บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 ปัจจุบัน 1.4

สิ่งนี้คือความตั้งใจของรัตเมธ เขาไม่ต้องการให้ลูกชายเพียงคนเดียวคิดว่า ดวงเดือนแต่งงานกับเขาเพราะเงิน รัตเมธจึงตัดสินใจยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีให้กับพชรดนัย จะใช้จ่ายด้วยเงินเดือนที่ได้รับจากตำแหน่งประธานบริษัท อีกทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับลูกชายด้วยว่า สมบัติของเขาจะไม่ตกเป็นของคนอื่น

“คุณพ่อไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้นะครับ ผมเข้าใจเรื่องที่คุณพ่อแต่งงานใหม่ แล้วไม่ได้รังเกียจน้าเดือนด้วย ความสุขของคุณพ่อก็เหมือนกับความสุขของผมครับ”

พชรดนัยไม่คิดรังเกียจว่าที่แม่เลี้ยงของตน เขากลับคิดว่าเป็นการดีที่บิดาแต่งงานใหม่ รัตเมธจะได้ไม่เหงา มีเพื่อนคุย มีเพื่อนเที่ยวตามประสาเพราะเขาเองก็ไม่มีเวลาให้บิดามากนัก

“พ่อขอบใจที่เมฆคิดแบบนี้ แต่พ่ออยากให้เมฆจริงๆ นะ แล้วมีอีกอย่างหนึ่งที่พ่อจะให้เมฆ สิ่งนี้พ่อทำให้เมฆตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว พ่อคิดว่ามันสมควรที่จะให้เมฆจัดการต่อ ตามความชอบของเมฆเอง”

ระหว่างที่รัตเมธพูด เขาล้วงหยิบเอกสารอีกฉบับหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก ก่อนจะวางลงตรงหน้าลูกชาย พชรดนัยก้มมองดูโฉนดที่ดินและเอกสารอีกหนึ่งฉบับที่สอดอยู่ข้างใต้ แล้วเอื้อมมือไปหยิบทั้งสองสิ่งนั้นขึ้นมาดู มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อได้อ่านรายละเอียดต่างๆ ในเอกสารที่ถืออยู่ มุมปากทั้งสองข้างของพชรดนัยคลี่กว้างทีละน้อย จนกระทั่งรอยยิ้มแห่งความดีใจกระจายเต็มใบหน้าหล่อเข้ม

“อะไรกันครับคุณพ่อ คุณพ่อแอบทำรีสอร์ตให้ผมหรือครับ”

พชรดนัยเงยหน้าถามบิดา รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ตนเองได้ครอบครองที่ดินและรีสอร์ตแห่งนี้ เพราะที่ดินผืนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับบ้านที่ตนเคยพักพิงอาศัยมานานแสนนานและรอเวลาที่จะได้กลับไป มันช่างน่าแปลกนักที่เขารู้สึกเช่นนี้ เพราะเขาไม่เคยไปเยี่ยมกรายที่ดินผืนนั้นเลยสักครั้งเดียว

“ใช่ รีสอร์ตนี้เป็นของเมฆ เมฆเข้าไปดูแลตกแต่งมันได้เต็มที่” ผู้เป็นพ่อตอบด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่ได้มองเห็นความสุขบนใบหน้าของลูกชาย

“ขอบคุณมากครับคุณพ่อ ขอบคุณมากครับ” พชรดนัยก้มลงกราบบิดาพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณจากหัวใจ

“พ่อมีอีกเรื่องนึงที่จะขอร้องเมฆ” รัตเมธเปิดประเด็นใหม่

“เรื่องอะไรครับคุณพ่อ”

“เมฆจำได้ไหมว่า พ่อเคยบอกเมฆว่าน้าเดือนมีลูกติดคนนึง” รัตเมธเท้าความ

“จำได้ครับ คุณพ่อบอกผมเมื่อปีก่อนว่า ลูกสาวของน้าเดือนกำลังเรียนอยู่เชียงใหม่จะจบปีนี้”

พชรดนัยรู้จักลูกสาวของดวงเดือนผ่านการบอกเล่าของบิดา ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน เนื่องจากอีกฝ่ายเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ค่อยได้ลงมากรุงเทพฯ คนที่เขาเห็นหน้าค่าตาบ่อยๆ คือดวงเดือน คนรักใหม่ของบิดา

“ใช่ลูก หนูกัณฑ์เรียนจบแล้ว พ่ออยากให้เมฆรับหนูกัณฑ์ไปทำงานที่รีสอร์ตด้วย หนูกัณฑ์เรียนจบการบริหารมา พ่อว่าน่าจะช่วยงานเมฆได้มากทีเดียว เมฆรับหนูกัณฑ์ไปทำงานด้วยซักคนนะลูก” รัตเมธพูดเชิงขอร้อง

“ได้ครับคุณพ่อ เรื่องแค่นี้เองหรือครับ” เขาคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร จึงตกปากรับคำผู้เป็นบิดา

