บทที่ 5 คนหลอกขายยันต์(1)
เฉินโม่ออกจากโรงเรียน จู่ๆ เขานึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้พักอยู่บ้านอานเข่อเยว่ อดปวดหัวขึ้นมาไม่ได้
บ้านเฉินโม่อยู่อำเภอเฟิ่งซาน ผู้เป็นพ่ออย่างเฉินจิงเย่เป็นสารวัตรกำนันในอำเภอเฟิ่งซาน ผู้เป็นแม่อย่างหลี่ซู่เฟินทำงานอย่างหนักที่เมืองฮ่านหยาง
เพื่อที่จะให้เฉินโม่สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีในอนาคต จึงส่งเฉินโม่มาในโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดในเมืองฮ่านหยาง โรงเรียนตี้ยีในอู่โจว
ครอบครัวของอานเข่อเยว่เป็นคนในพื้นที่ได้ข่าวพอดี จากการเชิญของเหมยถิง แม่ของอานเข่อเยว่หลี่ซู่เฟินจึงให้เฉินโม่มาพักที่ตระกูลอาน อีกทั้งยังมีการดูแลดีอีกด้วย
ถ้าเป็นเฉินโม่เมื่อชาติก่อน ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกับเทพธิดาที่แอบรัก แน่นอนว่าหาไม่ได้อีกแล้ว
แต่ชาตินี้ เฉินโม่รู้ธาตุแท้ของคนตระกูลอานแล้ว ไม่สามารถอาศัยที่ตระกูลอานต่อได้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกี้เฉินโม่ยังเมินใส่คุณหนูตระกูลอาน ถ้ากลับไปตระกูลอานตอนนี้ ไม่เรียกว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเหรอ
"กลับตระกูลอานไม่ได้แล้ว อีกทั้งอยู่ตระกูลอาน ต่อไปก็ไม่สะดวกกับการฝึกฝน ทางที่ดีเช่าห้องพักข้างนอกดีกว่า"
เฉินโม่ตัดสินใจได้ กะจะไปเดินหาบริเวณโรงเรียน ดูว่ามีห้องที่เหมาะสมหรือเปล่า
แต่คลำดูเงินค่าใช้จ่าย ที่มีอยู่ไม่มากในกระเป๋า เฉินโม่อดยิ้มแหยๆ ไม่ได้
หลี่ซู่เฟินรู้ว่าเฉินโม่ติดการใช้เงินเยอะจนเป็นนิสัย ดังนั้นจึงเคร่งครัดกับการเงินของเฉินโม่มาก เพื่อที่จะไม่ให้เฉินโม่ทำตัววุ่นวายข้างนอก จึงให้เงินค่าขนมแต่ละเดือนของเฉินโม่แค่หนึ่งพันหยวน
ถ้าสำหรับนักเรียนทั่วไป กินนอนอยู่ในตระกูลอาน แค่พันหยวนก็พอแล้ว แต่เฉินโม่ในชาติก่อน แค่ไปร้านคาราโอเกะ ยังไม่พอเลย
ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ ผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพอย่างเฉินโม่ กลับกังวลเรื่องเงินขึ้นมา
แต่เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่ทำให้เฉินโม่ลำบากหรอก
เขารีบไปซื้อจูซา พู่กันและกระดาษขาว เตรียมจะวาดยันต์แบบง่ายๆ ถึงประสิทธิภาพของยันต์พวกนี้ไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของแบบเดิม แต่สำหรับคนทั่วไปบนดาวไอกาแล้ว ดีกว่าพวกโสมคน สมุนไพรโส่วอูตั้งเยอะ
ทำยันต์ออกมาในสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคน ความมืดใกล้จะมาถึงแล้ว เฉินโม่หาสวนสาธารณะที่ค่อนข้างได้รับความนิยม และตั้งแผงริมถนน
ช่วงเวลาพลบค่ำ วัยรุ่นในชุดนักเรียนคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ริมถนน ยันต์แปลกๆ วางอยู่บนกระดาษลังขาดๆ ด้านหน้า
คุณปู่คุณย่า วัยรุ่นหญิงชายที่เดินผ่านมาต่างก็มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าฉายแววเยาะเย้ย เดี๋ยวนี้กระแสนิยมเปลี่ยนไปทุกวันจริงๆ ขนาดนักเรียนยังออกมาหลอกลวงคนอื่นอย่างนั้นเหรอ
เฉินโม่ไม่แยแสท่าทีของคนพวกนี้ ฝึกตนมาหกร้อยปี ทำให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งดั่งหินผาไปแล้ว การหัวเราะเยาะพวกนี้ ไม่ต่างอะไรจากลมพัดผ่าน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เฉินโม่เชื่อว่า ในบรรดาคนมากมาย ต้องมีสักคนสองคนรู้จักของพวกนี้
"ยันต์พวกนี้ของนายทำอะไรได้เหรอ" ผู้หญิงผมยาว สวมเสื้อขนเป็ดสีขาว นั่งยองอยู่ตรงหน้าเฉินโม่ มือขาวพลิกดูยันต์พวกนั้นเบาๆ
เฉินโม่มองแวบหนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบกว่าปี รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาสะสวย ผิวสวย ในความสง่างามมีความสูงส่ง สวยกว่าอานเข่อเยว่อยู่ไม่น้อย!
