บทที่ 6 บังคับจูบแฟนเก่า
“อย่างอื่น?”
“หึ หมายถึงพวกวอดก้าน่ะ หรือว่าคุณคิดเป็นอีกแบบ?”
เขาพูดพรางทำหน้ายียวนเหมือนตั้งใจกวนประสาทกัน ไม่พอยังโน้มหน้าลงมาจนลมหายร้อนรดเข้าไปพวงแก้มนุ่ม ชวนเอาเธอร้อนรุ่มไปด้วย
ไม่ได้นะยัยฟ้า จะมารู้สึกเพียงเพราะความใกล้ชิดแค่นี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน
“ไม่แล้วค่ะ ฉันจะกลับเข้าไปหาเพื่อนแล้ว ป่านนี้เพื่อนคงจะตามหาฉันแล้ว”
ข้ออ้างเฉยๆนั่นแหละ พอเธอพูดเสร็จก็ทำท่าจะปรีดตัวออกจากเขาที่แทบจะต้อนเธอจนมุมกับเสาด้านหลัง แต่ร่างเล็กยังไม่ทันจะก้าวพ้นเขา ก็ถูกมือหนาทาบทับลงคํ้ายันกับเสาด้านหลังเพื่อล็อคร่างเธอเอาไว้ไม่ปล่อยให้เธอได้หนีไปไหน
อะไรของเขาเนี่ย…
“แน่ใจเหรอว่าเพื่อนตามหาน่ะ เท่าที่ผมเห็น เหมือนว่าเพื่อนคุณจะไม่อยากให้คุณกลับไปที่โต๊ะมากกว่านะ”
มุมปากหยักเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ยังคงนิสัยเอาแต่ใจไม่เปลี่ยนสินะ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหกนั่นแหละ เพราะเธอเองก็รู้จักยัยเพียงดาวดี ยัยเพื่อนตัวดีป่านนี้คงจะกำลังมีความสุขอยู่กับหนุ่มหล่ออย่างคุณฟาบิโอหรือไม่ก็คงไปควบหนุ่มที่ไหนสักคน
“ผมอยากชวนคุณไปลองวอดก้าด้วยกันจริงๆนะครับ”
เขายังคงเชิญชวนเธอไม่หยุด ใบหน้าหล่อโน้มเข้ามาจนเราสองคนสบตากันในระยะประชิด พอได้มองเขาไกล้ๆแบบนี้อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันสามปี เขาก็ยังคงหล่อดูดีไม่เปลี่ยนเลยสักนิด…
เธอไม่เคยนึกสงสัยตัวเองในอดีตเลยว่าตกหลุมรักเขาไปได้ยังไง ถ้าตัดเรื่องนิสัยเลวทรามนั่นออกไปน่ะนะ
พอคิดถึงเรื่องน่าเจ็บใจนั่น จากที่ยืนนิ่งอยู่ในพันธนาการของเขา มือเล็กก็เริ่มดันอกแกร่งออกจากตัวเอง แต่ดูเหมือนนั่นจะกลายเป็นการทำให้เขาลวนลามเธอได้มากกว่าเดิมเสียอย่างนั้น เมื่อมือหนาทาบทับลงบนแผ่นหลังมือของเธอพลันกดแรงไม่ให้เธอได้ผละมือออกจากแผงอกลํ่าๆของเขา
ก็ยังคงร้ายกาจไม่เปลี่ยน!
“ปล่อยค่ะ”
เธอเริ่มแยกเขี้ยวใส่เขาอย่างไม่พอใจ แต่ใครจะรู้ว่าแทนที่จะน่ากลัว กลับกลายเป็นว่าน่ารักในสายตาเขาเสียอย่างนั้น เขาหัวเราะขำหึๆในลำคออย่างชอบใจ ก่อนจะยิ่งโน้มหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่กับพวงแก้มนวลเชิญให้ขนลุกซู่ไปหมด
“น…นี่คุณ”
“ไม่สนจริงเหรอ ห้องผมมีครบนะ ขอแค่คุณต้องการ”
เขาพึมพำอยู่ตรงพวงแก้มนุ่มของเธอเสียงพร่า จะเอาแต่ชักชวนกันไม่หยุดจริงๆหรือยังไงกัน นี่เขาต้องหน้าด้านขนาดไหน ถึงได้มาทำตัวแบบนี้กับแฟนเก่าที่ตัวเองเป็นคนทรยศหักหลังน่ะ…
น่ารังเกียจที่สุด!
“ฉันไม่สนใจค่ะ ปล่อยด้วย”
เธอตอบเขาเสียงแข็ง แม้จะรู้ว่ามันไม่เป็นผลก็เถอะ เธอรู้จักเขาดี คนอย่างฟรานเชสโก้ อยากได้อะไรก็ต้องได้ นั่นคือนิสัยเอาแต่ใจของเขา แต่ฝันไปเถอะว่าคราวนี้เขาจะได้ดั่งใจน่ะ อย่างน้อยมันต้องไม่ใช่กับเธอ
“ว้า แย่จังเลยนะครับ เพราะถ้าหากผมต้องการแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าผมไม่เคยปล่อยให้เหยื่อหลุดมือ”
เขาเอ่ยอย่างหน้าตาย แววตาคมกริบจ้องเธอราวกับจะจับเธอกินให้ได้ เหยื่ออย่างนั้นหรอ?
