ตอนที่ 3 ขอนอนด้วย
เสียงเคาะห้องดังลั่นตั้งแต่เช้าตรู่ พะพิมรีบตื่นงัวเงียขึ้นมาเปิดประตูห้องนึกว่ามีเหตุฉุกเฉิน
“นายมาทำไม” เมื่อเห็นสภาพของนธีเหมือนเพิ่งกลับมาจากคลับ กลิ่นบุหรี่เหม็นโชย
“พี่คือแอร์ห้องผมเสีย ขอนอนด้วยได้ไหม”
“ไม่ได้” พะพิมพยายามผลักประตูจะปิดห้อง
“พี่คือผมขอนอนไม่กี่ชั่วโมงเอง เดี๋ยวก็จะได้ไปเรียนแล้ว” มือหนาผลักประตูไว้
“นายก็ไปนอนห้องเพื่อนนายซิ แฟนนายไม่มีหรือไง” พะพิมพยายามยันร่างตัวเองด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อปิดประตู
“ผมไม่มีแฟน เพื่อนก็อยู่อีกไกล น่ะ น่ะ ขอนอนด้วยแป๊บเดียว” นธีผลักประตูห้องนอนเธอด้วยมือเดียว ร่างของหญิงสาวไม่อาจต้านแรงจนต้องถอยรนไป
“นอนก็นอน แต่ต้องไปอาบน้ำก่อน แล้วเอาเสื้อผ้าไปถอนไว้ข้างนอกฉันเหม็นกลิ่นบุหรี่” พะพิมง่วงตาจะปิดเกินกว่าจะมานั่งเถียงกับเขา
“แล้วผมใส่อะไรนอน” พะพิมหยิบผ้าขนหนูจากตู้เสื้อผ้าพร้อมกางเกงขากล้วยและเสื้อยืดตัวใหญ่
“นี่เสื้อผ้านาย ส่วนนี้ผ้าห่มและผ้าปูนอน นอนด้านล่างห้ามขึ้นมายุ่งวุ่นวายบนเตียงเด็ดขาด นั้นฉันเชือดของนายแน่” พะพิมชูมีดพกด้ามเล็กให้เขาดู
“ครับ ไม่กล้ายุ่งแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” พะพิมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพิ่งตี 5:20 น
‘เด็กเวรนี้ปลุกเธอแต่เช้า เธอรู้สึกหงุดหงิดเพราะเพิ่งนอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง’ หลังจากนั้นเธอก็กลับมานอนต่อจนเกือบ ๆ เที่ยงมีมือมาสะกิด
“พี่ ๆ ผมหิวมีอะไรกินบ้างไหม”
“ไม่รู้ในตู้เย็นหาเอาเอง” พะพิมยังคงนอนตะแครงหันข้างให้ แต่เสียงรื้อค้นหาอาหารในตู้เย็นปลุกให้เธอตื่นลุกขึ้นนั่ง
“นี่! จะ 11:30 น แล้วไม่ไปมหาลัยเหรอ”
เสียงเคาะห้องดังขึ้นขัดจังหวะคำตอบ พะพิมเดินไปเปิดประตูด้วยใบหน้าหงุดหงิดจากการนอนน้อยแถมยังถูกรบกวนอีก
“พี่ครับ เครื่องซักผ้าที่ห้องผมเสียขอเอาผ้ามาซักที่ห้องพี่ได้ไหม ผมเจ็บเท้าถือตะกร้าเดินลงไปข้างล่างไม่ไหว” เจ้าน้องห้องข้าง ๆ ถือตะกร้าหวายใบใหญ่วางหน้าห้อง ใบหน้าแสนอ้อนดวงตาดำนิลเป็นรูปครึ่งเสี้ยวพระจันทร์
“อืม คือ อย่างนี้นะ คือว่า...”
“ใครมาเหรอ ทำไมเห็นเปิดประตูตั้งนานแล้ว”นธีเดินมาที่ประตูพร้อมด้วยถ้วยสลัดในมือ
“คือน้องข้างห้องเขามาขอเอาผ้ามาซักน่ะ” พะพิมไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ได้ไหมครับพี่” น้องข้างห้องยังคงเซ้าชี้แม้จะเห็นนธีอยู่ในห้องก็ตาม
“ได้ค่ะ เข้ามาก่อนนะ” พะพิมไม่รู้จะปฏิเสธเขาอย่างไร เธอรู้สึกเห็นใจเพราะเท้าเธอก็เจ็บเหมือนกัน แต่เหตุผลที่แท้จริงก็เด็กมันน่ารักอ่ะ ถึงจะมีเจ้าที่ยืนตาขวางอยู่แต่เธอก็หาสนใจไม่ เธอกับนธีไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
“เดี๋ยวพี่บอกนะว่าต้องทำอะไร” พะพิมรีบกุลีกุจอลุกขึ้นคว้าผ้าขนหนูมาคลุมหน้าอกไว้ เพราะเธอไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน
“เฮ่อ!”