แต่เฉินโม่แค่มองเธอนิ่งๆ และละสายตาออกมา ชี้ไปที่ยันต์พวกนั้น พูดอย่างราบเรียบว่า "มีสมาธิตื่นรู้ ขับไล่ความชั่วร้าย อยู่อย่างสงบสุข ร่างกายแข็งแรง!"
"มีสมาธิตื่นรู้งั้นเหรอ" ผู้หญิงอึ้งไป ความคาดหวังฉายขึ้นมาในตา จ้องเฉินโม่แล้วถามว่า "ถ้ามีคนผิดปกติด้านจิตใจ ชอบพูดเพ้อเจ้อบ่อยๆ ขนาดคนสนิทที่สุดของตัวเองยังจำไม่ได้ ยันต์นี้รักษาหายไหม"
เฉินโม่ชี้ยันต์ฝั่งซ้ายสุดแล้วพูดว่า "จากที่เธอพูด สำหรับฉันแล้วคือหยินหยางขาดสมดุล วิญญาณดินไม่กลับมา แพทย์ปัจจุบันวินิจฉัยว่าเป็นโรคประสาทอ่อน ยันต์ตั้งจิตใบนั้นเหมาะสมที่สุด"
ผู้หญิงหยิบยันต์ตั้งจิตขึ้นมามองอย่างละเอียด ดูไม่ออกจริงๆ ว่ามีตรงไหนพิเศษ หนำซ้ำยังเหมือนยันต์ที่เด็กวาดขึ้นมา
เฉินโม่ไม่อยากให้ลูกค้าที่สนใจยันต์พวกนี้ของเขา ซึ่งไม่ได้หามาง่ายๆ เดินจากไป จึงอธิบายต่อ "คนเรามีสามจิตเจ็ดวิญญาณ สามจิตได้แก่ จิตฟ้า จิตดินและจิตคนหรือวิญญาณฟ้า วิญญาณดินกับวิญญาณชีวิต ส่วนเจ็ดวิญญาณ หมายถึง เทียนชง หลิงฮุ่ย ชี่ จิต แก่นแท้ พลัง ราก"
"ในสามจิต จิตฟ้าจิตดิน มักอยู่ภายนอก มีเพียงวิญญาณชีวิตที่อยู่ในร่างกาย จิตฟ้าเป็นหยาง จิตดินเป็นหยิน พลังหยางเป็นหลักการทำให้จิตฟ้าแข็งแกร่ง พลังหยินเป็นหลักการทำให้จิตดินรุนแรง มีเพียงหยินหยางรวมกัน คนถึงจะมีจิตวิญญาณแข็งแกร่ง ไม่มีโรคภัย"
ผู้หญิงฟังจนงง เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เธอคิดว่าที่เฉินโม่พูดทั้งหมดเหมือนจะมีเหตุผล
"งั้นยันต์ตั้งจิตใบนี้ นายขายเท่าไร" ผู้หญิงมีท่าทีถามเหมือนลองเชิง
เฉินโม่มองแวบเดียวก็รู้ความคิดของผู้หญิง เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่เชื่อประสิทธิภาพยันต์ของเขาสักนิด ถ้ามีคนพูดห้ามเล็กน้อย ผู้หญิงต้องไปอย่างแน่นอน
ดังนั้น เฉินโม่ตัดสินใจพูดแบบอุบจุดสำคัญเอาไว้ "ยันต์ของฉัน ขายให้แค่คนมีวาสนาเท่านั้น ที่ว่ากันว่า คนที่รู้จักของล้ำค่านี้ ไม่รับเงินสักแดงก็เอาไปได้ ส่วนคนที่ไม่รู้จักของล้ำค่านี้ ถึงมีเงินมากเท่าไรก็ไม่ขายให้!"