บทที่ 2 อดีต 1.1
เวลาล่วงเลยกว่าเที่ยงคืน ทุกคนในบ้านต่างหลับสนิท หากแต่มีบุคคลหนึ่งมาเยือนบ้านหลังนี้ล่วงหน้าและก่อนกำหนดเวลาที่บอกไว้ ร่างสูงใหญ่ของพายุก้าวลงมาจากรถตู้คันหนึ่งที่เหมามาจากสนามบิน เพื่อเดินทางมาที่ไร่พายุภัทร ซึ่งเป็นไร่ของลุงกับป้าบุคคลที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่บิดาและมารดาของเขาเสียชีวิต พายุรักและเคารพกำพลและกิ่งแก้วเป็นอย่างมาก จึงทำตามความประสงค์ของทั้งสองอย่างไม่มีข้อแม้ แค่ให้เขานอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งท่านทั้งสองจัดหาให้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาทำตัวลอยชายไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงคนไหน แล้วเมื่อไหร่จะมีเหลนมาให้ท่านทั้งสองอุ้มชู ซึ่งเป็นเรื่องที่ไกลความคิดของเขามาก เพราะตอนนี้เขาอยากใช้ชีวิตโสดให้คุ้มเสียก่อน
พายุเดินเข้ามาในบ้านโดยมีลุงบุญคอยเปิดประตูให้ ร่างสูงใหญ่เดินขึ้นไปที่ชั้นบนทันทีเพื่อพักผ่อนร่างกาย หลังจากเดินทางมานานนับสิบชั่วโมง เท้าหนาหยุดชะงักเมื่อกำลังเดินผ่านห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเขาจำได้ดีว่าผู้เป็นป้าบอกว่า หญิงสาวที่จัดเตรียมไว้ให้เขาพักอยู่ในห้องนี้ ซึ่งพายุเองไม่แน่ใจว่าเธอคนนั้นเดินทางมาถึงที่นี่หรือยัง ด้วยความอยากรู้มือใหญ่จึงจับที่ลูกบิดประตู ขยับเบาๆ ก่อนจะรู้ว่าถูกล็อกจากด้านใน แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว เพราะห้องนี้ไม่เคยล็อกมาก่อน เขาจึงเดินตรงไปที่ห้องของเขา ก่อนจะกลับมาพร้อมกุญแจพวงหนึ่ง
ชายหนุ่มเปิดประตูออกกว้างเมื่อไขกุญแจเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความมืดของห้องนอนที่ปิดไฟทุกดวง ผ้าม่านถูกปิดสนิทจึงทำให้เขาสามารถมองเห็นภายในห้องได้เพียงรางๆ เท่านั้น แสงสายฟ้าฟาดที่กระจายอยู่บนท้องฟ้า ทำให้เขามองเห็นสตรีนางหนึ่งที่หลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง ร่างของเธอหันหลังตะแคงให้เขา พายุเห็นร่างบางเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิทเหมือนเดิม ชายหนุ่มก้าวเท้ามาที่เตียงนอนอย่างช้าๆ ทอดกายลงนอนเคียงข้างหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้า ใช้ฝ่ามือลูบไปตามต้นขาของพิชชาพรเบาๆ
พิชชาพรรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เสียงฟ้าร้องที่แผดเสียงดังสนั่นอยู่บนฟากฟ้าแล้ว และรู้สึกถึงน้ำหนักตัวที่ทอดกายลงนอนเคียงข้างเธอ ร่างบางตัวแข็งดุจท่อนไม้ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเหมือนกลองศึกเมื่อฝ่ามือของเขาลูบไล้ที่ต้นขาของเธออย่างแผ่วเบา ในขณะที่ริมฝีปากหนาคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอขาวนวล ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงอาการสั่นของร่างบางที่ดูจะตื่นเต้นและหวาดกลัวเขายิ่งนัก พายุจึงกระซิบเบาๆ ที่ใบหูหอมสะอาดของเธอ
“ไม่ต้องกลัวสาวน้อย...ฉันชื่อพายุ หลานของลุงกำพลและป้ากิ่งแก้ว”
อาการสั่นของพิชชาพรหาได้ลดน้อยถอยลงไม่กลับเพิ่มแรงสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น เมื่อเรียวปากหนารูปสวยไล้จูบที่ต้นคอ เรื่อยไปตามบ่าเนียน ลำแขนเรียวดุจลำเทียน มือหนาจับที่ลำแขนก่อนจะพลิกลำตัวของเธอให้นอนหงายอย่างเบามือ ความมืดมิดทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ได้ หากแต่สิ่งที่เขาได้สัมผัสคือ ผิวกายของเธอช่างเนียนนุ่มละมุนมือยามลูบไล้ กลิ่นกายที่หอมอบอวลยามสูดดมด้วยวัยสาว ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและหายเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
เรียวปากหนาหยักสวยแนบสนิทกับเรียวปากบางอิ่มที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว สัมผัสนุ่มละมุนของเรียวปากบางที่เขาได้ทาบทับ เหมือนมีกระแสไฟลามเลียไปตามร่างกายของเขา จนร่างทั้งร่างร้อนวูบวาบ มันเป็นความรู้สึกที่ ซาบซ่านเข้าไปถึงหัวใจ เขาเพิ่มแรงบดเคล้าเรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล พายุใช้ความชำนาญที่มีมากล้นบังคับให้เธอเผยอเรียวปากให้เปิดกว้าง ปลายลิ้นอุ่นสากสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเธอได้สำเร็จ และเริ่มสำรวจความหอมหวานอย่างไม่รั้งรอ เรียวลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดแรกเร้ากับเรียวลิ้นบางอย่างอ่อนโยนระคนดุดัน ทำให้ร่างบางสั่นสะท้านกับจุมพิตที่ไม่เคยได้รับจากผู้ชายคนไหนมาก่อน
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่พายุสำรวจหาความหวานจากกลีบปากงาม เขาหลงเพลิดเพลินกับการเสาะแสวงหาความนุ่มและหอมหวานปานน้ำผึ้งจากเรียวปากที่เขาครอบครอง อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก ร่างของพิชชาพรเบาเหมือนปุยนุ่นที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศ หัวสมองของเธอเริ่มทำงานได้น้อยลง มือบางที่วางนิ่งอยู่ที่เตียงนอน เริ่มไล้ไปตามท่อนแขนกำยำแข็งแรง โดยไม่รู้ว่ากำลังปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้เดือดพล่าน
มือหนาเริ่มสำรวจไปตามร่างกายงามลออผ่านชุดนอนลายการ์ตูนที่ พิชชาพรสวมใส่ เริ่มจากเรียวขางามเรื่อยมาถึงสะโพกมน และตามสีข้างของเธอ ก่อนจะมาหยุดนิ่งที่ทรวงอกคู่อวบ ออกแรงบีบเบาๆ ส่งผลให้เสียงครางเล็กๆ เปล่งอยู่ในลำคอของเธอ พายุถอนเรียวปากอย่างแสนเสียดาย แทะเล็มไปตามพวงแก้มหอมกรุ่น ไล้ริมฝีปากอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งถึงใบหูหอมสะอาดของหญิงสาว ไรฟันขบกัดที่ติ่งหูของเธอเบาๆ แต่นั่นก็ทำให้ขนเส้นเล็กๆ ที่อยู่บนร่างกายลุกชัน ร่างกายสั่นสะท้านไหวระริก ความรู้สึกบางอย่างเริ่มวิ่งวนเข้ามาในร่างกาย ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตสาว มันร้อนรุ่มไปทั้งตัวซาบซ่านไปถึงหัวใจ บริเวณหน้าท้องแบนราบจรดกลีบดอกไม้งามเกร็ง เสียวซ่านและวาบไหว
“เคยหรือยัง”
เสียงแหบพร่าถามกระซิบอยู่ที่ข้างหู ก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปทักทายกับใบหูหอมกรุ่น และนั่นทำให้สมองของเธอประมวลคำถามของเขาได้ช้าลง เหมือนกับว่าตอนนี้เธอไม่สามารถคิดอะไรได้ เหมือนทุกอย่างที่อยู่ในหัวของเธอว่างเปล่า และไม่เข้าใจความหมายที่เขาถาม จึงได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบเท่านั้น รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม ผ่านความมืดมิดที่กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณห้อง ใจจริงของพายุอยากจะเปิดไฟและเชยชมร่างกายของหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างเขา หากแต่ไฟฟ้าของที่นี่เกิดขัดข้องจากแรงพายุที่โหมกระหน่ำ ส่งผลให้ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง
“ไม่ต้องกลัว...ฉันจะทำให้เธอมีความสุข”
เสียงของเขาช่างรัญจวนใจเธอยิ่งนัก ความมืดมิดทำให้เธอลดความกระดากอายได้เป็นอย่างดี พายุเริ่มครอบครองเรียวปากอิ่มอีกครั้ง ปลายลิ้นสอดแทรกเกี่ยวรัดดูดดึงเรียวลิ้นบางอย่างหิวกระหาย ความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน เต็มไปด้วยความเรียกร้อง ทำให้หัวสมองของเธอเริ่มหมุนเป็นลูกข่างอีกครั้ง ความใหม่สดที่พายุได้รับจากหญิงสาวทำให้เขารู้สึกว่า ร่างกายของเขามีความต้องการเป็นอย่างมาก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างหนาเริ่มสั่นไหวเมื่อมือบางลูบไปตามแผ่นหลังและเรื่อยมาถึงเอวสอบ โดยเจ้าของมือบางไม่รู้สึกตัวว่ากำลังเติมเชื้อเพลิงแห่งความปรารถนาให้กับร่างกายของเขา มือแกร่งจับที่ชายเสื้อของเธอ ก่อนจะดึงรั้งให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเสื้อตัวสวยหลุดออกจากร่างกาย ในความมืดนั้นเขาไม่สามารถมองอะไรเห็นดั่งใจคิด หากแต่ความเต่งตึงนุ่มนิ่มที่เขาได้สัมผัส เมื่อมือหนาจับนิ่งที่ทรวงอกคู่อวบ ที่ดูเหมือนว่าจะพอเหมาะกับมือของเขายิ่งนัก
บราเซียร์สีสวยไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา ไม่นานมันก็เลื่อนหลุดออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดาย พายุจึงได้สัมผัสเนื้อแท้ของทรวงอกอวบที่เบ่งบานทันทีที่ได้รับอิสระ ทรวงอกที่นุ่มดั่งสปริงรับน้ำหนักมือยามที่เขาออกแรงบีบเคล้น ทำให้ร่างบางเริ่มบิดเร้า เปล่งเสียงครางออกมาอย่างไม่ขาดสาย พายุจุมพิตเธออย่างไม่รู้จักเบื่อ ควานหาความหอมนุ่มด้วยเรียวลิ้นหนาที่เกี่ยวรัดรุกเร้าเรียวลิ้นบางอย่างต่อเนื่อง เมื่ออิ่มหนำจากเรียวปากของพิชชาพรแล้ว ริมฝีปากหนาลากไล้ไปตามลำคอระหง เลื่อนต่ำลงมาถึงทรวงอกอวบ ใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นสาวบริเวณร่องทรวงอก เรื่อยมาตามราวนมและมาหยุดนิ่งดูดกลืนเม็ดทับทิมเข้าไปในอุ้งปาก ความร้อนจากอุ้งปากบวกกับความเสียวซ่านที่เธอไม่เคยได้รับจากชายใด ร่างกายของเธอบิดเร้าอย่างกระสันเสียว มือบางจับแน่นที่บ่ากว้าง ออกแรงผลักบ้างเมื่อเขาดูดกลืนเม็ดทับทิมอย่างหื่นกระหาย เพราะเธอเริ่มจะทานทนกับความรู้สึกบางอย่างที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นหลายร้อยเท่า
ความแปลกใหม่ที่พิชชาพรได้สัมผัส ทำให้อารมณ์หนึ่งของหญิงสาวที่ไม่เคยรู้จัก เริ่มสาดซัดเข้ามาในร่างกายอีกครั้งและอีกครั้ง หญิงสาวทำได้เพียงปลดปล่อยเสียงครางออกมาเพื่อบรรเทาความเสียวซ่านเท่านั้น พายุครอบครองเม็ดทับทิมสีสดที่ชูชันรอรับอุ้งปากของเขาอยู่ มือแกร่งช่างสามัคคีกับอุ้งปาก เมื่อมือนั้นเคล้นคลึงที่ทรวงอกอีกข้างที่เขาไม่ได้ดูดกลืน เพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้า ก่อนจะเลื่อนมือต่ำลงไปที่ขอบกางเกงชุดนอนของหญิงสาว สอดปลายนิ้วเกี่ยวไปที่ขอบกางเกงนั้น ดึงรั้งลงพร้อมอันเดอร์แวร์ลงไปที่ปลายเท้าและรูดออกจากร่างกายของเธอด้วยปลายเท้าของเขา
ร่างกายเปลือยเปล่าที่อยู่ใต้ร่างหนา ทำให้พายุไม่รู้เลยว่าร่างกายร่างนี้จะสวยงามมากแค่ไหน หากแต่ในความคิดของเขาเธอต้องสวยมากๆ แน่ พิชชาพรรู้สึกหนาวสั่นเมื่อร่างกายของเธอไร้ซึ่งอาภรณ์ แต่น่าแปลกร่างกายของเธอกลับร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา เมื่อมือหนาเริ่มสำรวจร่างกายของเธออีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เธอแทบขาดใจ
เรียวขางามถูกแยกออกเพียงนิด ก่อนที่เขาจะส่งปลายนิ้วชำแรกแทรกเข้าไปในกลีบกุหลาบที่คับแน่นรัดนิ้วมือของเขา เรือนผมสลวยสะบัดพลิ้วไปตามแรงส่ายสะบัดของใบหน้างาม เมื่อมีสิ่งแปลกใหม่เคลื่อนเข้าสู่กลีบกุหลาบ มือทั้งสองข้างจับที่ผ้าปูที่นอนแน่น เมื่อนิ้วเรียวยาวเริ่มขยับเคลื่อนไหวเข้าออก พายุโน้มใบหน้าจุมพิตที่เรียวปากอวบอิ่ม ดูดดึงแรกรัดเรียวลิ้นบางด้วยปลายลิ้นอุ่นสากของเขา ชายหนุ่มผละจากเรียวปากงามที่รู้สึกซาบซ่านทุกครั้งที่ได้สัมผัส เพื่อมาดูดกลืนเม็ดทับทิม ในขณะที่นิ้วเรียวยาวยังคงเคลื่อนไหวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งได้ยินเสียงร้องครางระงมของพิชชาพร เขายิ่งเพิ่มจังหวะให้เร็วมากยิ่งขึ้น
“คุณพายุ...”
เสียงหวานใสครางกระเส่า เมื่อมีสิ่งหนึ่งวิ่งวนอยู่ภายในกลีบกุหลาบ ก่อนจะตีรวนขึ้นมาที่ท้องน้อย และจมดิ่งลงไปที่เดิมอีกครั้ง และครั้งนี้เองที่ทำให้พิชชาพรรับรู้ถึงคำว่าความสุขของการเสพสม