บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ข้อเสนอ

ตอนที่ 2 ข้อเสนอ

ย่าบัวนั่งรถกลับมาถึงบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนคนเป็นลูกชายเห็นก็อดที่จะถามไถ่ไม่ได้

“แม่...หน้าเครียดเชียวมีเรื่องอะไรหรือเปล่า” วิวัฒน์คือบิดาผู้ให้กำเนิดคมสัน เป็นลูกชายของย่าบัว เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“แม่โมโหลูกชายแกนั่นแหละ”

“มันไปทำอะไรให้แม่โมโหอีกล่ะ”

“อายุตาแสนก็ไม่น้อยแล้ว แม่ว่าจะหาเมียให้มันสักคน” ผู้เป็นแม่ไม่ได้ตอบคำถามของลูกชาย แต่เลือกที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดทาง

“คิดยังไงถึงอยากจะหาเมียให้มัน”

“เถอะน่า...แม่สนใจยัยหนูน้ำขิงลูกสาวอุดม ป่านนี้น่าจะเรียนจบแล้วมั้ง” ย่าบัวสนใจลูกสาวบ้านนี้เพราะว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านได้ทราบข่าวมาว่าครอบครัวนี้กำลังประสบปัญหาเรื่องการเงินค่อนข้างหนัก ผู้เป็นแม่กู้เงินไปลงทุนแต่ดันถูกโกง อีกทั้งยังใจดีไปค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนบ้านจนตัวเองต้องเดือดร้อน

หนี้สินทั้งหมดรวมกัน ได้ข่าวมาว่าเกือบๆสองล้านบาท ทำให้เจ้าตัวรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตรอมใจตายไปเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนผู้เป็นสามีไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แค่หาเงินส่งดอก แต่ก็ส่งได้ไม่มากนัก เพราะต้องส่งลูกสาวเพียงคนเดียวเรียนต่อให้จบ หนี้สินที่มีก็ไม่ได้ลดลงเลย แถมดอกยังเพิ่มขึ้นจนตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด หลังจากที่ภรรยาได้เสียชีวิตไปแล้ว อุดมก็ได้มีภรรยาใหม่คิดแค่ว่าหาเพื่อนอยู่ด้วยในยามแก่เฒ่า

“ใครเขาจะยกลูกสาวให้แม่ง่ายๆ ฝันไปเถอะ” วิวัฒน์ค้านเสียงเข้ม เพราะเขารู้จักนิสัยของลูกชายตัวเองเป็นอย่างดี...ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นคมสันจะจริงจังกับใครสักคน

“ก็ไม่แน่ แม่ได้ข่าวมาว่าตั้งแต่ที่แม่ของเธอเสียไป พ่อก็มีเมียใหม่ หนี้สินพะรุงพะรัง”

“เป็นหนี้จะสักเท่าไหร่กันเชียว คงไม่ถึงกับต้องขายลูกสาวกินหรอกมั้ง”

“สองล้าน” ย่าบัวแอบเสียดายความเก่งของภรรยาของอุดมที่เสียไปแล้ว เธอเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นช้างเท้าหน้า เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นคนหาเงินเข้าบ้านได้ครั้งละมากๆ ส่วนสามีไม่ค่อยเก่งในเรื่องการลงทุนนัก ทำได้แค่คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง แต่สุดท้ายความใจดีใจใหญ่ก็ทำให้ตัวเองเดือดร้อน

“สองล้านเอง ก็ไม่เท่าไหร่นี่” สำหรับครอบครัวนี้เงินสองล้านจัดว่าไม่ได้เยอะมากขนาดนั้น แต่สำหรับบางครอบครัวเงินจำนวนนี้หาทั้งชาติก็หาไม่ได้ โดยเฉพาะอุดมที่ไม่ค่อยเก่งในเรื่องลงทุน เขาทำได้แค่งานใช้แรงทั่วๆไปเท่านั้น