ท้ายที่สุดยังไงเธอก็เป็นได้แค่นั้นในสายตาเขาสินะ
เกลียดที่สุด…
“หึ งั้นก็ต้องโทษทีค่ะ เพราะฉันจะไม่ตกเป็นเหยื่อของใคร โดยเฉพาะคนอย่างคุณ!”
เธอช้อนสายตามองเขาอย่างขุ่นเคือง แล้วดูเหมือนคำพูดเธอจะเข้าไปขยี้ต่อมความอดทนของเขาได้ดีเลยทีเดียว
“คนอย่างผม? คนอย่างผมนี่มันยังไง”
ก็คนชาติชั่ว สารเลวไงล่ะ! เธออยากจะตะโกนดังๆใส่หน้าเขาไปให้มันจบๆ แต่ปากทรยศนี่กลับหนักอึ้งพูดไม่ออกนี่สิ ได้แต่ขืนมือตัวเองพยายามจะดึงออกจากพันธนาการที่กอบกุมมือเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“นี่คุณแกล้งโง่อยู่หรือยังไงกัน หรือว่าสมองเสื่อม?”
ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเผลอสถบใส่อารมณ์ด่าเขาไปเต็มๆ จนคนฟังขบกรามแน่น มือหนาที่กอบกุมมือเธออยู่ เปลี่ยนมารวบท้ายทอยเธอเข้าแนบริมฝีปากตัวเองอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อื้มม!!”
เขาฉกริมฝีปากยัดเยียดจูบให้เธอหนักๆไม่ปล่อยให้เธอได้มีแม้แต่โอกาสขัดขืน มือหนาของเขาล็อคท้ายทอยเธอไว้แน่น แม้ฝ่ามือเล็กจะพยายามดันอกแกร่งออกห่าง ทว่าแรงน้อยนิดที่เธอมีมันกลับต่อต้านเขาไม่ได้เลยด้วยซํ้า
เรียวปากเล็กถูกเขาบดขยี้ลงมาแรงๆราวกับโหยหากันมานาน ทั้งที่เขาเองเป็นคนทรยศเธอแท้ๆ แต่วันนี้กลับมาโขมยจูบจากเธอหน้าด้านๆเนี่ยนะ
“อื้มมม!”
เสียงเล็กประท้วงอู้อี้ในลำคอ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะยิ่งเธอขัดขืน เขาก็ยิ่งกดจูบเธอรุนแรงราวกับจะกลืนกินเธอลงไปด้วยทั้งตัว ไม่พอแค่นั้น เขายังตั้งใจกัดกริบปากล่างเธอเบาๆเป็นการบังคับให้เธอเผยปากออก แล้วเขาก็ทำมันสำเร็จ
ลิ้นสากดันเข้ารุกลํ้าทั่วโพรงปากนุ่มจนเกิดเสียงแลกนํ้าลายกัน รสชาตินํ้าสีอำพันที่ต่างกระดกดื่มเข้าไปเมื่อครู่ยังคงติดอยู่ปลายลิ้น ยิ่งเพิ่มความร้อนรุ่มดุเดือดให้กับรสจูบเป็นเท่าตัว
เขาครอบครองจูบเธออยู่แบบนั้นนานนับนาทีจนเธอเองเผลอไผลไปกับรสชาติแสนเร่าร้อนที่เขามอบให้
ไม่สิ เธอควรจะเกลียด… ควรจะขัดขืนเขาให้ถึงที่สุดสิ!
เกร๊ก…
เสียงกระบอกปืนที่ถูกยกขึ้นมาจี้กลางอกแกร่งดังเกร๊ก พร้อมกับนิ้วเรียวที่พร้อมลั่นไกลปืน เขาดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย แต่มันก็แค่เล็กน้อยจนเธอแทบไม่ทันได้สัมผัส ก่อนมือหนาที่ทาบทับอยู่บนเสาด้านหลังจะเปลี่ยนมาจับกุมมือเธอที่จับปืนไว้แน่น
แล้วที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นคือ เขาไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด กลับกันยังกดจูบเธออยู่อย่างนั้นราวกับว่าจะต้องแลกกับกระสุนนัดนี้เพื่อได้จูบเธอก็ยอม
จ๊วบ!
เสียงถอดถอนจูบดังออกมาเมื่อเขายอมผละริมฝีปากหนาออกจากกริบปากนุ่มของเธอ ตามมากับเสียงหอบหายใจเบาๆจากเธอ ใบหน้านวลแดงปรั่ง ไม่รู้เพราะความร้อนรุ่มที่กำลังลุกแล่นอยู่ทั่วร่างกาย หรือเพราะความโมโหโกรธเขากันแน่
“จับปืนต้องจับให้มั่นสิ มือสั่นแบบนี้จะไปขู่ศัตรูที่ไหนได้หืม”