“พ่อขอบใจเมฆมากนะสำหรับทุกอย่าง ไม่ขัดขวางเรื่องที่พ่อจะแต่งงานใหม่ ยอมรับน้าเดือนกับหนูกัณฑ์มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเรา”

“ความสุขของคุณพ่อคือความสุขของผมครับ”

คำพูดของพชรดนัยดูเหมือนจะครอบคลุมทุกอย่าง เขาไม่เพียงแต่ไม่เข้าขวาง ยังจะเห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานของบิดาในครั้งนี้ด้วย ผู้เป็นพ่อไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากแย้มรอยยิ้ม

“แล้วเรื่องงานแต่งงานไปถึงไหนแล้วครับ ช่วงนี้ผมยุ่งๆ เรื่องเปิดบริษัทลูกที่สิงคโปร์เลยไม่ได้ลงไปช่วยคุณพ่อมากนัก”

พชรดนัยถามถึงงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จะว่าไปแล้วเขาแทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ทุกสิ่งอย่างรัตเมธให้บรรสันต์เลขาส่วนตัวจัดการทั้งสิ้น

“งานแต่งของพ่อไม่ได้จัดใหญ่โต แค่ทำบุญเลี้ยงพระ กินเลี้ยงในหมู่ญาติเท่านั้นเอง สันต์เขาจัดการให้พ่อเรียบร้อยแล้ว” สันต์คือ บรรสันต์เลขาส่วนตัวของเขา

“ผมเหมือนเป็นลูกที่ไม่ดีเลยนะครับ ไม่ได้ช่วยอะไรคุณพ่อเลย งานมงคลของคุณพ่อแท้ๆ”

พชรดนัยรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้เข้าไปจัดการเรื่องงานแต่งงานของบิดาอย่างที่ควรจะเป็น ปล่อยให้บรรสันต์ที่เป็นเพียงเลขาส่วนตัวจัดการ สีหน้าของผู้พูดจึงสลดไม่ต่างกับน้ำเสียง

“พ่อเข้าใจเมฆนะลูก พ่อเข้าใจ อย่าคิดโทษตัวเอง งานบริษัทกำลังจะขยายตัวไปอีกหลายประเทศ มันแน่นอนอยู่แล้วที่เมฆต้องทำงานแทบจะไม่มีเวลาว่าง เมฆทำหน้าที่รองประธานบริษัทให้ดีที่สุดก็พอ เรื่องของพ่อมันเรื่องเล็กน้อยพ่อให้สันต์จัดการให้ได้”

รัตเมธพูดปลอบลูกชาย เขารู้ดีกว่าหน้าที่ของรองประธานบริษัทนั้นหนักมากแค่ไหน เวลานี้รัตเมธเพียงแค่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแต่เพียงในนาม ไม่ได้เข้าไปนั่งบริหารเหมือนเมื่อก่อน ปล่อยให้พชรดนัยลูกชายโทนทำหน้าที่บริหารเต็มตัว ทุกสิ่งอย่างจึงตกอยู่ในมือของพชรดนัยเพียงคนเดียว เขาเป็นเพียงที่ปรึกษาในบางกรณีเท่านั้น ภาระหน้าที่ของพชรดนัยที่แบกไว้บนบ่าจึงหนักไม่น้อย รัตเมธจึงไม่ต้องการนำภาระใส่บ่าของลูกชายอีก

“ขอบคุณครับที่คุณพ่อเข้าใจผม” พชรดนัยพนมมือไหว้ผู้เป็นพ่อ

“เรื่องรีสอร์ตถ้าเมฆว่างก็เข้าไปดูนะลูก เสร็จเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายในและเก็บรายละเอียด อ้อ...แล้วยังมีเรื่องการจัดสวนด้วย เมฆอยากเพิ่มเติมอะไรจัดการได้ตามใจชอบเลยนะลูก”

“ครับคุณพ่อ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”

“ไปเถอะลูก” พชรดนัยพนมมือไหว้บิดาอีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับเอกสารยกกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและโฉนดที่ดินติดมือมาด้วย

จังหวะที่ลูกชายยกมือไหว้ตนเองนั้น รัตเมธมองเห็นอะไรบางอย่างบนนิ้วนางข้างซ้ายของลูกชาย แหวนนพเก้าที่พชรดนัยสวมใส่เกิดประกายเจิดจ้า ไม่ใช่แสงสะท้อนของเพชรพลอยกระทบกับแสงไฟ เพราะในห้องนี้เวลานี้ไม่ได้เปิดไฟเลยสักดวง แต่เป็นแสงประกายจากตัวแหวน เป็นแสงสีแดงระเรื่อล้อมรอบอัญมณีทั้งเก้าชนิด ส่งผลให้แหวนวงนั้นดูลึกลับและน่ากลัว รัตเมธขนลุกขึ้นมาในฉับพลัน ในขณะที่เขามองแหวนวงนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel