บทที่ 2 ผู้หญิงคนนั้นคือใคร
“คุณฟรานคะ วันนี้คุณจะไปดูฟิโอน่าเดินแบบใช่มั้ยคะ”
ฟิโอน่า หญิงสาวรูปร่างเพรียวหุ่นนางแบบ เมื่อเห็นฟรานเชสโก้ผู้เป็นคู่หมั้นเดินลงบันไดบ้านมาในชุดสูทหล่ออลังการ ก็รีบดันตัวเองเดินเข้าไปถามเขาด้วยสีหน้าปลื้มปลิ่ม
“ก็ต้องไปสิครับ ในเมื่องานนี้นายเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ จะไม่ให้ไปได้ยังไงครับคุณฟิโอน่า”
เป็นมาร์โก้ บอดี้การ์ดน่ารำคาญนั่นที่เอ่ยปากตอบเธอแทนคนถูกถามซึ่งเอาแต่ทำหน้าขรึมแล้วเงียบเสมือนรำคาญเธอเต็มที ทำเอาหญิงสาวหน้าเสีย
“งั้นฟิโอน่าขอติดรถไปด้วยได้มั้ยคะ ไหนๆเราก็จะไปที่เดียวกัน”
เธอยังคงแบกหน้าถาม แม้สายตาคมคู่นั้นจะไม่หันมาเหลียวแลตัวเองเลยสักนิดก็ตาม แล้วมันยังไงล่ะ ในเมื่อเธอเป็นคู่หมั้นของเขานี่ อย่าลืมสิ ความจริงเรื่องแค่นี้เธอไม่จำเป็นต้องถามเลยด้วยซํ้า เพียงแต่ว่าฟรานเชสโก้นั้นไม่ใช่คนที่ใครก็ได้จะไปเล่นต่อปากต่อคำด้วย เพราะถ้าหากเขาเกิดไม่พอใจขึ้นมา จุดจบคนนั้นคงไม่มีทางสวย รวมถึงเธอเองที่มีศักดิ์เป็นถึงคู่หมั้นเขาก็ตาม
อยู่กับเสือต้องอยู่เป็น… นั่นคือตัวตนของฟรานเชสโก้
“จะไปก็ตามมาเร็วๆ ผมไม่ชอบรอใคร”
นั่นคือประโยคแรกจากเขา หลังจากที่เอาแต่ยืนเงียบขรึม มันช่างเป็นคำพูดที่เฉียบขาดและแหลมคม ไม่ต่างจากตัวตนของเจ้าตัวสักนิด จนเธอได้แต่รีบพยักหน้าแล้วเดินตามหลังเขาไปแบบนั้น แม้ในใจจะเจ็บปวดไม่น้อยเลยก็ตาม
เธอไม่เคยได้อยู่ในหัวใจของเขา เธอไม่เคยเป็นผู้หญิงคนนั้นเลยในระยะเวลาสามปีที่เราหมั้นหมายกันมา อย่าว่าแต่พื้นที่ในหัวใจเลย แม้แต่พื้นที่ในสายตา เขาก็ยังไม่เคยให้เธอได้สักครั้ง เธอมันก็ไม่ต่างจากรูปปั้นที่ได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างไร้ตัวตน
แม้แต่ชื่อ เขายังไม่อนุญาตให้เธอเรียกฟรานเฉยๆ เธอต้องคอยเติมคำว่า คุณ ก่อนเสมอ เพราะเขาไม่ชอบเปิดเผยพื้นที่ส่วนตัวให้ใครเข้ามาเหยียบ…
ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น รถคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดหน้างาน เรียกความสนใจจากผู้คนมากมายที่ยืนอยู่แถวๆนั้น เพราะรู้ดีว่ารถหรูคันนี้ที่มีไม่กี่คันในอิตาลี่เป็นของใคร
“นายจะเข้าไปในงานเลยมั้ยครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยถามเจ้านายอย่างรู้ใจ เขารู้ดีเลยล่ะ ว่าเจ้านายไม่ชอบมีข่าวคราว ไม่เชื่อก็ลองฟังคำตอบของเขาตอนนี้ดูสิ
“ไม่ คุณลงไปก่อนแล้วกันฟิโอน่า”
“ทำไมคุณไม่ลงไปด้วยกันเลยล่ะคะ”
ฟิโอน่ายังคงปั้นหน้าถาม แม้จะรู้คำตอบอยู่เต็มอก สถานะคู่หมั้นก็แค่ในนาม เพราะเขาไม่เคยทำหน้าที่นั้นหรอก ไม่ว่าจะไปงานไหน เขาไม่เคยควงเธอออกหน้าให้เป็นข่าวคราว แล้วตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น เธอมันน่ารังเกียจถึงขั้นที่แม้แต่ลงรถไปด้วยกัน เขายังไม่อยากทำเลยหรือยังไงกัน
“ผมไม่ชอบพูดซํ้า”
เพียงแค่คำพูดเย็นชาคำเดียว ฟิโอน่าถึงกับต้องกัดปากตัวเองแน่น เธอได้แต่เงียบแล้วยอมลงรถไปคนเดียวเหมือนหมาที่ถูกเจ้าของทิ้ง
“ไปวนรถก่อนแล้วค่อยกลับมา”
เสียงทุ้มเอ่ยสั่งลูกน้องอย่างเฉียบขาดหลังจากที่ฟิโอน่าก้าวลงรถไป เขาก็มักจะเป็นแบบนี้ ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองมาตลอด ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ต่อให้มายืนแก้ผ้าต่อหน้าก็คือไม่ชอบ ไม่รู้จะฝืนตัวเองไปทำซากอะไร ใครทนไม่ไหวอยากจะตัดความสัมพันธ์ยังไงเขาไม่สนทั้งนั้น เกมส์นี้ใครรู้สึกคนนั้นก็แค่แพ้ ง่ายๆไม่มีอะไรให้ต้องตั้งคำถาม
.
