บทที่ 4 ปัญหาครอบครัว
“พ่อเห็นลูกพราวกับหนูแก้มอยู่ด้วยกันก็หายห่วงแล้ว มีกันอยู่สองคนพี่น้องแล้วยังอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็ดูแลกันดีๆนะลูกแล้วอย่าลืมกลับมาเที่ยวบ้านเราบ้างล่ะ” ชวลิตพูดกับลูกสาวหลานสาวอย่างรักใคร่เอ็นดูและเป็นห่วง
“ค่ะคุณพ่อ/ค่ะคุณลุง..”
“เอาไว้กลับมาคราวหน้าแม่กับน้าทิพจะไปเที่ยวด้วยนะลูก” กัทลีพูดกับลูกสาวหลานสาว
“ผมไปด้วยนะครับป้าลี่ ผมจะไปดูว่าพี่พราวกับพี่แก้มมีหนุ่มฝรั่งมาจีบมั้ย” กิจจาโผล่หน้ามาเข้ากล้องและแซวพี่สาวทั้งสองคน
“เสียใจย่ะ พี่มาเรียนไม่สนใจฝรั่งหรอกน้องชาย”
“จริงรึ หนุ่มฝรั่งหล่อจะตาย”
“ช่างสิไม่เห็นจะสน” เธอก็มีหนุ่มฝรั่งมาจีบหลายคนแต่ก็คุยด้วยเป็นเพื่อนกันเท่านั้น
“เอาไว้พี่กับแก้มมีแฟนเมื่อไหร่จะรายงานกอล์ฟเป็นคนแรกเลยดีมั้ย” พราวพลอยพูดกับน้องชายยิ้มๆเพราะเธอสนิทกับครอบครัวของเก็ลดามากกว่าจินดาลูกสาวคนเล็กของตาการินที่แต่งงานกับทรงกลดชาวราชบุรีทำธุรกิจเครื่องปั้นดินเผามีลูกชายหนึ่งคนวัยยี่สิบปีไม่ค่อยได้เจอกัน
“ขอให้จริงเถอะครับ ไม่ใช่ว่ามีแฟนแล้วปกปิดน้องนะครับ” กิจจาพูดแทงใจดำคนเป็นพี่ที่กำลังปกปิดเรื่องของตัวเอง
“ไม่มีหรอกย่ะ” เก็จลดาตอบน้องชาย
จากนั้นก็มีญาติๆคนอื่นมาคุยกับสองสาวกันสนุกสนานก่อนจะวางสายเพื่อให้ทุกคนได้ดื่มกินกันต่อและกลัวจะเผลอพูดเรื่องหลานออกไปแล้วเป็นเรื่องใหญ่แน่
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ นายกอล์ฟมันพูดแทงใจพี่มากเลยนะแก้ม” พราวลดาพูดยิ้มๆตอนนี้เธออยากโฟกัสที่ลูกก่อนและไม่ได้ไปเรียนหากเธอไปเรียนก็จะเจอเพื่อนคนไทยด้วยกันกลัวจะเอาไปพูดจึงเลือกไปเรียนภาษากับน้องสาวและโชคดีที่มาตีซยกรถคันเล็กให้เธอจึงไปไหนมาไหนสะดวก
“โอ้โหพี่พราว ข่าวลูกชายลูกสาวมหาเศรษฐีแต่งงานกันหรูจังเลยค่ะ” เก็จลดาเห็นข่าวการแต่งงานของลูกชายมหาเศรษฐีของฝรั่งเศสกับลูกสาวรัฐมนตรีของฝรั่งเศสที่สวยหล่อเหมาะสมกันยังกับกิ่งทองใบหยกและมีพิธีแต่งงานกันสามวันสามคืน
“หรูหราจริงด้วย เอ้ะนั่น มาติซ..” พราวพลอยมองเจ้าบ่าวในทีวีจอใหญ่แล้วตกใจเพราะคนที่กำลังแต่งงานคือพ่อของลูกชายเธอ
“พี่พราวว่าอะไรนะคะ”
“มาติช ผู้ชายคนนั้นคือมาติซพ่อของลูกพี่เขาแต่งงานจริงๆด้วย” พราวพลอยมองอดีตคนรักในทีวีแล้วน้ำตาไหลเขาแต่งงานแล้วจริงๆเพราะอย่างนี้ใช่มั้ยเขาถึงเลิกกับเธอเพราะเขาเป็นลูกชายมหาเศรษฐี มิน่าล่ะถึงได้ให้ทั้งบ้านให้รถให้เงินสดเธอเยอะแบบนี้ทั้งที่ตอนแรกว่าตัดใจจากเขาได้แล้วเชียวแต่พอเห็นเขาแต่งานแล้วทำไมเธอเจ็บหัวใจจังเลย
“พี่พราว”
“พี่ไม่เป็นไรแก้ม อย่างน้อยเขาก็พูดจริงว่าจะแต่งงานและพี่ก็โง่เองที่ไม่รู้ประวัติของเขามาก่อนไม่งั้นพี่จะไม่ยุ่งกับเขาเลย” เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่ามาติซจะเป็นลูกชายมหาเศรษฐีคนดังของฝรั่งเศสเธอไม่เคยเห็นข่าวของเขาเลยเพราะเธอไม่ได้สนใจดูทีวีนั่นเองส่วนเก็จลดาบอกว่าดูทีวีจะได้ฝึกฟังภาษาไปในตัว
