บทที่ 7 ขอจูบอีกที
“จับปืนต้องจับให้มั่นสิ มือสั่นแบบนี้จะไปขู่ศัตรูที่ไหนได้หืม”
จะยั่วโมโหกันเกินไปแล้ว เธอกัดฟันแน่น แววตาที่มองเขาแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ คิดว่าเธอไม่กล้ายิงเขาจริงๆหรือยังไงกัน…
“ฉันไม่ได้ขู่”
“งั้นเหรอ?”
เขาไม่เพียงแต่จะทำหน้าตายียวนใส่เธอไม่หยุด ยังก้าวเข้ามาชิดเธอจนปลายกระบอกปืนแนบกับลำอกแกร่งเหมือนท้าทาย จมูกโด่งแทบจะแนบชิดกับพวงแก้มนุ่มจนลมหายใจร้อนของเขารดเข้าผิวเนียน มือเล็กจับปืนไว้แน่นอย่างสั่นระริกเหมือนหัวใจของเธอที่เต้นโครมครามอยู่ตอนนี้
เธอกำลังจะแพ้เขาอีกแล้วอย่างงั้นเหรอ…
“ถ้าจะยิง ก็ขอผมจูบคุณอีกสักทีก่อนแล้วกัน”
พูดจบไม่รอให้เธอได้ตั้งตัว เขาก็ฉกริมฝีปากยัดเยียดจูบลงมาใส่เธอหนักๆทันที มือหนาเลื่อนขึ้นมาจับกรอบหน้าเธอไว้มั่น กดจูบริมปากนุ่มอย่างดูดดื่มไม่สนปลายกระบอกปืนที่ชี้เข้ากลางอกแกร่งเลยสักนิด
ผู้หญิงคนนี้ช่างหอมหวาน ยิ่งได้จูบก็ยิ่งปลุกเลือดในกายเขาให้สูบฉีดไปทั่ว เธอเหมือนสิ่งเสพติดที่เขาเฝ้าโหยหาทุกวัน พอได้สัมผัสก็อยากจะเสพมันทุกวินาที
“อื้มมม…”
เรียวปากนุ่มถูกเขาบดขยี้อย่างหนักหน่วงและดิบเถื่อนนับหลายนาที ลิ้นร้อนสอดแทรกรุกลํ้าไปทั่วโพรงปากอุ่นอย่างไม่รู้พอ แล้วเธอก็เหมือนจะเริ่มคล้อยตามเขา มือเล็กที่จับปืนไว้แน่นเริ่มอ่อนแรงจนเผลอทำมันร่วงสู่พื้นอย่างไม่รู้ตัว
คนเจ้าเล่ห์รีบถือวิสะสะขยับเข้ามาชิดกับร่างเธอจนสองร่างบดเบียดกัน มือหนาอีกข้างรวบเอวบางเข้ามาชิดแน่นกับตัวเองจนเธอไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
“อื้มมม”
มือเล็กกำเสื้อเขาเอาไว้จนยับ ลมหายใจเริ่มหนักหน่วง ริมฝีปากหยักที่บดขยี้เข้ามาไม่ยอมผละห่าง แถมยิ่งบดจูบลึกลงไป ลิ้นร้อนสอดประสานกวาดชิมทุกมุมราวกับจะกลืนกินเธอทั้งตัว แรงปรารถนาโหมกระหน่ำไม่ต่างจากไฟที่ลุกโชน
ร่างเล็กในอ้อมกอดสั่นสะท้าน ทั้งโกรธ ทั้งหวั่นไหว แต่ยิ่งพยายามต่อต้านกลับยิ่งถูกกักขังไว้แน่นเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกกลืนหายไปในวังวนของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“จูบจนพอใจรึยัง”
เธอถามเขาทั้งยังหอบหายใจหนักหน่วงจากจูบที่เขายัดเยียดเมื่อครู่ หึ ทำไมล่ะ พอได้กลับมาเจอแฟนเก่าที่เขาทิ้งขว้างไว้ในงานแต่งคนเดียวอีกครั้ง จึงเกิดอยากจะรำลึกความหลังขึ้นมาหรือยังไงกัน
“ถ้ายังไม่พอ ก็กลับไปหาคู่หมั้นคุณนุ่น เพราะคุณไม่มีทางได้จากฉันไปมากกว่านี้แน่นอน!”
ไม่รอให้เขาได้ทันจะตอบ เธอก็สวนตอกหน้าเขาไปเต็มๆ มือเล็กกำแน่นก่อนจะรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่าง แล้วสบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในผับทันที
“หึ… ปากดีใช้ได้เลยนี่”
อะไรที่ได้มายากมักจะคุ้มค่า เขาคิดแบบนั้น แล้วตอนนี้เขาก็ปักใจแล้วว่าอยากได้ผู้หญิงคนนี้มาประดับบนเตียงของเขาคืนนี้ จากที่ตอนแรกก็แค่นึกจะริ้มลองเล่นๆขำๆสักทีสองที ทว่าพอได้สัมผัสก็ทำเขาอยากจะถลํ่าลึกมากกว่านั้น
ไม่เคยมีอะไรที่คนอย่างเขาอยากได้ แล้วจะหาทางเอามาไม่ได้
ฟรานเชสโก้ก้มลงหยิบปืนที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา มุมปากหยักก็พรางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ อยากจะรู้จริงๆว่าผู้หญิงปีกกล้าขาแข็งอย่างเธอ พอได้มาอยู่ไต้ร่างเขาแล้วยังจะอวดเก่งได้อยู่รึเปล่า
.
.
.
เกร๊ก!
“เติมเหล้า!”
เสียงแก้วกระทบลงพื้นโต๊ะดังเกร๊กเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ตามมากับเสียงของเธอ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ทำไมเธอต้องไปคล้อยตามเขาด้วย!
“เบาได้เบายัยฟ้า นี่แกออกไปสูบบุหรี่หรือไปฟัดกับหมามาน่ะ ถึงได้หน้าบูดกลับมาขนาดนี้”
เพียงดาวพูดพรางก็รินเหล้าให้กับเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งหน้าดำหน้าแดง ก็เห็นว่าออกไปสูบบุหรี่ แต่พอกลับมา นอกจากจะหน้าบึ้งแล้วยังยกแก้วเหล้ากระดกเป็นนํ้าเปล่าหมดไปหลายขวดจนผิวขาวผ่องแดงระเรื่อไปหมดแล้วนั่น ไม่รู้นึกว่าไปฟัดกับอะไรมาจริงๆ ถึงได้ดูอารมณ์เสียขนาดนั้น
“เออ หมาตัวใหญ่มากด้วย แถมหางยาวแก่ก็แก่อีก!”
อีตาแก่เจ้าเล่ห์นั่น นอกจากว่าจะมีฟันคมเหมือนหมาก็คงจะหางยาวตามที่เธอพูดจริงๆนั่นแหละ เสียงหวานตวาดลั่น โดยไม่รู้เลยว่าเสียงเธอมันดังสะท้อนไปถึงโต๊ะข้างๆ แววตาคมกริบดุดันจ้องมองมาทางเธอไม่ละไปไหน แล้วมันยังไงล่ะ ถ้าเขาอยากจะเป็นหมาตามที่เธอพูดจริงๆก็รับไปสิ
“ฮะๆ ดูท่าคุณฟ้าจะเริ่มเมาจนได้ที่แล้วนะครับ”
เป็นเสียงของฟาบิโอที่ดังตามมากับเสียงหัวเราะ แต่ตอนนี้เธอไม่สนอะไรทั้งนั้น มือเล็กยกแก้วนํ้าสีอำพันขึ้นกระดกอึกแล้วอึกเล่าเป็นนํ้าเปล่า ยอมรับว่าร่างกายทรยสของเธอมันเผลอรู้สึกตามเขาจนร้อนรุ่มไปทั่ว จากตอนแรกที่หงุดหงิดเขาตอนนี้หงุดหงิดกับตัวเองยิ่งกว่า!
“จ้องอะไรของมึงวะไอ้ฟราน”
“เออนั่งจ้องขนาดนั้นไม่ลุกไปสวบเลยวะ”
เสียงของเพื่อนหนุ่มสองคนของเขาดังขึ้นมาเข้าหูแว่วๆ เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องไปโต๊ะข้างๆไม่ละสายตา ที่จ้องไม่ใช่เพราะโมโหที่ถูกด่าเป็นหมาหรอก แต่จ้องเพราะกลัวเหยื่อที่ตัวเองหมายปองจะมีตัวผู้มาลากไปต่างหาก
ซึ่งงานนี้บอกเลยว่าเขายอมไม่ได้
“หึ สวบแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
เขาตอบเพื่อนไปอย่างหน้าตาย พรางกับยกแก้วนํ้าสีอำพันในมือขึ้นกระดก ก่อนจะกลับมานั่งมองเธออีกครั้ง
“โห่ เฝ้ามองขนาดนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรเค้ารึไงวะ”
เสียงแซะของเพื่อนยังดังแว่วๆเข้าหูเขาไม่หยุด แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว จนคำพูดของไอ้โลเรนโซที่กล่าวถัดมา ทำให้เขาต้องหันควับไปมองหน้ามัน
“เห้ย นั่นมันคุณฟ้าไม่ใช่เหรอวะ”
“มึงรู้จัก?”
เขารีบถามเพื่อนเสียงตํ่า แววตาคมกริบจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง
“เอ่อ… ก็คุณฟ้าลันดานางแบบชื่อดังไงวะ ใครมันจะไม่รู้จัก”
ไอ้โลเรนมันตอบเขาอย่างอึกๆอักๆ อาการโครตจะมีพิรุธสุดๆ แต่เขาก็ไม่ได้จู้จี้ถามอะไรต่อ ก่อนเสียงหัวเราะหึๆจากเพื่อนอีกคนจะดังตามมา
“ฮะๆ เออนั่นดิ มึงก็เล่นไปจ้องหน้ามันอย่างกับโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนขนาดนั้น หึงเหรอวะ”
เป็นเสียงของร็อคโค เพื่อนอีกคนของเขาที่หัวเราะชอบใจพร้อมคำพูดกวนประสาท เขาเลือกที่จะเมินพวกมันสองตัวแล้วหันกลับไปมองเจ้าของหัวข้อสนทนาที่ตอนนี้ดูแล้วคงจะเมาได้ที่ ปากหยักยกยิ้มร้ายกาจ
ชักอยากจะจูงเธอขึ้นเตียงเต็มทีแล้วสิ
