ตอนที่ 4 โกหก
“อ่อ อย่างนี้นี่เองนายเรียนโง่เหรอถึงซ้ำชั้น” พะพิมเมื่อเห็นช่องทางจึงรีบตอกย้ำ
“แม๊อย่างนี้รีบบูลลี่เลยนะ เขาไม่เรียกว่าโง่ครับ เขาเรียกว่าทบทวนบทเรียน” เขายื่นหน้าทะเล้นไปใกล้เธอ
“นายเป็นอะไรกับพี่เขา” ดวงตาดำมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“ไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ คือไอ้เด็กนี้ เอ่อ พี่หมายถึง นธีขโมยต้นไม้พี่ไปนะแต่เขาเคยช่วยพี่ตอนที่น้ำมันมอเตอร์ไซค์หมดแล้วเมื่อคืนแอร์ห้องเขาเสียเขาเลยมาขอนอนห้องพี่น่ะไม่มีอะไรค่ะ”
“เวลาอย่างนี้พูดคะ พูดค่ะ” นธีบ่นแล้วก็เบื้อนหน้าหนี
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” สกายหันไปยิ้มให้พะพิม
“ข้าวมาแล้วเดี๋ยวผมลงไปเอาข้าวก่อนนะครับ” เมื่อสกายเดินพ้นจากห้องแทบจะยันไม่ทันปิดประตูห้อง
“พี่อย่าแรดมากนัก ผู้ชายเขาดูออก” นธีวางกล่องนมที่เพิ่งดื่มหมดโยนทิ้งในถังขยะ ก่อนจะเดินกลับไปบนฟูกที่นอนของตัวเองนั่งเล่นเกมส์ต่อ ทิ้งให้พะพิมอ้าปากค้างในคำพูดที่เลาะร้ายของเขา
“นี่นายกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ” หมอนใบใหญ่ปลิวลอยกระแทกศีรษะโดยเขาไม่ได้ตั้งตัวและก็ไม่ได้รู้สึกสะท้านแต่กลับเอาหมอนใบนั้นมากอดแทน
“โอ้ย! ความดันขึ้นไอ้เด็กเวร”
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”สกายเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาจานมาใส่อาหารให้นะ”พะพิมทำท่าจะยืนขึ้นไปหยิบจาน
“นั่งอยู่นี่แหละ ไปหยิบให้”นธียังไม่วางมือจากเกมส์แต่ก็เดินไปเอาถ้วยจานชามมาให้
“พี่ครับ คือผมท้องเสียบ่อยมากทานข้าวข้างนอกไม่ค่อยจะได้”สกายเอ่ยขึ้นขณะทุกคนกำลังนั่งล้อมโต๊ะรับประทานอาหาร
“ผมอยากจะขอให้พี่ช่วยทำกับข้าวให้ได้ไหม เฉพาะตอนเย็นเท่านั้นครับ ผมจะให้ค่าทำกับข้าวเดือนละหมื่น”
“ห๊ะ! เดือนละหมื่นเลยเหรอ แค่ตอนเย็นเหรอคะ” พะพิมทำท่าคิดหนัก เงินเธอก็อยากได้แต่เธอทำกับข้าวไม่เป็นทำไงดี ทำไงดี
“พี่ทำกับข้าวไม่ค่อยเป็น”เธอตอบเขาไปตามตรง
“รับไปเถอะ เดี๋ยวผมทำให้มีข้อแม้ว่าผมต้องได้กินด้วย” พะพิมกับสกายหันไปมองนธีพร้อมกันด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไม ไม่เชื่อเหรอว่าผมทำกับข้าวได้ แต่ก่อนแม่ผมทำอาหารตามสั่งขายนะ” พะพิมก็ยังไม่อยากจะเชื่อยังคง
ส่งสายตาคาดคั้น
“นั้นพรุ่งนี้ตอนเย็นผมจะลองทำให้ทุกคนทานดูโอเคไหม” พะพิมกับสกายผงกศีรษะพร้อมกัน
“ได้ถ้าหากนายทำกับข้าวนั้นฉันจ่ายค่ากับข้าวให้ เดือนละ 10,000 บาท สำหรับเรา 3 คน
“เดี๋ยวก่อนนะ นั้นแสดงว่าพวกนายจะต้องมาห้องพี่ทุกวันเหรอ แต่พี่ต้องทำงานนะ”
“รับ ๆ ไปเถอะใช่ว่าเดือนหนึ่งจะจ่ายค่ากับข้าวหมดทั้ง 10,000 บาท เดือนละ5,000ไม่รู้จะถึงรึเปล่า กินแค่ 3 คนวันละคาบ พี่ยังมีเงินไว้จ่ายค่าเช่าห้องอีกช่วงนี้เขียนนิยายอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ ขายได้แล้วรึนิยายนั้น” นธีเดินไปอ่านแผ่นกระดาษที่พะพิมแปะติดเต็มไปหมดตามผนังหน้าโต๊ะทำงาน
“นี่ไม่ต้องพูดก็ได้นะ” พะพิมรีบเอ็ดนธี
สกายนั่งยิ้มน้อย ๆ ฟังพวกเขาสองคนทะเลาะกัน
“ว่าแต่ถ้าหากสกายจะเสียเงินตั้งเดือนละ 10,000 ทำไมไม่สั่งเป็นข้าวกล่องหรือปิ่นโตให้เขามาส่งจะไม่ดีกว่าเหรอ ถูกกว่าด้วยพี่หมายถึงเป็นรายเดือน” พะพิมรู้สึกว่าเอาเปรียบเขาเกินไป
“ผมสะดวกแบบนี้ครับ” เขายังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้า
“ที่อย่างนี้ทำเป็นโง่” นธีบ่นพึมพำ
“ฉันได้ยินนายด่าฉันนะ” พะพิมหันไปค้อน
“ด่าที่ไหน”
“เมื่อกี้ไง”
“…”!
ช่วงเย็น ๆ ของวันต่อมา
“นายแน่ใจนะว่าจะไม่ทำครัวฉันไฟไหม้” พะพิมรู้สึกไม่มั่นใจในคำโอ้อวดของนธีเลย เธอจึงต้องมานั่งเฝ้ามองดูทุกขั้นตอนของการทำอาหาร
“โห พี่ฝีมือระดับนี้แล้ว” วันนี้สกายส่งข้อความมาบอกว่ายังไม่เลิกเรียน ถ้าหากเลิกแล้วจะรีบมา
“แล้วนายไม่ต้องไปเรียนเหรอ” พะพิมถามด้วยความสงสัยขณะคนน้องกำลังโขลกพริกทำผัดกระเพรา
“พี่ พริกกระเด็นเข้าตาช่วยดูให้หน่อย” พะพิมเขย่งเท้าให้สูงเท่าคนน้อง
“แล้วฉันจะเห็นไหมละ ยิ่งตัวเตี้ยอยู่” เธอหันไปเปิดน้ำในเครื่องกรองใส่แก้วแล้วยื่นให้นธีล้างตา
“แสบ ๆ ๆ” เสียงคนน้องล้างตาไป บ่นไป
“มันจะแสบอะไรนักหนาแค่พริกเข้าตาใคร ๆ เขาก็เคยแต่เมื่อพะพิมเห็นตานธีแดง ๆ น้ำตาไหลไม่หยุดเธอก็รู้สึกหวั่น ๆ กลัวจะเป็นอะไรมาก
“ไปหาหมอไหม คือมันแบบแดงมาก ๆ เลย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสักพักก็คงจะหาย” นธีเดินไปล้มตัวนอนบนเตียงของพะพิม ปกติเธอไม่ชอบให้ใครมายุ่งบนเตียงนอนของเธอ แต่นี้ถึงแม้จะขัดใจนิดหน่อยแต่เธอก็จะอดทนไม่บ่นเพราะถือซะว่า ตาเจ็บให้นอนพัก
“นี่ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องทำหรอก ทำไม่เป็นจะฝืนทำทำไม” พะพิมนั่งเปิดยูทูปดูวิธีการทำผัดกระเพราคราว ๆ เพราะคิดว่าเธอต้องได้เป็นคนทำต่อแน่ ๆ
“แต่มันก็ช่วยพี่ประหยัดเงินค่ากับข้าวแถมพี่ยังได้เงินที่เหลืออีกนะ” หญิงสาวมองดูชายหนุ่มรูปร่างสูงยาวนอนอยู่บนเตียงแล้วรู้สึกแปลก ๆ
“พี่มียาหยอดตาไหม”
“ไม่รู้เดี๋ยวหาก่อน”พะพิมผละมือจากเด็ดใบกระเพราเดินไปตู้เย็น เธอจำได้ว่าเพิ่งซื้อแต่ไม่รู้ว่ายังมีไหม
“อืม เจอแล้ว” เธอยื่นยาหยอดตาให้คนน้องที่นอนน้ำตาไหลไม่หยุดส่วนตาอีกข้างพยายามจะลืมตา
“หยอดให้หน่อยได้ไหมครับ” ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงอ้อน
“อืม ได้ ๆ” พะพิมค่อย ๆวางมือข้าง ๆ ดวงตาของนธี แขนอีกข้างกำลังยกยาหยอด
“ฉันว่าเราไปหาหมอเถอะ ตานายมันแดงมาก ฉันไม่เคยเห็นใครพริกเข้าตาแล้วแดงขนาดนี้” พะพิมใจคอไม่ดี
“ไม่เป็นไร ผมสบายดี รีบหยอดเถอะ”
“อืม ๆ” หลังจากหยอดยาเสร็จ พะพิมกำลังลุกออกจากเตียงเพื่อไปทำกับข้าวต่อ
“พี่อย่าเพิ่งไปขอจับนมหน่อยได้ไหม”