.
.
“เชิญทางนี้เลยครับคุณฟราน”
พอเข้ามาถึงงาน สปอนเซอร์ผู้อื่นๆก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามาต้อนรับเขาเป็นอย่างดี พร้อมกับเดินนำเขาไปยันที่นั่งซึ่งเตรียมไว้ดิบดี จะมองไปมุมไหนก็สามารถมองเห็นนางแบบวนเวทีได้อย่างจัดแจ้ง แน่นอนว่าทุกอย่างมันต้องสมกับเงินมหาศาลที่เขาลงทุนไปอยู่แล้ว
ไม่กี่นาทีต่อมา งานที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็ได้เริ่มขึ้น พูดได้เลยว่านางแบบที่กำลังเดินพรีเซนแบรนด์แฟชั่นอยู่บนเวทีตอนนี้มีแต่อันดันท็อปเท่านั้น ฟรานเชสโก้นั่งดูไปเรื่อยๆด้วยแววตานิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ไดๆ จนกระทั่งถึงคิวที่ร่างเพรียวระหงคนหนึ่งเดินออกมา
แววตาคมเหมือนจะไปสดุดกับใบหน้าสวยหมวยนั่น ผิวพรรณที่เปร่งปรั่งขาวอมชมพูน่าสัมผัส ริมฝีปากอวบเป็นกระจับน่าหลงไหล โดยเฉพาะแววตากลมโตคู่สวยที่เผลอเหลือบมาสบสายตากับเขาในแว็บหนึ่ง อยู่ๆหัวใจดวงโตที่แข็งเหมือนก้อนหินก็เริ่มเต้นในจังหวะที่ผิดปกติ
นี่มันความรู้สึกบ้าอะไรกัน…
แววตาคมเอาแต่จ้องเธอคนนั้นไม่ละออกไปไหน เสมือนกำลังเผลอไผลไปกับความน่าหลงไหลนั้น ในขณะที่ส่วนหนึ่งของหัวใจกลับรู้สึกคุ้นเคยกับรูปร่างนี้แปลกๆ เหมือนเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน ทว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออกเหมือนสมองมันอื้อตันไปหมด
แม่งเอ้ย…
อยู่ๆความหงุดหงิดนี้ก็ก่อเกิดมาเสียดื้อๆ เหมือนตอนที่เขาต้องตื่นมาจากฝันแสนแปลกประหลาดนั่นแล้วเกิดความสับสนจนหงุดหงิดตัวเองไม่มีผิด แล้วพอรู้ตัวอีกที ร่างเพรียวระหงเมื่อครู่ก็เดินลับสายตาหายเข้าไปด้านหลังเวทีเสียแล้ว
“คุณทราบรึเปล่าครับ ว่านางแบบที่เดินเข้าไปเมื่อครู่คือใคร”
อยู่ๆคนที่เงียบมาตลอดทั้งงานก็ยอมปริปากพูดกับสปอนเซอร์ท่านอื่นที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อ๋อ คนที่สวยๆสดุดตาเมื่อกี้น่ะหรือคะ เธอชื่อฟ้าลันดาค่ะ เพิ่งจะเข้าวงการนางแบบได้สองปีกว่า ก็สร้างชื่อเสียงดังติดท็อปแข่งกับนางแบบรุ่นพี่หลายคนจนน่าตกใจเลยล่ะค่ะ อีกอย่างเธอเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกง มาจากตระกูลหลิวที่รํ่ารวยและมีชื่อเสียงพอสมควรค่ะ”
ตระกูลหลิวงั้นเหรอ ก็พอจะได้ยินชื่อเสียงของตระกูลนี้มาบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าลูกสาวตระกูลนี้จะดันมาเข้าตาเขาได้ขนาดนี้มาก่อนนี่สิ
“ฟ้าลันดา หลิวอย่างนั้นหรอ…”
ยิ่งชื่อนี้เขากลับรู้สึกคุ้นเป็นพิเศษ คุ้นมากๆ ทว่ากลับจำไม่ได้เลยว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
แม่งเอ้ยหงุดหงิดชิบหาย!
