ตอนที่ 2 คุณกำลังหึงผมหรือว่ากำลังสงสัยในตัวผม
เพลงพิณเข้าไปสำรวจในห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจกับความหรูหรา กว้างใหญ่ อลังการของห้อง ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์แบรนด์หรูระดับโลก
" ว้าวววว หรูหราอะไรเบอร์นี้ สุดยอดไปเลย วู้ววว "
เอ่ยจบเธอก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงใหญ่ที่หนานุ่มสบายตัว
บนผ้าปูสีขาวสะอาดตาทำให้รู้สึกสบายใจ
เธอหลับตาพริ้มยิ้มแป้นอย่างมีความสุข ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สักพักเธอก็ดีดตัวขึ้นมานั่ง แล้วลงจากเตียงเดินออกไปสำรวจสระว่ายน้ำและวิวทิวทัศน์ข้างนอกอย่างชิวๆ
" โห ลมเย็นสบายจัง บรรยากาศยามพลบค่ำคือดีสุดๆไปเลยอ่ะ
นี่มันสวรรค์ของคนรวยชัดๆ วิวสวย บรรยากาศดี ถ้านั่งทานข้าวริมสระในเวลานี้ท่าจะฟินแฮะ "
เธอยืนรำพึงรำพัน จับราวระเบียงแล้วทอดสายตามองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดฟิน
สูดลมเย็นๆที่พัดผ่านตัวเธอมาเอื่อยๆเป็นระยะๆด้วยความรู้สึกสดชื่น
เธอดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างสุขกายสบายใจ
โดยที่ไม่รู้เลยว่าบนตึกสูงชั้นนี้มีคนอื่นพักอยู่ด้วย
และยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้เลยว่าทั้งสามห้องมีประตูเชื่อมกันหมด
มีเพียงเจ้าของห้องเท่านั้นที่สามารถเข้าออกไปมาได้ทุกห้อง
เธอรู้แค่ว่ามีสามห้อง มีเพื่อนบ้านสามหลังสามครอบครัว
นอกนั้น เธอไม่ได้คิดหรือสงสัยอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเห็นว่าชั้นนี้มีถึงสามห้อง แค่นั้นจบ
แต่ที่เธอแปลกใจนิดหน่อย คือห้องอื่นเขาไปไหนกันหมด
[ หรือพวกคนรวยจะชอบความสันโดษ อยู่แต่ในห้องของตัวเอง ต้องใช่แน่ๆ ]
อีกใจเธอก็คิดว่า อาจเป็นเพราะพวกเขาอยู่ที่นี่นานจนเบื่อแล้ว จึงไม่สนใจจุดรับลมชมวิวที่เธอมายืนอยู่
เธอยืนรับลมอย่างเงียบๆฟังเสียงลมที่พัดผ่านเบาๆคนเดียวจนรู้สึกเริ่มหนาวเย็นแล้ว
เธอจึงเดินกลับเข้าไปในห้อง ไปนอนแช่น้ำอุ่นๆในอ่างสุดหรู ราคาที่คนทั่วไปไม่สามารถจับต้องได้
แช่น้ำเสร็จเธอก็กลับมาเปลี่ยนเป็นใส่ชุดนอนแล้วเดินมานอนลงบนเตียงใหญ่
ที่ทั้งหนาและนุ่มมากเป็นพิเศษไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ในเช้าวันต่อมา เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่เช้า ด้วยความรู้สึกสบายตัว เพราะหลับอิ่ม
และเป็นเพราะเมื่อคืนเข้านอนเร็ว บวกกับความนุ่มของเตียงเธอเลยหลับลึกหลับยาวไปถึงสิบชั่วโมง
จากนั้นเธอก็ลุกมานั่ง ลงจากเตียงไปเปิดผ้าม่านแล้วเข้าไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เดินไปเปิดประตูออกจากห้องเพื่อไปทานข้าวในห้องอาหารส่วนตัว
เธอเดินตรงไปยังลิฟต์แล้วเข้าไปข้างในกดลงไปยังชั้นห้องอาหารโดยที่ไม่สนใจว่ามีคนกำลังมองเธออยู่
หวังเซียวหยาง เจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้กับแฟนสาวกำลังจะเดินตรงมายังลิฟต์ส่วนตัว
ดันเห็นเพลงพิณที่เป็นคนแปลกหน้าเดินเข้าไปในลิฟต์ของเขาก่อนอย่างหน้าตาเฉย
เขาถึงกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ เขาเห็นใบหน้าของเพลงพิณเพียงแวบเดียว
แต่สายตาคมกริบอันเฉียบแหลมของเขากลับสแกนใบหน้าของเพลงพิณไว้อย่างเงียบๆ
[ เธอเป็นใคร ขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง ]
ในขณะที่เขากำลังพึมพำอยู่แฟนสาวที่ควงแขนเขาอยู่ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
" เซียวหยาง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ ไหนคุณบอกว่าบนนี้ ไม่มีใครขึ้นมาได้นอกจากฉันไงคะ "
เขาละสายตาจากลิฟต์ที่ลงไปชั้นล่างแล้วเลื่อนมามองคนข้างๆแล้วเอ่ยเสียงอ่อน
" น่าจะเป็นแม่บ้านที่มาทำความสะอาดชั้นนี้น่ะ คุณอย่าไปสนใจเลย "
หญิงสาวเองก็ไม่กล้าทำให้แฟนหนุ่มขุ่นเคืองหรือรำคาญใจ เธอจึงเอ่ยอย่างตามใจว่า
" ก็ได้ค่ะ ยี่หรานเชื่อใจคุณ แต่ว่า การแต่งตัวเธอไม่เหมือนแม่บ้านเลยนะคะ "
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามแฟนสาวด้วยน้ำเสียงสุขุมเจือขุ่น
" คุณกำลังหึงผมหรือว่ากำลังสงสัยในตัวผมกันแน่ "
เขาไม่ค่อยชอบใจเล็กน้อยที่ผู้หญิงของเขามาสงสัยเขาแบบนี้
หญิงสาวรู้สึกได้ในน้ำเสียงของแฟนหนุ่มที่เริ่มไม่โอเคเธอจึงเอ่ยว่า
" แน่นอนว่าต้องเป็นหึงแน่นอนค่ะ ก็คุณเป็นแฟนของยี่หราน ไม่หึงคุณจะให้ไปหึงใครคะ "
หวังเซียวหยางเม้มปากยิ้มเบาๆแล้วเอ่ย
" ไปเถอะ "
เอ่ยจบเขาก็จับมือแฟนสาวจูงเข้าไปในลิฟต์
แล้วพาเธอออกไปช็อปปิ้ง
หลังจากช็อปปิ้งเสร็จเขาก็ขับรถโรลส์รอยซ์คันหรูขิงเขากลับมายังโรงแรม
เพลงพิณออกมาถ่ายรูป เก็บภาพตามสถานที่ต่างๆ ที่เธอรู้สึกว่ามันสวยสะดุดตา
ตามประสานักท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับการเดินเท้าถ่ายรูป
โดยที่ไม่รู้เลยว่าอุบัติเหตุกำลังจะมาเยือนเธอจากทางด้านหลังในอีกไม่กี่นาที
ขณะที่หวังเซียวหยางขับรถกลับมายังโรงแรม
ระกว่างทางย่าของเขาโทรมา เขากดรับสายย่าแล้วเปิดลำโพงอย่างไม่ปิดบังอะไรต่อแฟนสาว
จากนั้นเขาก็เอ่ยกับย่าด้วยน้ำเสียงสุขุม
" ครับคุณย่า "
ย่าที่อยู่ปลายสายเมื่อได้ยินเสียงหลานชาย
จึงเอ่ยว่า
" เซียวหยาง ต้นเดือนหน้าหลานจะต้องแต่งงานกับหลานสาวของเพื่อนย่าแล้วนะ
ตอนนี้เธออยู่ในจีนแล้ว หลานรีบเคลียร์ตัวเอง ตัดความสัมพันกับแม่ดารานางแบบคนนั้นซะ
อย่าให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในงานแต่งที่จะถึงนี้เด็ดขาด ไม่งั้นอย่าหาว่าย่าไม่เตือน "
ยี่หรานได้ยินดังนั้นก็โกรธจัดทั้งเสียใจและน้อยใจในเวลาเดียวกัน
ความคับแค้นใจสุมอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว
หวังเซียวหยางเหลือบมองไปยังเธอแล้วจับมือเธอเป็นการปลอบใจเบาๆ จากนั้นเขาก็เอ่ยกับย่าว่า
" คุณย่าครับ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังจะมาคลุมถุงชนกันอีกเหรอ ผมไม่เล่นด้วยหรอกนะ
คนที่ผมจะแต่งงานด้วยมีเพียงยี่หรานคนเดียวเท่านั้น
และเจ้าสาวในวันแต่งงานเดือนหน้าคือยี่หราน ไม่ใช่หลานสาวของเพื่อนคุณย่าครับ "
หวังเซียวหยางพูดเอาใจแฟนสาว ขัดใจคุณย่าเผด็จการที่คอยบงการชีวิตเขามาตลอดอย่างไม่สนใจอะไรอีก