“หายเจ็บเท้าแล้วเหรอ ถามจริง” นธีนั่งบนเก้าอี้ทานสลัดมองเธอกำลังรีบสาวเท้าเดินนำหน้าน้องข้างห้องตรงไปที่ระเบียงเพื่อแนะนำการใช้เครื่องซักผ้า เมื่อได้ยินเสียงทัก อยู่ ๆ เท้าก็เกิดเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนพะพิมต้องค่อย ๆ เดิน
“พี่ไปนั่งพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง พี่เดินไหวไหม ถ้าหากไม่ไหวเดี๋ยวผมอุ้ม”
“แค่ก ๆ ๆ” เสียงไอมาจากคนนั่งทานสลัด
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่เดินไปเอง”พะพิมเดินมานั่งบนเตียงของเธอ ตอนนี้ในห้องที่เคยสงบสุขกลับกลายเป็นความวุ่นวาย นธีก็ไม่ยอมออกจากห้องไปเรียนสักที ส่วนน้องข้างห้องก็ขอนั่งเล่นโทรศัพท์รอผ้าปั่นจนกว่าจะเสร็จ
“โครก” เสียงท้องร้องของพะพิม ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต่างหันมามอง
“พี่หิวข้าวเหรอ อยากกินอะไรเดี๋ยวผมสั่งให้” เสียงน้องข้างห้องเอ่ยถามแล้วยิ้ม ๆ
“อยากกินข้าวก็บอก เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”
พะพิมพยามกลั้นความข่มขืนแล้วหันกลับไปมองนธี ก็สลัดที่เขาทานหมดเมื่อกี้ที่จริงมันควรจะเป็นอาหารของเธอ แต่ไอ้เด็กนี้กลับกินของในตู้เย็นซะหมดเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสลัด ส้ม หรือแม้กระทั่งนมกล่องสุดท้ายที่เหลือไม่รู้ไปอดยากจากไหน ถ้าหากอยู่กันเพียงสองต่อสอง เธอคงด่าไปแล้ว แต่นี่น้องข้างห้องสุดน่ารักอยู่ด้วยเธอเลยจำเป็นต้องคีพลุคหน่อย
“พี่เอาข้าวอะไรดีครับ ผมก็ยังไม่ได้ทานอะไรเดี๋ยวสั่งมาทานที่นี้ด้วยกัน…แล้วพี่ครับผมชื่อ สกายนะพี่เรียกผมว่า กาย ก็ได้ครับ” ใบหน้าหล่อขาวตี๋ยิ้มให้เธออย่างละมุนจนพะพิมเผลอเคลิ้ม
“เอาอะไรก็ได้ค่ะ” ใบหน้าเรียวเริ่มแดงระเรื่อ
“กูเอาด้วยกูอยากกินชะนีแก่ผัดผงกระหรี่” นธีเอ่ยขึ้นท่ามกลางความอึ้งตกใจของทุกคน
“กูพูดผิดกูหมายถึงปูผัดผงกระหรี่ราดข้าว”นธีรีบแก้ตัว พะพิมมองหน้าอย่างอารมณ์เสียไม่อยากทะเลาะกับเขาต่อหน้าสกายและจะไล่ให้กลับห้องตอนนี้ก็ดูหน้าเกลียดไปแล้วเธอก็ไม่อยากอยู่ห้องสองต่อสองกับสกายในตอนนี้มันดูไม่ดีเท่าไร
“น้องกายรู้จัก…”พะพิมเงียบไปสักพักคิดในใจว่าจะเรียกนธีว่าอะไรดี
“พี่ลืมชื่อผมแล้วเหรอ แต่ก่อนเราเคยสนิทชิดใกล้” นธีพูดด้วยน้ำเสียงประชด พะพิมรีบส่งสายตาเป็นเชิงให้หยุดพูด
“อ๋อ นธีพี่หมายถึงเขาใช่ไหม สกายเอ่ยขึ้นอย่างยิ้ม ๆ เรียนคณะเดียวกันครับ แต่เขาเป็นพี่เรียนซ้ำชั้นอยู่ 1 ปีครับ”
“ไม่ต้องพูดหมดก็ได้นะ”