บทที่ 3 สมรู้ร่วมคิด
“ใช่บ้านพี่เอง พอดีแฟนเก่าเขายกให้น่ะพี่ก็เลยไม่ต้องเช่าบ้านและยังมีเงินในบัญชีที่เขาให้อีกร้อยล้านนะเพราะเขาต้องไปหมั้นและแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เขาหาให้ก็เหมือนกับจ้างพี่เลิกกับเขาน่ะ” พราวพลอยเล่าให้น้องสาวฟังเพราะที่เมืองไทยเธอไม่ได้เล่าอะไรกลัวพ่อแม่รู้
“พี่พราวก็ยอมเลิกเหรอคะ”
“แก้มจะให้พี่ทำยังไงล่ะ ในเมื่อเขาขอเลิกพี่ก็ไม่รั้งเขาไว้เพราะอะไรรู้มั้ย คนเราเมื่อไม่มีใจให้กันแล้วรั้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ไม่ใช่ว่าพี่เห็นแก่เงินนะ ในเมื่อเขาไม่รักพี่แล้วพี่ก็รักตัวเองให้มากสิแล้วเขาก็เอาเอกสารมาให้พี่เซ็นรับบ้านหลังนี้และเงินหนึ่งร้อยล้านก็จบกันด้วยดี” พราวพลอยคิดถึงวันที่แฟนหนุ่มมาหาและบอกว่าขอเลิกกับเธอเพื่อจะหมั้นกับผู้หญิงที่พ่อแม่หาให้และบอกว่ายกบ้านให้เธอพร้อมกับเงินสดเพื่อขอให้จบกันไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกทำให้เธอช็อกทั้งที่วันก่อนยังพร่ำพรรณณาว่ารักเธอวันถัดมาขอเลิกแล้วยังเอาเงินมาฟาดหัวและเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าโง่ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีจึงรับไว้และตัดใจจากมาตีซ และมารู้ทีหลังว่าท้องทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกก่อนจะคิดได้จึงกลับเมืองไทยเพื่อขอให้น้องสาวช่วย
“พี่พราวไม่ได้บอกเขาเหรอคะว่าท้อง”
“พี่รู้ทีหลังน่ะสิ แต่ดีแล้วที่เขาไม่รู้พี่ว่าตอนนี้ไปนอนกันดีกว่าแก้มพักห้องนี้นะแล้วห้องพี่อยู่นั่นส่วนเรื่องไหนที่แก้มอยากรู้เอาไว้พี่จะเล่าให้ฟัง” พราวพลอยบอกน้องสาวซึ่งเธอเตรียมห้องไว้ให้ก่อนกลับเมืองไทยและมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ก่อนที่เธอจะกลับมา
“ค่ะพี่พราว มีอะไรก็เรียกแก้มนะคะ” เก็จลดาเหนื่อยมากว่าจะว่าง่วงก็ไม่ง่วงเธอยังปรับตัวไม่ได้เพราะเวลานี้ที่เมืองไทยก็ตีสามเกือบตีสี่ซึ่งเป็นเวลานอนหลับสนิท
“จ้ะน้องรัก ขอบคุณมากนะแก้มที่ช่วยพี่” พราวพลอยกอดน้องสาวและขอบคุณเบาๆ
“ก็เราเป็นพี่น้องกันนี่คะ ถ้าแก้มไม่ช่วยพี่พราวแล้วจะให้แก้มไปช่วยใครคะ” เก็จลดากอดตอบพี่สาวลูบหลังเบาๆอย่างปลอบโยนเธออ่านในเว็บไซต์ว่าคนท้องมักจะอารมณ์อ่อนไหวแปรปรวนตลอดเวลา
“ฝันดีจ้ะแก้ม”
“ฝันดีค่ะพี่พราว” เก็จลดายิ้มให้พี่สาวและมองจนพราวพลอยเข้าไปในห้องเธอจึงลากกระเป๋าเข้าไปในห้องแล้วล็อคประตูมองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามผ้าม่านสีครีมปูพรมนุ่มเตียงขนาดใหญ่ตั้งมุมห้องตู้เสื้อผ้าบิ้วอินทันสมัยและห้องน้ำก็โอ่อ่าหรูหรามากกว่าที่บ้านของพี่สาวที่กรุงเทพเสียอีกไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของบ้านรวยมากพออกมาจากห้องน้ำก็ตรงไปที่หน้าต่างเปิดผ้าม่านมองออกไปก็เห็นแม่น้ำ “ว้าวว,บ้านพี่พราวน่าอยู่จริงๆ” แล้วคนที่ง่วงกึ่งไม่ง่วงก็เปิดกระเป๋าเดินทางหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าโชคดีที่เธอมาตอนฤดูร้อนอากาศจึงไม่หนาวก่อนจะหยิบเสื้อผ้าออกมาวางแล้วหาวสามสี่ครั้งก่อนจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วหลับไปทันที
เวลา09.00น.
