

ตอนที่ 6 พาเข้าบ้าน
ตอนที่ 6 พาเข้าบ้าน
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ในรถเพื่อเดินทางกลับ บรรยากาศความรู้สึกของทั้งสามคนค่อนข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ย่าบัว..ปลื้มปิติรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้หลานสะใภ้คนนี้มา อีกทั้งหลานชายของท่านก็พอใจด้วย ย่าบัวมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะก่อนมาคมสันเอาแต่พูดโน่นพูดนี่ แต่ตอนนี้ยิ้มกริ่มอย่างกับคนละคน
คมสัน..เขารู้สึกถูกใจหญิงสาวคนที่นั่งอยู่ทางเบาะด้านหลังตั้งแต่แรกเห็น เธอมีใบหน้าสะสวยจิ้มลิ้ม ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของเธอจะไม่มีเครื่องสำอางเลย แต่เธอกลับมีผิวพรรณเปล่งปลั่งสวยใสคมคายน่ามองเป็นที่สุด เส้นคิ้วสวย ขนตายาว ดวงตากลมโต ปลายจมูกเด่น แถมริมฝีปากยังแดงระเรื่อน่าจุ๊บเป็นที่สุด ส่วนรูปร่างของเธอจัดว่าผอมไปหน่อย แต่ส่วนไหนที่ควรมีเธอก็มีให้เห็นเด่นชัด เรียกได้ว่าเธอสวยถูกใจคมสันสุดๆไปเลย เขาแอบมองเธอบ่อยมากแม้กระทั่งเวลานี้ที่กำลังทำหน้าที่ขับรถอยู่ จนคนถูกมองเริ่มทำตัวไม่ถูก เธอจึงเลือกที่จะหันหน้าหนีไปมองข้างทางแทน
น้ำขิง..ก่อนหน้าที่วันนี้จะมาถึง เธอได้ทำใจไว้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็อดที่จะเป็นกังวลกับช่วงเวลาหลังจากนี้ไม่ได้ ความรู้สึกถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ ไหนจะสายตาของเขาที่มองเธอตลอดเวลานี่อีก แต่สายตานี้เธอมองไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไง มันเป็นสายตานิ่งๆ เรียบเฉย ไร้ความรู้สึก ส่วนใบหน้าของเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะยิ้มให้เธอเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้บึ้งตึงจนเกินไป เธอจึงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ ส่วนความรู้สึกของตัวเธอเองนั้น แน่นอนว่าคงวิตกกังวลไปหมด เธอหวังแค่ว่าเขาจะไม่ใจร้ายกับเธอจนเกินไป
“น้ำขิง หนูเพิ่งเรียนจบเหรอลูก” ย่าบัวเห็นว่าบรรยากาศภายในรถเงียบจนเกินไป ท่านจึงเอ่ยชวนหลานสะใภ้คุย
“ค่ะย่า ขิงจบมาประมาณสองเดือนแล้วค่ะ”
“งานสมัยนี้หายาก เดี๋ยวไปช่วยพี่เขาทำงานก็แล้วกัน ย่ารับรองไม่เหงาแน่นอน”
“งานอะไรคะ”
“เป็นชาวสวน ไหวหรือเปล่า” ประโยคนี้เสียงเข้มๆของคมสันพูดขึ้นเพื่อต้องการอยากจะแกล้งคนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังเล่น ซึ่งคำว่าชาวสวนก็คงหนีไม่พ้นงานกลางแจ้ง งานแบกงานหาม หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่างานหนักนั่นเอง
"........."
“หนูเรียนจบมาคงมีความรู้ไม่น้อย เดี๋ยวเอาความรู้ที่มีไปช่วยพี่เขาทำงานนะลูก” งานสวนต้องใช้ความรู้ด้วยเหรอ...น้ำขิงคิดในใจ
“ส่วนแสนก็ค่อยๆสอนงานน้องไป งานในสวนมีเยอะแยะเริ่มจากงานง่ายๆก่อน อ่อ...แล้วอย่าลืมจ่ายค่าแรงให้เมียตัวเองด้วยล่ะ”
“จ่ายให้ไปตั้งสองล้านแล้ว ไปอยู่บ้านเรากินฟรีอยู่ฟรี ไม่ต้องเอาก็ได้หรอกมั้งเงินเดือนน่ะ” ประโยคนี้ของคนขี้แกล้งทำให้น้ำขิงทำหน้าไม่ถูก เนื่องจากสิ่งที่เขาพูดมันจริงทุกอย่าง เขาจ่ายมาให้แล้วตั้งสองล้านซึ่งเงินจำนวนนี้มันเยอะมากๆสำหรับเธอ
“พูดจากับน้องให้มันดีๆหน่อย เงินสองล้านเป็นค่าสินสอด ย่าเป็นคนจ่ายไม่ใช่แก”
“เงินย่าก็เหมือนเงินผม” เขาแถ
“น้ำขิงลูก...ถ้าหลานชายย่ามันรังแกหนู หนูมาฟ้องย่าได้เลยนะ เดี๋ยวย่าจัดการมันให้” คำพูดและน้ำเสียงเอ็นดูของย่าบัวทำให้น้ำขิงรู้สึกอบอุ่นเหมือนมีที่พึ่ง มีย่าบัวอยู่ด้วยเธอคงเบาใจลงไปได้บ้าง
ระหว่างการเดินทางย่าบัวพยายามชวนหลานสะใภ้คุย ส่วนคมสันก็ทำเสียงเข้มปั้นหน้านิ่งไปตลอดทาง ถ้าถามว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร คำตอบก็คือเขาจะไม่ยอมตกเป็นทาสเมียเหมือนปู่กับพ่อแน่นอน!