“แต่แก้มว่าพี่พราวน่าจะบอกเขาเรื่องลูกนะคะ”
“ไม่ พี่จะไม่ให้เขารู้เรื่องลูกเป็นอันขาด”
“แต่นี่เป็นบ้านของเขานะคะพี่พราวยังไงเขาก็ต้องรู้อยู่ดี แล้วคนรวยแบบนี้ถ้าเขาอยากได้ลุกขึ้นมาเราจะทำยังไงคะ” เก็จลดาพูดด้วยความเป็นห่วงพี่สาวหากอดีตคนรักของพราวพลอยรู้ว่าพี่สาวของเธอท้องแล้วเขาต้องการลูกมาแย่งเอาไปจะทำยังไงจะเอาอะไรไปสู้กับมหาเศรษฐี
“นั่นสิแก้ม แล้วพี่จะทำยังไงดีล่ะ” พราวพลอยพูดอย่างวิตกเธอไม่ยอมแน่หากมาติซจะมาแย่งลูกของเธอไป
“เราต้องย้ายที่อยู่ค่ะ”
“ใช่ๆต้องย้ายที่อยู่แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนไหนดีแก้ม” พราวพลอยถามน้องสาวตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกตาก็ดูข่าวงานแต่งงานพ่อของลูกกับผู้หญิงคนอื่น
“แก้มก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หรือว่าเราจะกลับบ้านดีคะพี่พราว” เก็จลดาพูดขึ้นทำให้คนเป็นพี่นิ่งงันไป
“ไม่ได้พี่จะกลับตอนนี้ไม่ได้ เราต้องหาที่อยู่ใหม่จริงสิราเนียไง บ้านของราเนียอยู่นอกเมืองนี่” พราวพลอยคิดถึงแม่บ้านขึ้นมาได้ว่าบ้านของพ่อแม่ราเนียอยู่นอกเมือง
“เราจะหนีไปตลอดไม่ได้นะคะพี่พราว”
“พี่ไม่ได้หนีแต่พี่แค่ไปตั้งหลักเท่านั้นหากเรียนจบแล้วเราก็กลับเมืองไทยพี่ไม่อยากย้ายที่เรียนเพราะที่นี่ดีที่สุดแล้ว หรือว่าเราวิตกมากเกินไปหรือเปล่าแก้ม” พราวพลอยพูดกับน้องสาวหลังจากที่เธอพยายามตั้งสติ
“นั่นสิคะพี่พราว แก้มว่าเราอย่าเพิ่งย้ายไปเลยค่ะถ้าเราหนีก็ต้องหนีไปให้ไกลแต่ถ้าเราอยู่ที่ๆปลอดภัยที่สุดก็คือที่นี่แหละค่ะ”
สองพี่น้องคุยกันปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดว่าจะทำยังไงดีแต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรอดีตแฟนเก่าของพี่สาวก็ไม่เคยโผล่หน้ามาหาเลยสักครั้งแล้วพวกเธอจะกลัวอะไรทำให้ทั้งสองตัดสินใจอยู่ที่เดิมจนกว่าพราวพลอยจะคลอดลูกเพราะทุกอย่างได้เตรียมไว้แล้วรวมถึงโรงพยาบาล
ส่วนคนที่สองสาวพูดถึงกำลังอยู่ในงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของเขากับเดลีนลูกสาวคนสวยของเลอารัฐมนตรีคนดังของฝรั่งเศสกับไดร่านักธุรกิจหญิงชื่อดังเกี่ยวกับเครื่องสำอางและความสวยความงามซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนมาเตโอกับนงนภัส
“มาตีชคะนี่งานแต่งงานของเรานะคะ ยิ้มหน่อยสิคะแขกจะมองยังไงเมื่อเห็นเจ้าบ่าวหน้าบึ้งยังกับถูกบังคับให้แต่งงาน” เดลีนพูดอย่างไม่พอใจที่มาตีซที่หน้านิ่งขรึมมาตั้งแต่พิธีเข้าโบสถ์ตอนเช้าแล้วนี้ก็งานเลี้ยงช่วงเย็นเขาก็ยังทำหน้าเดียว เดลีน ไฮโซสาวทายาทคนเล็กของ เลอากับไดร่า มาเตล่า
“ก็ถูกบังคับจริงนี่” มาตีซตอบอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าสาวดีที่ไม่มีใครอยู่ตรงนี้ มาตีซ เดอมอนต์เต้ หนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อเป็นทายาทคนโตของ มาเตโอกับนงนภัส เดอมอนต์เต้ นักธุรกิจไมโครซอฟต์และบริษัทผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์และตอนนี้กำลังรุกการสื่อสารโทรคมนาคมจะประมูลสัญญาณห้าจีเครือข่ายไร้สายนานๆเขาถึงจะออกครั้งหนึ่ง