พราวพลอยตื่นมาด้วยความหิวจึงลงไปชั้นล่างเพื่อหาของกินรองท้องที่เธอโทรสั่งแม่บ้านช่วยจัดการให้ตอนแรกจะไม่จ้างต่อเพราะมาติซบอกว่าเขาเช่าบ้านหลังนี้และเธอจะไปอยู่อพาร์ทเมนท์เหมือนเดิมแต่เขากลับยกบ้านหลังนี้ให้เธอและยังให้เงินอีกพอรู้ว่าตัวเองท้องก็เลยจ้างแม่บ้านไว้เหมือนเดิมเพราะราเนียมาทำงานบ้านให้ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่และเริ่มงานเจ็ดนาฬิกาจนถึงสิบเอ็ดนาฬิกาทุกวันก่อนไปทำบ้านหลังอื่นต่อ
“พิงค์กี้จะรับกาแฟมั้ยคะ” ราเนียถามสาวสวยชาวไทยใจดีแล้วยิ้มให้เล็กน้อย พิงค์กี้คือชื่อที่มาตีชเรียกพราวพลอยเขาบอกว่าเธอสวยน่ารักสดใสทำให้โลกของเขาเป็นสีชมพู
“ช่วงนี้ฉันงดกาแฟค่ะราเนีย ขอเปลี่ยนเป็นนมสดกับขนมปังและออมเลตนะคะ” ว่าที่คุณแม่ก็เปลี่ยนอาหารของเธอและโชคดีที่ไม่แพ้ยกเว้นกินจุขึ้นจนแม่ของเธอถึงกับบอกว่าอ้วนขึ้น
“งั้นรอสักครู่นะคะ” ราเนียพูดจบก็เดินไปในครัวเพื่อทำอาหารเช้าให้เจ้านายสาวเพราะเธอทำงานที่บ้านของพราวพลอยวันละสี่ชั่วโมงก็ทำอาหารเช้าทำความสะอาดและซักผ้ารีดผ้าและได้ค่าแรงมากกว่าทำบ้านอีกสองหลังที่เหลือทำแค่สามชั่วโมงในช่วงบ่าย
เมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้วว่าที่คุณแม่ก็ขึ้นไปดูน้องสาวที่ห้องนอนว่าเป็นยังไงบ้างเพราะเงียบกริบสงสัยยังไม่ตื่นจึงไปอาบน้ำและจัดเสื้อผ้าเข้าตู้แล้วเอาของฝากจากเมืองไทยไปให้ราเนียซึ่งมีผ้าไหม เครื่องเงินและเครื่องหอมซึ่งแม่บ้านสาวใหญ่ชาวฝรั่งเศสชอบมากขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
“พรุ่งนี้พิงค์กี้อยากกินอะไรก็โน้ตไว้เหมือนเดิมนะคะ” ราเนียกอดถุงของฝากแน่นยิ้มแก้มแตกเพราะไม่เคยได้ของฝากมากขนาดนี้
“ได้ค่ะราเนีย ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลบ้านให้” พราวพลอยยิ้มให้แม่บ้าน
เมื่อราเนียออกไปจากยบ้านแล้วร่างเพรียวระหงของน้องสาก็ลงมาจากชั้นบนด้วยใบหน้ายับย่นจะว่าง่วงก็ไม่เชิงแต่หิวจึงตื่นมากินข้าวข้าวก่อนเพราะยังปรับตัวไม่ได้
“อีกสักอาทิตย์แก้มก็จะปรับตัวได้จ้ะ เช้านี้กินออมเลตกับขนมปังไปก่อนนะ หากแก้มอยากกินอาหารไทยเราไปกินที่ร้านกัน” พราวพลอยยิ้มให้น้องสาว
“เราทำกินเองไม่ได้เหรอคะพี่พราว”
“เสียใจจ้ะน้องรัก พี่ทำไม่เป็น” คนเป็นพี่ตอบยิ้มๆ
“แก้มพอทำอาหารง่ายๆเป็นค่ะ แต่เราจะหาซื้อของเหมือนบ้านเราได้หรือเปล่าแค่นั้นแหละค่ะ” เก็จลดาตอบพี่สาวและไม่รู้ว่าเครื่องปรุงทั้งหลายจะหาซื้อได้ง่ายเหมือนที่เมืองไทยหรือเปล่า
“มีสิ เดี๋ยวพี่พาไปแต่ไม่รู้จะมีครบหรือเปล่าเพราะพี่ได้ยินเพื่อนพูดว่ามีขายแต่พี่ไม่เคยไป” คนทำอาหารไม่เป็นตอบน้องสาวเพราะเธอมาอยู่ฝรั่งเศสได้สี่เดือนก็เจอกับมาตีซหนุ่มหล่อหล่ำกล้ามแน่นจึงคบหากับเขาได้สองเดือนก่อนจะย้ายออกจากอพาร์ทเมนท์มาอยู่กับเขาที่บ้านหลังนี้และไม่ได้สนใจว่าเขาเป็นลูกใครเธอรู้แค่ว่าเขาทำงานที่บริษัทไมโครซอฟต์ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสเท่านั้นและไม่รู้ด้วยว่าเขามีฐานะร่ำรวยเธอรู้แต่ว่าเขากินหรูอยู่ดีมีรถสปอร์ตขับแล้วอยู่ด้วยกันได้แค่แปดเดือนก็ถูกขอเลิกทั้งที่เธอรักเขาในเมื่อเขาหมดใจเธอก็ปล่อยไปไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนดีแต่เธอไม่อยากช้ำใจไปมากกว่านี้
