๑ ข่าวคาว (๑)
๑
ข่าวคาว
“คัท!”
เสียงเข้มของผู้กำกับวัยห้าสิบปีดังขึ้นทำให้นักแสดงเจ้าบทบาทต่างพรูลมหายใจโล่งอก ฉากดราม่าหนักหน่วงผ่านไปด้วยความทุลักทุเล ด้วยฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ ตอนแรกจะถ่ายกลางแจ้งก็ต้องเปลี่ยนเป็นในห้องโล่ง ต้องประหยัดงบประมาณจึงทำทุกอย่างไม่ให้เวลาถ่ายทำบานปลาย งบทั้งหมดทุ่มไปกับฉากจนแทบไม่เหลือแล้ว
ร่างแบบบางที่นั่งร้องไห้ค่อยลุกยืน สลัดอารมณ์ของตัวละครได้ในทันที รับกระดาษทิชชู่มาจากสตาฟของกองแล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำ จัดการล้างหน้าล้างตาเพราะเป็นฉากสุดท้ายของหล่อน ก่อนเร่งเท้าออกจากห้องน้ำเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในโซนที่กองถ่ายจัดไว้ให้
ทุกอย่างต้องเร่งรีบเพราะช่วงเย็นเธอรับงานพิธีกรเอาไว้ แม้ความสวยของหญิงสาวสามารถไต่เต้าได้ถึงระดับนางเอกแถวหน้า แต่บทที่ได้รับกลับเป็นเพียงนางรองหรือตัวร้ายที่แค่หน้าตาก็เด่นกว่านางเอกแล้ว กลายเป็นถูกเขม่นจนนึกเหนื่อยหน่าย
บอกตัวเองไม่ให้สนใจแล้วทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดี แม้จะไมได้เป็นตัวหลักแต่ก็ยังดีที่ได้เงิน อีกทั้งทางกองก็อนุญาตให้เบิกเงินมาใช้ก่อน จึงรับละครหลายเรื่องพร้อมกัน วิ่งวุ่นหัวหมุนไม่เว้นวัน
“กับข้าวจ้ะน้องจอม” กำลังจะก้าวออกจากกองถ่ายละครไปยังรถบุโรทังที่ซื้อมาในราคาแสนถูก เน้นสะดวกในการสัญจรโดยไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอก ขอแค่มันพาเธอไปถึงที่หมายโดยปลอดภัยและไม่ตายกลางทางก็พอแล้ว
เสียงเรียกดังขึ้นด้านหลัง พอหันกลับไปมองก็พบคนของกองถ่ายที่ถืออาหารซึ่งห่อใส่ถุงอย่างดีมายื่นให้หล่อน ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างจนตาปิด รับมาอย่างดีใจที่วันนี้ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารกิน หรือให้บิดาต้องทำแล้วมาลุ้นราชาติว่าจะกินได้หรือเปล่า
ข้าวของกองแสนจะอร่อย แม่ครัวก็ใจดีแถมผู้จัดยังเอ็นดูเธออีกต่างหาก มือบางยกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม “ขอบคุณมากนะคะ จอมไปก่อนนะไว้เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” โบกมือลาแล้วเร่งฝีเท้าไปขึ้นรถที่นักแสดงด้วยกันต่างขมวดคิ้วนึกสงสัยว่ามันสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยหรือ
นึกว่ารถเมื่อห้าสิบปีที่แล้วซะอีก...
เคลื่อนรถออกจากสถานที่ถ่ายทำแถบชายเมืองเพื่อเข้าไปในตัวเมือง เธอมีงานพิธีกรซึ่งรับค่าตัวมาเรียบร้อย จึงต้องไปทำหน้าที่ซึ่งตัวเองได้รับมอบหมาย
ขับรถไปตามทางก็เปิดเพลงฟังแล้วร้องไปด้วย พยายามไม่คิดถึงความเศร้าของชีวิต เมื่อก่อนหล่อนคือคุณหนูที่ครอบครัวตามใจ อยากได้อะไรเพียงเอ่ยปากคุณปู่ก็ซื้อให้ทันที กระเป๋าแบรนด์หรูทุกคอลเลคชั่นหล่อนมักได้เสมอ รถยุโรปจอดเรียงรายให้เลือกขับ
ทว่าปัจจุบันมีเพียงกระเป๋าผ้าและกระเป๋าสาน รถก็จะพังแหล่ไม่พังแหล่ เข้าร้านซ่อมแถวบ้านเดือนล่ะครั้ง เธอจึงพยายามบอกแม่ย่านางให้ช่วยรักษารถหน่อย ไม่อยากเสียเงินซ่อมหลายบาท ท่านเองก็พยายามช่วย เดี๋ยวนี้จึงไม่ต้องเข้าร้านบ่อย...สองเดือนครั้งเท่านั้นเอง
“จอม!” มาถึงห้างสรรพสินค้าความเย็นต้องผิวกายก็สดชื่นขึ้นทันที รถของเธอแม้จะมีแอร์แต่ก็ไม่ได้เย็นชื่นใจเท่าไหร่นัก พอได้มาเดินในสถานที่คุ้นเคยกลับทำให้ยิ้มออกมาได้นิดหน่อย
เสียงเรียกดังขึ้นจากทางด้านหลังจนต้องหันกลับไปมอง พบชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มเดินเข้ามาหา ขณะที่มุมปากหยักยกยิ้มกว้าง แววตาเป็นประกายคล้ายดีใจที่ได้เจอหล่อน ขณะที่ร่างบางก็ยิ้มตอบตามมารยาท
“ว่าไงชลัส” แฟนเก่าของเธอที่คบกันเกือบสามปี เป็นความรักวัยเรียนที่สดใสและสร้างความทรงจำที่ดีช่วงคบกัน แต่ก็หนักหน่วงตอนบอกเลิก เพราะทางบ้านของเขาไม่อยากให้คบกับผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย หนี้สินมหาศาลมองไม่เห็นหนทางจะใช้หนี้หมด
จากคนรักจึงกลายเป็นเพียงเพื่อนชั่วข้ามคืน...
เธอไม่นึกโทษเขาและเข้าใจด้วยซ้ำ เพื่อนหลายคนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมก็ตีตัวออกห่างเช่นเดียวกัน เหลือเพียงเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยคนเดียวที่ยังคงโทรคุยไม่ขาด เสียแต่ว่าอีกฝ่ายเรียนอยู่ต่างประเทศจึงไม่ได้เจอกันมาแรมปีแล้ว
“จอมสบายดีไหม เราไม่คิดว่าจะเจอจอมที่นี่...” เขาไม่ปิดบังความรู้สึกว่าดีใจแค่ไหนเมื่อได้พบอดีตคนรัก
ยอมรับว่ายังลืมเธอไม่ได้ ความน่ารักสดใสของหญิงสาว รอยยิ้มที่เป็นดั่งโลกทั้งใบของเขา ความงดงามราวดอกไม้ผลิบานยามเช้า คิดถึงช่วงเวลาที่ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้
“เราสบายดี...” พยักหน้าแล้วพยายามฝืนยิ้มให้เขา
ความรักของเธอกับชลัสจบลงแล้ว ขณะที่ความรู้สึกก็จำเป็นต้องจบลงเช่นกัน หล่อนไม่ได้รู้สึกรักเขาดั่งวันวาน แต่ชายหนุ่มก็เป็นเหมือนกระจกสะท้อนให้เธอเห็นว่าคนรอบกายหายไปทีล่ะคน เหลือคนสำคัญในชีวิตเพียงหยิบมือเท่านั้น
ยังไม่ทันได้ชวนคุยมากกว่านี้ ก็มีเสียงแหลมปรี๊ดเรียกเขาพร้อมการปรากฏตัวของผู้หญิงร่างระหงซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด เข้ามาควงแขนชลัสแล้วโวยวายไม่อายคนที่เดินผ่านไปมาสักนิด
แน่ล่ะ...ก็เจ้าหล่อนเป็นหลานสาวเจ้าของห้างนี่น่า
ต้องเกรงใจใครอีกล่ะ...
“พี่ชลัส! เนยบอกให้รอหน้าร้านไงคะ เดินมาทำไมตรงนี้” พูดจบก็หันมามองผู้หญิงที่สนทนากับแฟนของตน สายตาบ่งบอกถึงความไม่ชอบใจ รู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นใครและเคยมีสัมพันธ์เช่นใดกับแฟนหนุ่มของตน
“นึกว่าใคร พี่จอมนี่เอง...สวัสดีนะคะ ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่ มาขายตัว...เอ๊ย ขายของเหรอคะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้กำลังทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ได้เงินเยอะหรือเปล่า พอใช่ไหมคะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวเนยให้ยืมก่อนได้นะ” คำพูดและแววตามีแต่ความเหยียดหยาม จนหล่อนกำมือแน่นระงับอารมณ์ไม่ให้ตรงเข้าไปประทุษร้ายคนตรงหน้า
“เนย! ให้เกียรติเพื่อนพี่บ้าง” เตือนแฟนสาวแล้วคว้ามือเธอมากำไว้แน่นจนใบหน้าสวยเหยเก กำลังจะโวยวายแฟนกลางที่สาธารณะก็ต้องปิดปากเมื่อเขาส่งสายตาปราม ช่วงนี้ทะเลาะกันบ่อยและเขาเคยหายไปหลายวัน จนเธอคิดว่าคงได้เลิกกันจึงร้องไห้เป็นเผาเต่าไปขอคืนดี
สุดท้ายก็กลับมาคบเพราะผู้ใหญ่ร้องขอชายหนุ่ม...เขาหนีเธอไม่พ้นหรอก
“หึ มีเกียรติด้วยเหรอ...” มองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดูแคลนเต็มที่จนร่างบางต้องกัดฟันข่มอารมณ์ตัวเอง หล่อนมีงานต้องทำไม่อยากให้เสียงานเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ขอตัวนะชลัส กลัวว่าถ้ายืนนานอาจจะมีคนต้องไปนอนโรงพยาบาล”