“มาตีซ” เดลีนตวาดใส่มาตีซเสียงดังด้วยความโกรธที่เขาว่าเธอทั้งที่เธอยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขาจนกระทั่งมีความสัมพันธ์กันแล้วเธอก็ปล่อยท้องและตอนนี้ก็สามเดือนแล้วมาตีซถึงยอมแต่งงาน
“ทำไมหรือว่าผมพูดผิด” วันนั้นเขาไปงานปาร์ตี้ที่เดลีนจัดขึ้นที่บ้านของเธอและเขาจำเป็นต้องไปในฐานะคู่หมั้นตามคำสั่งแม่ที่อ้างสารพัดจนเขารำคาญเพราะอะไรน่ะหรือ ก็เขาเป็นทายาทคนโตของตระกูไงล่ะจึงต้องทำตามที่พ่อแม่ต้องการเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองครอบครัวที่ได้ตกลงกันไว้
“แต่ฉันท้องลูกของคุณอยู่นะมาตีซ”
“แล้วไง”
“มาตีซ ฉันทนไม่ไหวแล้วนะฉันไปไปบอกมัม..” เดลีนเอาแม่ของเขามาอ้างเพราะทุกครั้งจะได้ผล
“หยุดเลยเดลีน ถ้าอยากอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข จะให้ผมยิ้มใช่มั้ย ได้” มาตีซลุกขึ้นแล้วยื่นแขนให้เจ้าสาวเพื่อไปต้อนรับแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงนับพันคนนี่ขนาดเลือกที่สนิทถ้าไม่สนิทคงเชิญทั้งประเทศแล้วงานแต่งงานบ้าบอนี้ก็จัดตั้งสามวันเพื่ออะไรแล้วพ่อแม่ของเขาก็เห็นดีเห็นงามด้วย
“มาตีซแด๊ดกับแม่ให้ไปหาหน้างานน่ะ เฮ้ พี่ชายแยกเขี้ยวใส่ผมทำไมวะ” พรินซ์ มองพี่ชายที่แยกเขี้ยวใส่เขาอย่างงงๆ พรินซ์ เดอมอนต์เต้ หนุ่มหล่อล่ำกล้ามแน่นสุดฮอตในหมู่สาวๆและไม่มีใครกล้าเล่นข่าวของเขาและเขาก็ไม่ให้สื่อเห็นได้ง่ายเขามีความสามารถหลบสื่อยังกับล่องหนได้ เป็นลูกชายคนที่สองของมาเตโอกับนงนภัส ที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจกาแฟที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนสามคนเปิดร้านกาแฟทั้งที่เรียนบริหารแต่เขากับเพื่อนชอบดื่มกาแฟและมักจะไปนั่งร้านกาแฟคุยกันก็เกิดไอเดียเปิดร้านกาแฟและศึกษาอย่างจริงจังถึงขั้นตระเวนดื่มกาแฟร้านดังทั่วยุโรปและเขาก็เอาจริงเอาจังทั้งที่ยังเรียนไม่จบก็ร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านกาแฟในปารีสได้สิบสาขาและปีต่อมาเปิดในอิตาลี เยอรมันอังกฤษจนกระทั่งทั่วยุโรปได้สำเร็จในวัยยี่สิบหกปีจบปริญญาาโทพอดีกับ Workshop De Café (เวอร์คชอป เดอ คาเฟ่)ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
“ฉันยิ้มไม่ได้แยกเขี้ยว” มาตีซพูดอย่างอารมณ์เสีย
“อ้อ ใจเย็นๆพี่ชายไปหาแด๊ดกับแม่เถอะยังไงพี่ก็ต้องรักษาหน้าของพวกท่านหน่อยเอาไว้เสร็จงานแล้วค่อยปลดปล่อยนะ” พรินซ์เลือกพูดภาษาไทยเพราะไม่อยากให้เดลินรู้เรื่อง
“ไอ้น้องเวร ทีแกเมื่อไหร่จะขำให้” มาตีซอยากจะถีบน้องชายที่มันยังมาล้อเขา
“แต่ผมใส่ถุงตลอดนะพี่ ไม่มีทางปล่อยน้ำยาง่ายๆหรอกถ้าไม่แน่ใจจริงๆ พี่นี่อ่อนชะมัดโดนจับจนได้ หุหุ” พรินซ์ว่าพี่ชายที่เสียทีติดกับดักของเดลีนทั้งที่หลีกเลี่ยงมาตลอด