และแล้วรถยนต์ที่คมสันเป็นผู้ขับมาก็จอดสนิทลงที่โรงจอดรถภายในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งด้านหน้าเป็นร้านอาหาร น้ำขิงเข้าใจว่าเขาน่าจะพามากินข้าวเพราะเวลานี้ก็เลยเวลาเที่ยงไปนิดหน่อยแล้ว แต่เขากับย่าบัวดันพาเธอเดินเข้าบ้าน ไม่ได้เดินไปที่ร้านอย่างที่เธอเข้าใจ
บริเวณโดยรอบไม่เห็นมีสวนที่พูดกันบนรถเลยสักนิด บ้านหลังนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในเมือง แล้วตกลงที่นี่คือที่ไหนกันแน่ น้ำขิงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ยอมเดินตามย่าบัวกับคมสันเข้าไปในบ้านแต่โดยดี ในใจแอบกลัวนิดหน่อย หวังว่าพวกเขาคงไม่ได้จะเอาเธอมาขายหรอกนะ
“อ้าวมากันแล้วเหรอ” เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในบ้าน น้ำขิงก็พบกับคุณลุงคุณป้าทั้งสองท่านท่าทางใจดี พวกท่านกำลังส่งยิ้มมาให้เธอด้วย แต่กระนั้นทั้งสองท่านที่เธอได้พบก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธออยู่ดี
“น้ำขิง นี่พ่อกับแม่เฮียเอง” เฮีย! เธอคิดมาตลอดทางว่าจะเรียกเขาว่าอะไรดี สรรพนามแทนตัวเองของเขาทำให้เธอรู้ว่าควรจะเรียกเขาว่าเฮีย
“สวัสดีค่ะ” น้ำขิงรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านอย่างไม่ลังเล ซึ่งใบหน้าของพวกท่านทั้งสองก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี แต่กระนั้นก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจอีกหนึ่งคำถาม...แล้วไหนสวนที่พูดถึง?
“สวัสดีลูก หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มดีนะ” วิวัฒน์บิดาผู้ให้กำเนิดคมสันเอ่ยชม
“ไหว้พระเถอะลูก มาๆกินข้าวกัน นี่ก็เลยเวลาแล้ว” ทับทิมแม่ของคมสันเอ่ยชวนลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ทุกคนมีความสุข ยกเว้นเธอ
“พ่อกับแม่กินแล้วนะ คงไม่ได้นั่งกินด้วยนะลูก ช่วงนี้ลูกค้าแน่นร้าน พ่อกับแม่ต้องขอตัวไปขายข้าวก่อน...ไปเฮีย!” ผู้เป็นแม่พูดจบก็หันไปสะกิดพ่อ จากนั้นท่านทั้งสองคนก็เดินตามกันออกไป
“น้ำขิงลูก นั่งลงกินข้าวกับย่ามา”
"ค่ะย่า" คำเชิญของย่าบัวทำให้น้ำขิงยอมนั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหารแต่โดยดี บนโต๊ะมีกับข้าวให้เลือกหลายอย่าง แต่มีอยู่สองจานใหญ่ๆที่วางอยู่ตรงกลางก็คือ ข้าวมันไก่กับข้าวขาหมู หน้าตาน่ากินมากๆ
“สองจานนี้พ่อกับแม่น่าจะทำไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะเป็นเมนูหลักที่ร้านน่ะ อ่ะกินเยอะๆนะ เฮียชอบผู้หญิงอวบๆ” ประโยคแรกฟังดูเหมือนจะดี แต่ประโยคต่อมาคืออะไร แต่ไม่ว่าความหมายของเขาจะไปในทางทิศไหน เธอก็คงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจอย่างเช่นเดิม
ส่วนคมสันเขาเบื่ออาหารที่ร้านจะแย่ จึงเลือกที่จะขยับจานข้าวมันไก่กับข้าวขาหมูเอาไปไว้ด้านหน้าให้เธอใกล้ๆ จะได้ตักได้สะดวกขึ้น ส่วนย่าบัวเองก็เบื่อทั้งสองเมนูนี้เช่นกัน
“แสน...กินข้าวอิ่มแล้วพาน้องกลับบ้านไปพักผ่อนนะ ช่วงเย็นถ้าว่างก็พาน้องไปเดินเล่นตลาดนัดเย็นเปิดหูเปิดตา...เข้าใจที่ย่าบอกหรือเปล่า”
“ครับย่า” รับคำย่าแต่สายตามองหน้าเมียตาไม่กระพริบ ซึ่งเธอก็เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาเลยสักครั้ง
“........” ประโยคเมื่อสักครู่ที่ย่าบัวพูดคืออะไร น้ำขิงเกิดความสงสัยขึ้นในใจอีกครั้ง กลับบ้านหลังไหนอีก อย่าบอกนะว่าบ้านหลังที่เธอจะต้องไปอยู่มีเพียงแค่เขาและเธอสองคนเท่านั้น...เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ความกังวลก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ในตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะได้อยู่บ้านหลังเดียวกับย่าบัวเสียอีก
“เสียดายเจ้าแสบไปโรงเรียน ถ้าไม่อย่างนั้นคงได้เห็นหน้าแม่” ประโยคนี้คมสันตั้งใจพูดให้น้ำขิงได้ยิน เขาอยากรู้ว่าถ้าเธอรู้ว่าเขามีลูกแล้วจะคิดยังไง ซึ่งเขาก็พยายามสังเกตสีหน้าของเธอ เห็นเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากไปเงียบๆ
“วันหลังค่อยเจอกัน วันนี้พาน้องกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะ” ย่าบัวพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มบ่งบอกได้ถึงความสุข ส่วนน้ำขิงตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่คำถามเต็มไปหมด
❤️❤️❤️❤️❤️
