บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 พลังแห่งความแค้น 1

เช้าวันต่อมาพชรดนัยขับรถไปยังรีสอร์ตที่บิดาสร้างให้ตนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พูดได้ว่าเขาอยากจะเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ก็ว่าได้ ในใจของเขาให้รู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก มีความกระตือรือร้นจะมาเยือนรีสอร์ตแห่งนี้ใจแทบขาด คล้ายกับมีแรงดึงดูดใจให้พชรดนัยไปสถานที่แห่งนั้น ทว่าเขาก็ดึงรั้งความปรารถนาอันแรงกล้าในตัวเองได้สำเร็จ และเฝ้ารอจนกระทั่งเช้าจึงเดินทางไปยังที่ตั้งของรีสอร์ต

ระหว่างทางที่รถยนต์คันหรูขับเคลื่อน เขาแปลกใจไม่น้อยที่ตนเองขับรถโดยไม่ต้องอาศัยแผนที่ ไม่ต้องถามทาง ไม่ต้องศึกษาเส้นทางกับสถานที่ที่ไม่เคยไป พชรดนัยขับรถมุ่งตรงจากบ้านมายังจุดมุ่งหมายราวกับว่าเดินทางมาบ่อยๆ ไม่ถึงสองชั่วโมงพชรดนัยก็หยุดรถหน้ารีสอร์ตขนาดใหญ่

ทันทีที่เท้าของพชรดนัยเหยียบพื้นดิน ลมวูบหนึ่งเข้ามาปะทะกาย ฝุ่นละอองจากทิศใดไม่ทราบได้ปลิวฟุ้งเข้ามาในดวงตา ชายหนุ่มหลับตาลงพลางใช้มือขยี้ตาโดยอัตโนมัติ พอเขาลืมตาขึ้นมาภาพที่เขาเห็นหาได้เป็นรีสอร์ตสุดหรูไม่ กลับกลายเป็นบ้านไม้สักทองหลังใหญ่ ยกพื้นสูงเหมือนสมัยโบราณ ปลูกเด่นเป็นสง่าแวดล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ท่วมบ้าน แผ่กิ่งก้านให้ความร่มเย็น หญิงชายแต่งกายในชุดที่เขาไม่เคยเห็นในปัจจุบัน แต่เป็นยุคใดยุคหนึ่งในอดีตที่เขาไม่อาจเดาได้

ชายหญิงที่ทำงานอยู่ด้านล่างคงจะเป็นบ่าวไพร่ของเจ้าของบ้านหลังใหญ่ เพราะการแต่งเนื้อแต่งตัวตลอดจนผิวพรรณที่กร้านดำนั้นดูจะบ่งบอกให้รู้ ฝ่ายชายไม่สวมเสื้อ ท่อนล่างนุ่งโจงกระเบน ฝ่ายหญิงมีผ้าแถบ(1)ผืนใหญ่พันรอบทรวงอก นุ่งโจงกระเบน ชายหญิงเหล่านั้นทำงานตามหน้าที่ของตนกระจายไปทั่วอาณาเขตของบ้าน

มองไปบนเรือนหลังใหญ่ พชรดนัยมองเห็นบุรุษคนหนึ่งมีสง่าราศี เขาคนนั้นนุ่งผ้าม่วงโจงกระเบน สวมเสื้อราชปะแตน เขาเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เนื่องจากบ่าวไพร่ต่างหมอบกราบเมื่อชายผู้นั้นเดินผ่าน ใบหน้าของเขาคนนั้น หล่อเหลาคมสันแบบไทยแท้ คิ้วโก่ง ดวงตาสีนิลแลดูอ่อนโยน จมูกโด่ง ริมฝีปากหนาได้รูปคลี่ยิ้มให้กับเหล่าบ่าวไพร่อย่างไม่ถือตัว ผิวพรรณดูหมดจดเกลี้ยงเกลาราวกับเป็นพวกผู้ลากมากดี

ชายคนที่พชรดนัยไม่รู้จักชื่อ ทว่าคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างเหลือหลายเดินลงมาจากบันไดบ้าน ก่อนจะก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ริมท่าน้ำ เขาคนนั้นยืนรอตรงท่าน้ำไม่นานก็มีเรือสำปั้นเล็กๆลำหนึ่งค่อยๆเคลื่อนมาจอดเทียบ ในเรือมีผลไม้นานาชนิดเต็มลำเรือ คนที่พายคือสตรีนางหนึ่งที่พชรดนัยจำได้ดีว่าคือใคร เธอคนนั้นมีความสวยเลิศเลอ ริมฝีปากจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มเมื่อเห็นบุรุษสง่างามคนนั้น คนที่รออยู่ตรงท่าน้ำยื่นมือไปตรงหน้าสตรีนางนั้น พร้อมกับเปล่งเสียงห้าวถามออกไป

“มาแล้วรึแก้วตาของพี่” เสียงนั้นแม้จะเข้มแข็งแต่ทว่ายังแฝงความอ่อนหวานและอ่อนโยนในที

“เจ้าค่ะคุณหลวง แก้วมาแล้วเจ้าค่ะ”

สตรีนามกว่าแก้วตาระบายเสียงหวานจับใจ พร้อมๆ กับรอยยิ้มละไม ยื่นมือมาวางลงบนมือของชายอันเป็นที่รัก ก่อนจะก้าวขึ้นจากเรือมายืนอยู่ข้างกายคนที่ถูกเรียกว่า คุณหลวง

“เราไปกันที่เรือนแก้วตากันเถอะ พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกินแก้วตาของพี่”