“รุ่ง รุ่งเอ๊ย” เมื่อคิดได้ก็ต้องลงมือทำเลย ย่าบัวส่งเสียงเรียกคนขับรถเสียงดัง

“ครับย่า รุ่งมาแล้วครับ”

“ขับรถให้ย่าหน่อย ย่าจะไปทำธุระ”

“แม่นี่ก็ขยันไปโน่นไปนี่เนอะ อยู่ให้ติดบ้านบ้างเถอะ ออกเที่ยวเป็นเด็กไปได้” วิวัฒน์บ่นแม่ตัวเอง เนื่องจากท่านชอบใช้คนงานที่ร้านให้ช่วยพาไปโน่นไปนี่อยู่เป็นประจำ จนรุ่งไม่ได้มีเวลาอยู่ทำงานในร้านเลย

“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ไปรุ่งไป ไม่ต้องไปสนใจ”

“ผมไม่แก่เท่าแม่หรอก”

รุ่งพาย่าบัวเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถ หลังจากที่เพิ่งกลับมาจากบ้านสวนได้ไม่ถึงสิบนาที

“บ่นอะไรเฮีย” ทับทิมภรรยาของวิวัฒน์ มารดาของคมสัน เดินเข้ามาหาสามี ได้ยินเสียงบ่นพึมพำจึงถามดู

“ดูแม่สิ ออกเที่ยวแต่เช้า ไอ้รุ่งยังไม่ได้ช่วยงานในร้านเลยวันนี้”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าไม่ให้ไอ้รุ่งมันขับรถไปให้ เฮียจะให้แม่ขับไปเองหรือยังไง”

“ไม่ดีมั้ง” ย่าบัวอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว หูตาไม่ค่อยดีตามประสาคนแก่ แต่ความแข็งแรงนี่จัดว่าไม่เป็นสองรองใคร อาจจะเป็นเพราะว่าท่านเป็นคนหยุดไม่ได้ ว่างก็ทำโน่นทำนี่เหมือนได้ขยับร่างกายไปในตัว

“ก็นั่นน่ะสิ ไปๆ ลูกค้ากำลังทยอยเข้าร้านแล้ว วันนี้เฮียอยู่หน้าเตานะ เดี๋ยวฉันเป็นลูกมือเอง” ลูกน้องในร้านมีอยู่สามคนไม่นับรวมรุ่ง รุ่งเป็นคนขับรถคอยซื้อของและส่งอาหารตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง นับเป็นงานบริการที่ทันยุคทันสมัย แต่ช่วงไหนที่รุ่งไม่อยู่ คนอื่นก็ต้องทำหน้าที่แทน ส่วนคนที่อยู่ต่างก็แบ่งหน้าที่กันไปทำ ร้านนี้ไม่ได้ขายหลายอย่าง ขายแค่ข้าวขาหมูกับข้าวมันไก่สองอย่างเท่านั้น ขายแค่สองอย่างก็แทบไม่มีเวลาหยุดพักแล้ว ลูกค้าแน่นร้านทุกวัน ขายเช้าไปถึงเที่ยงของก็หมด ช่วงบ่ายจึงเป็นเวลาพักผ่อนกับเตรียมของไว้สำหรับขายในวันพรุ่งนี้ต่อ

ทางด้านย่าบัว รถคันที่ท่านนั่งมาจอดสนิทลงที่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง ขนาดบ้านค่อนข้างใหญ่ เมื่อก่อนบริเวณบ้านจะเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้สวยงาม แต่บัดนี้ดูทรุดโทรมลงไปมาก ต้นไม้ใหญ่ทยอยตาย ส่วนต้นไม้เล็กๆก็แทบไม่มีเหลือให้เห็น อาจจะเป็นเพราะคนดูแลได้เสียชีวิตจากโลกนี้ไปแล้ว

“นั่นใครมาน่ะ น้าบัวเองหรอกรึ” เสียงรถจอดสนิทลงที่หน้าบ้าน ทำให้เจ้าของบ้านต้องโผล่หน้าออกมาดู เห็นหญิงชราคนหนึ่งที่ครั้งก่อนเคยไปมาหาสู่กันตลอด ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานมากแล้ว แต่ความคุ้นเคยในอดีตก็ยังพอจดจำกันได้

“อุดมน้าเอง มีธุระจะคุยด้วยหน่อย ขอเข้าไปคุยในบ้านได้มั้ย” ย่าบัวนั่งรถมาไกล ใช้เวลาราวๆสองชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านหลังนี้ เนื่องจากอยู่คนละจังหวัดระยะทางค่อนข้างไกล

“เชิญครับเชิญ” ย่าบัวรีบเดินเข้าไปด้านในบ้าน ครั้งหนึ่งท่านเคยมาที่นี่ สภาพบ้านตอนนั้นดีกว่าตอนนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นความสะอาดทั้งด้านนอกและด้านใน บ่งบอกได้ถึงสภาพจิตใจของผู้อาศัยได้เป็นอย่างดี

“รกหน่อยนะครับ ช่วงนี้ยุ่งๆไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดบ้านเลย” หนี้สินพะรุงพะรังจะไปเอากะจิตกะใจที่ไหนมาทำความสะอาดบ้าน อุดมมีภรรยาใหม่อยู่ด้วยกันก็จริง แต่เจ้าหล่อนก็ไม่คิดจะช่วยหยิบจับอะไรเลยเหมือนอยู่ไปวันๆ

“น้าบัวมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ถึงขับรถมาถึงที่นี่ได้” อุดมจำได้ว่าตั้งแต่สามีของน้าบัวเสียไปเขาก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับคนบ้านนั้นอีกเลย เพราะส่วนตัวสนิทกับน้าผู้ชายมากกว่า ซึ่งก็น่าจะราวๆสิบปีแล้วเห็นจะได้

“ขอพูดเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ลูกสาวเรามีแฟนหรือยัง พอดีน้าอยากจะมาสู่ขอยัยหนูน้ำขิงให้ตาแสนหลานชายน้าน่ะ” สิ่งที่ได้ยินทำเอาคนเป็นพ่อถึงกลับงุนงง เด็กสองคนนี้ไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักครั้ง แถมอายุของทั้งสองยังดูห่างกันมาก...การสู่ขอนี้หมายความว่ายังไง?

“ผมไม่เข้าใจ” ความรู้สึกงุนงงของอุดมบ่งบอกออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน

“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะหาเมียดีๆให้หลานชายสักคน น้าได้ข่าวมาว่าเรามีหนี้ตั้งสองล้าน ยกลูกสาวให้น้าสิ แล้วเอาเงินสองล้านไปใช้หนี้ ถือว่าเงินนี้เป็นค่าสินสอดสู่ขอยัยหนูน้ำขิง"

".........." อุดมทำท่าคิด ย่าบัวจึงพูดต่อว่า...

"อย่าหาว่าน้าดูถูกเลยนะ น้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แค่อยากหาหลานสะใภ้ที่ถูกใจสักคน” อุดมเคยเห็นคมสันหลานชายที่ย่าบัวพูดถึง แต่กระนั้นก็นานมากแล้ว คมสันเป็นผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ถูกปู่กับย่าเลี้ยงมาเหมือนลูกคนเล็ก คำพูดของย่าบัวอุดมไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าผู้เป็นย่าน่าจะเป็นห่วงหลานชาย จึงมาสู่ขอลูกสาวที่ตนรักดั่งแก้วตาดวงใจไปให้หลานชายที่รักของท่าน

“แต่ลูกสาวผมทำอะไรไม่ค่อยเป็น งานบ้านก็ไม่ค่อยเก่ง เกรงว่าเอาไปแล้วจะเป็นภาระ...” น้ำขิงถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีตลอด ตั้งแต่เล็กจนโต แม้กระทั่งหลังจากที่มารดาผู้ให้กำเนิดของเธอเสียไป อุดมก็ยังฟูมฟักเลี้ยงดูส่งเสียร่ำเรียนจนจบ ถึงแม้ว่าการเงินจะติดลบก็ตาม แต่คนเป็นพ่อก็ยังคงทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เพื่อส่งลูกขึ้นฝั่งได้จนสำเร็จ

“ของแบบนี้มันฝึกกันได้ แล้วเจ้าตัวอยู่บ้านหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่อยู่หรอกครับ แกเข้ากรุงเทพไปหางานทำ วันเสาร์เห็นว่าจะกลับมาบ้าน”

“เรียนจบแล้วสินะ”

“ครับน้า แกเพิ่งเรียนจบ”

“ไม่ได้เจอนานมากเลย คงโตเป็นสาวแล้ว ตกลงอุดมจะยกลูกสาวให้น้ามั้ย” อุดมหันไปมองหน้าภรรยาที่นั่งฟังอยู่ด้านข้าง เจ้าหล่อนพยักหน้าเบาๆให้เป็นคำตอบ จากนั้นก็พูดเสริมขึ้นว่า...

“น้ำขิงยังไม่มีใคร บ้านเราก็หนี้สินท่วมหัว ยกลูกสาวให้เขาไปก็ดี จะได้มีคนช่วยดูแลด้วย ดีมั้ยคะพี่”

“แต่พี่ว่าเราน่าจะลองถามลูกดูก่อน” อุดมหันไปพูดกับภรรยาใหม่ของเขา อีกใจก็อยากยกลูกสาวให้ไปอยู่ในที่สุขสบาย เพราะรู้ฐานะทางการเงินของครอบครัวนี้ดี ส่วนอีกใจก็กลัวว่าลูกสาวจะโกรธหาว่าพ่อผลักไส

“น้ำขิงพูดง่าย ยังไงแกก็ยอม อีกอย่างถือว่าช่วยพี่ใช้หนี้ด้วยไง หนี้สินที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะแม่ของเธอไม่ใช่เหรอ...”

“พอเถอะ หยุดพูดได้แล้ว น้าบัวครับ เอาเป็นว่าผมยกลูกสาวให้ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะคุยกับลูกเอง ขอเวลาผมสักหน่อย ถ้าได้เรื่องยังไงแล้วจะติดต่อกลับไปนะครับ” ย่าบัวเห็นว่าอีกฝ่ายมีความเป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อย จึงขอพูดอีกสักประโยคทิ้งท้ายก่อนกลับ

“อุดม...ถ้าอุดมยอมยกลูกสาวให้น้า น้าสัญญาว่าจะดูแลยัยหนูน้ำขิงให้เป็นอย่างดี”

“ขอบคุณครับน้า ผมมีลูกสาวคนเดียว ถ้าหลานชายน้าไม่เจ้าชู้ เป็นคนดี ผมก็เบาใจ” สิ่งที่อุดมพูดทำเอาย่าบัวต้องรีบปั้นหน้าฝืนยิ้มให้คู่สนทนาทันที แต่กระนั้นก็คิดเข้าข้างหลานชายตัวเองว่า...นิสัยมันเปลี่ยนกันได้!

“ถ้ายัยหนูตกลง โทรไปบอกน้านะ อ่ะนี่เบอร์โทร” ย่าบัวยื่นกระดาษที่มีเบอร์โทรติดต่อให้อุดมไป

“ครับ” ทั้งสองฝ่ายแลกเบอร์มือถือกัน โดยมีภรรยาใหม่ของอุดมเป็นคนจัดการให้

“ทันทีที่มีการจดทะเบียนสมรส หนี้สินทั้งหมดน้าจะจัดการให้”

“ขอบคุณครับน้าบัว ผมจะรีบคุยกับลูกสาวทันทีที่น้ำขิงกลับมาบ้าน”

“เอาล่ะ หมดธุระแล้ว น้าต้องขอตัวกลับก่อน จะรอฟังข่าวดีจากโทรศัพท์นะ”

“สวัสดีครับน้า”

“สวัสดีค่ะน้า”

“สวัสดีจ้า” ร่ำลากันเสร็จย่าบัวก็เดินทางกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม การเจรจาในวันนี้ถือว่าสำเร็จไปหนึ่งขั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel