกรงว่าไวน์ที่คุณสั่ง ที่ร้านเราจะไม่มี”
มานีตอบเสียงสุภาพ เธอยืนจ้องหน้าเขาโดยไม่คิดหลบตา