“ใครทำอาหารให้คะ พี่พราวทำเองเหรอคะ”
“แม่บ้านทำให้จ้ะ ราเนียจะมาทำงานวันละสี่ชั่วโมงตั้งแต่เวลาเจ็ดโมงเลิกงานสิบเอ็ดโมง แต่วันนี้ขอกลับเร็วจะไปเยี่ยมแม่น่ะพรุ่งนี้พี่จะแนะนำให้รู้จัก”
“ค่ะพี่พราว ว่าแต่บ้านกว้างขวางดีนะคะแฟนพี่พราวท่าจะรวยน่าดูเลยค่ะ” เก็จลดามองบ้านของพี่สาวอย่างชื่นชมและคิดว่าราคาคงแพงน่าดู
“ก็น่าจะรวยนะไม่งั้นคงไม่ให้เงินพี่ถึงร้อยล้านหรอกจ้ะไหนจะบ้านหลังนี้อีกราคาน่าจะหลายสิบล้านมั้ง” พราวพลอยบอกน้องสาวตามที่ได้ยินแม่บ้านพูดเพราะอยู่ในเมืองปารีสและด้านหลังยังติดแม่น้ำแซนมีท่าเรือทุกหลังและยังมีที่เก็บเรืออยู่ด้านหลังซึ่งแต่ละหลังก็เป็นบ้านของคนมีฐานะทั้งนั้นราคาน่าจะห้าสิบล้านขึ้นหรือมากกว่านั้น
“แก้มขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรพี่ทำใจได้นานแล้วล่ะ กินข้าวเถอะเดี๋ยวพี่จะพาสำรวจบ้านว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน” พราวพลอยบอกน้องสาวเพราะเธอมาอยู่ปารีสใหม่ๆก็ยังทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“ค่ะพี่พราว”
เผลอแป๊บเดียวเก็จลดาก็มาอยู่ปารีสได้สองเดือนซึ่งเธอก็ไปเรียนภาษาฝรั่งเศสทุกวันจนตอนนี้พอพูดได้แต่ยังมีปัญหาการฟังและต้องใช้ภาษาอังกฤษช่วยแต่ก็สามารถเอาตัวรอดได้และตอนนี้พราวพลอยก็ท้องได้ห้าเดือนซึ่งโตมากขึ้นและไปหาหมออัลตร้าซาวด์แล้วเธอได้หลานชาย
“อย่าเพิ่งโทรนะแก้มพี่ขอเตรียมตัวก่อน” พราวพลอยบอกน้องสาวที่กำลังเปิดแมคบุ๊คเพื่อจะโทรกลับบ้านเพราะเป็นวันเกิดของตาผดุงกับตาการินที่เกิดเดือนเดียวกันและยังคือสิบเอ็ดกับสิบสองตุลาคมจึงจัดงานวันเกิดในครอบครัววันเดียวกันจึงจัดก่อนพร้อมกันคือวันที่สิบ
“พร้อมหรือยังคะพี่พราว” เก็จลดายิ้มให้พี่สาวที่จัดเสื้อคลุมตัวใหญ่ปกปิดท้องของตัวเองไว้และโชคดีที่พราวพลอยอ้วนแต่ท้องใบหน้าสวยยังเหมือนเดิม
“พร้อมจ้ะ”
เมื่อพี่สาวบอกว่าพร้อมคนเป็นน้องก็โทรสไกป์หาแม่ทันทีตามที่ท่านบอกว่าจัดงานวันเกิดให้สองตาที่บ้านก็มีแต่ญาติสนิทมาร่วมอวยพรกันหลายคนแลเพื่อนบ้านที่มาชุมนุมกันตามประสาคนต่างจังหวัด
“สวัสดีค่ะคุณตาคุณพ่อคุณแม่คุณลุงคุณป้าทุกคนค่ะ สุขสันวันเกิดค่าตาริน ตาดุงขอให้มีความสุขเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานไปจนสองร้อยปีเลยค่ะ” เสียงหวานใส่ทักทายทุกคนแล้วอวยพรงันเกิดให้ตาทั้งสอง
“ขอบใจลูก”
“ขอให้คุณตาทั้งสองมีความสุขมากๆนะคะ พราวรักคุณตาๆค่ะ”
“แก้มก็รักคุณตาๆค่ะ”
“ตาก็รักหลานๆทั้งสองลูก แล้วที่โน่นเป็นยังไงบ้างล่ะ หนาวมั้ยลูก” ตาผดุงถามหลานสาวทั้งสองเพราะเห็นใส่เสื้อกันหนาว
“ฝนตกอากาศหนาวค่ะตาดุง ที่นี่อากาศไม่เหมือนบ้านเราค่ะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว” เก็จลดาพูดเจื้อยแจ้วตามปกติของเธอทำให้ทุกคนยิ้ม