แก้วตาเอียงอายกับวาจาของคนรัก ใบหน้าสาวแดงก่ำเมื่อถูกลำแขนของคุณหลวงตระกองกอด พากันเดินไปยังทิศตะวันออก ฉีกตัวห่างจากเรือนไม้สักหลังใหญ่เข้าไปในสวนรกครึ้มที่เต็มไปด้วยต้นหมากรากไม้ หญิงสาวนามว่าแก้วตาหันมายิ้มให้กับพชรดนัย ยกมือกวักเรียกราวกับว่าต้องการให้เขาเดินตามไป ทว่าขาทั้งสองข้างของพชรดนัยแข็งเกินกว่าจะก้าวไปไหน ได้แต่ยืนมองดูสองร่างเดินหายเข้าไปในสวนจนสุดสายตา

“คุณเมฆครับ คุณเมฆ คุณเมฆครับ”

เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นหลายครั้ง ดึงพชรดนัยออกมาจากโลกหนึ่ง ภาพในอดีตที่พชรดนัยเห็นเมื่อครู่หายวับกลายเป็นภาพปัจจุบัน ภาพรีสอร์ตที่ปลูกแทนที่เรือนหลังใหญ่

“คุณเมฆครับ” บรรสันต์เรียกชื่อพชรดนัยอีกครั้ง

“ขะ...ครับ ว่าไงครับคุณอาสันต์

” คนที่ถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันมาทางต้นเสียง รู้สึกงงๆ กับภาพที่ตนเองเห็น

“คุณเมฆเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” บรรสันต์ถามด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากเขาเห็นลูกชายของเจ้านายยืนเหม่อ เหมือนคนตกอยู่ในภวังค์ก็ไม่ปาน

“ไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมแค่ทึ่งกับรีสอร์ตที่คุณพ่อสร้างให้เท่านั้นเองครับ”

พชรดนัยแก้ตัว ตัวเขาเองยังไม่แน่ใจว่า ภาพที่เห็นเมื่อครู่เกิดขึ้นได้อย่างไร อาจเป็นเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว แดดจัดมากจนดวงตาเขาพร่าเลือน เกิดภาพซ้อนทับขึ้นมาก็เป็นได้ จะเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ การเก็บเป็นความลับคือวิธีที่ดีที่สุด

“เป็นอา อาก็ทึ่งครับ คุณท่านตั้งใจสร้างรีสอร์ตนี้ให้คุณเมฆตั้งแต่ได้ที่ดินผืนนี้ครับ ท่านออกแบบเองด้วยนะครับ ตัวรีสอร์ตเสร็จเกือบสมบูรณ์แล้วเหลือแค่ตกแต่งภายในเท่านั้น ท่านบอกว่าให้เจ้าของตัวจริงจัดการต่อเองจะดีกว่า ส่วนพื้นที่ที่ยังมีต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม” คำพูดประโยคนี้บรรสันต์ชี้ไปยังต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกรกครึ้มตรงข้ามกับรีสอร์ต

“อากำลังให้อั้มเขาปรับโครงสร้างเสียใหม่ อนุรักษ์ต้นไม้ไว้ให้มากที่สุด ถางหญ้าและต้นไม้เลื้อยออก จัดแต่งเป็นสวนขนาดใหญ่ มีเก้าอี้วางกระจายตามจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวนั่งอ่านหนังสือ นั่งผ่อนคลายอารมณ์ อาคิดว่าคงร่มรื่นน่าดู น้อยนักที่จะมีรีสอร์ตทำอย่างนี้” บรรสันต์อธิบายเกี่ยวกับรีสอร์ตแบบคร่าวๆ ให้เจ้าของตัวจริงเสียงจริงได้รับรู้

“ผมก็ว่าดีเหมือนกันนะครับ ถ้าตัดต้นไม้ทิ้งแล้วทำสวนใหม่ผมว่าไม่ดีแน่ เสียดายต้นไม้ที่ยืนต้นมานับสิบๆ ปี อีกอย่างเรามีธรรมชาติอยู่ในมือก็น่าจะสรรสร้างให้เป็นประโยชน์”

พรชดนัยเห็นดีด้วยกับความคิดของบรรสันต์ ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวรีสอร์ตยังมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกอยู่เต็มพื้นที่ แม้ว่าจะรกครึ้มแต่ก็สามารถจัดตกแต่งให้เป็นระเบียบได้ไม่ยากเช่นกัน

“คุณเมฆจะไม่ตกแต่งอะไรเพิ่มเติมแล้วใช่ไหมครับ ผมหมายถึงจะใช้พื้นที่ตรงนั้นทำเป็นสวนร่มรื่นอย่างเดียวใช่ไหมครับ” บรรสันต์ถามเพื่อความมั่นใจ

“ใช่ครับ แค่ตัวรีอสร์ตนี่ก็ใหญ่แล้วนะครับ แค่นี้ก็พอ ตรงจุดนั้นผมอยากให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด มีต้นไม้ไว้ให้คนที่มาพักสูดออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด เป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริงครับ”

เขามีความรู้สึกว่า รักต้นไม้แถบนั้นทุกต้น ไม่อยากให้ใครไปยุ่งเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าในแง่การทำธุรกิจนั้นไม่ใช่ จะต้องมีการแผ้วถางและจัดระเบียบสวนเสียใหม่ เพื่อความสวยงามและปลอดภัย

“ตามใจคุณเมฆครับ คุณเมฆว่ายังไงอาก็ว่าอย่างนั้น เราเข้าไปดูข้างในกันดีกว่านะครับ เผื่ออยากจะตกแต่งอะไรเพิ่มเติม อาจะได้จัดการให้”

“ได้ครับคุณอา” บุรุษสองวัยจึงพากันเดินเข้าไปในตัวรีสอร์ต และระหว่างทางที่เดินพชรดนัยเร่งสอบถามในเรื่องที่ตนเองต้องการรู้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel