บทที่ 3 ปัจจุบัน 1
ปีพุทธศักราช 2556
ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาครํ
เอวเมวอิโต ทินฺนํเปตานํ อุปกปฺปติ
อิจฺฉิตํปตฺถิตํตุมฺหํขิปฺปเมวสมิชฺฌตุ
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา จนฺโท ปณฺณรโสยถามณิโชติรโสยถา
(เป็นบทสวดเพื่อให้คนที่ทำบุญเริ่มกรวดน้ำ อุทิศผลบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรและผู้ล่วงลับ)
บทสวดท่อนหนึ่งที่พระภิกษุสงฆ์จำนวนเก้ารูปกำลังท่องสวด เพื่อให้ญาติโยมที่มาทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในวันมงคลในวันนี้ได้กรวดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวรหรือเป็นญาติมิตรที่ล่วงลับจากโลกนี้ไปแล้วให้มารับผลบุญผลกุศลที่บุคคลนั้นๆ ได้อุทิศให้
เป็นที่รู้กันว่าหากพระภิกษุขึ้นต้นสวดด้วยคำว่า “ยถา วาริวหา...” คือจุดเริ่มต้นของการให้ญาติโยมกรวดน้ำ เหล่าผู้มาร่วมทำบุญต่างกรวดน้ำอุทิศผลบุญผลกุศลไปให้กับเจ้ากรรมนายเวรและผู้ล่วงลับอยู่บนศาลาการเปรียญ จะมีก็เพียงสตรีนางหนึ่งเท่านั้นที่เดินลงมาจากศาลาการเปรียญในมือถือแก้วน้ำที่บรรจุน้ำเต็มแก้วมาด้วย เพื่อที่จะมานั่งกรวดน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างศาลา
“ทำไมมานั่งกรวดน้ำตรงนี้ล่ะ ไม่ขึ้นไปบนศาลาพร้อมกับคนอื่นรึไง”
แม่ชีที่ถือศีลอยู่ที่วัดแห่งนี้เอ่ยถามหญิงสาวใบหน้าสวย ตอนที่พระภิกษุขึ้นต้นสวดคำว่า “สัพพีติโย...” เป็นคำสวดที่ให้ศีลให้พรกับบุคคลที่มาทำบุญ
“กัณฑ์กรวดน้ำพร้อมเขาไม่ได้ค่ะ”
คำตอบของกัณฑริกาไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับแม่ชีเลย สีหน้าของแม่ชีเรียบเฉยสำรวมเหมือนคนถือศีล ยิ้มบางๆ ดั่งคนมีความเมตตาปรานี แม่ชีจึงเอ่ยถามที่มาที่ไปของคำพูดที่ว่า ‘กรวดน้ำพร้อมเขาไม่ได้’
“หมายความยังไงหรือหนู”
“ตั้งแต่กัณฑ์จำความได้ พอกัณฑ์กรวดน้ำแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติครั้งใด ขันกรวดน้ำของกัณฑ์ก็จะเอียงคว่ำอย่างไม่มีเหตุผลเสมอค่ะ จะว่าลมแรงก็ไม่ใช่เพราะขันที่รองรับกรวดน้ำทำจากทองเหลืองบ้าง เงินบ้างซึ่งมีน้ำหนักค่อนข้างมาก มักจะเป็นอย่างนี้เสมอค่ะ กัณฑ์ก็เลยต้องมากรวดที่ต้นไม้แทนค่ะ” แม่ชีฟังคำตอบของกัณฑริกาอย่างสงบ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วกรวดตรงนี้เป็นยังไงบ้าง” คนที่ถูกถามหน้าหมองลงเล็กน้อย ขยับปากตอบความจริงกับแม่ชี
“กรวดที่นี่ก็ไม่ต่างกับกรวดบนศาลาค่ะ พอกัณฑ์กล่าวอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติครั้งใด ก็จะมีลมมาพัดสายน้ำที่กัณฑ์กำลังจะเทลงไปในดินนั้นทุกครั้ง ทำให้สายน้ำที่กัณฑ์กรวดขาดตอนเสมอค่ะ”
มารดาของเธอเคยบอกไว้ว่า การกรวดน้ำต้องอย่าให้น้ำขาดระยะ ความหมายก็คือเพื่อให้กุศลที่อุทิศไปให้ผู้ล่วงลับไปแล้วได้รับติดต่อกันไปไม่มีติดขัด และความปรารถนาต่อสิ่งใดก็จะได้รับโดยราบรื่นไม่ขาดระยะ เสมือนกระแสน้ำที่ไหลไปสู่มหาสมุทรสาคร ย่อมไหลเป็นสายไม่ขาดระยะ หากเทน้ำให้หยดติ๋ง ๆ ขาดระยะ เปรียบเหมือนบุญกุศลที่จะได้ก็จะขาดระยะ ความปรารถนาก็จะขาดระยะ จึงให้เทน้ำหรือหลั่งน้ำเป็นสายเหมือนสายน้ำที่ไหลไปสู่มหาสมุทร หรือสายน้ำที่ไหลไปสู่แม่น้ำน้อยใหญ่
“เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติคงไม่ต้องการรับผลบุญผลกุศลที่หนูปรารถนาจะอุทิศให้กับเขา จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับหนูเรื่อยมาและมันจะยังคงเป็นตลอดไป หากหนูไม่ได้รับการอโหสิกรรมจากบาปกรรมที่หนูและเขาได้ทำกรรมทำเวรต่อกันไว้”
คำพูดของแม่ชีทำให้หญิงสาวนึกถึง บุรุษที่มักเข้ามาอยู่ในความฝันของเธอเสมอ ตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบัน บุรุษคนนั้นแต่งกายด้วยชุดราชปะแตน ร่างกายสง่างามดูมีราศีของความเป็นผู้มียศศักดิ์ เขามักจะพูดกับเธอเสมอว่า
‘ข้าทำกรรมไว้หนัก เจ้าช่วยให้ข้าได้พ้นจากกรรมนี้ด้วยเถิด ชดใช้หนี้กรรมแทนข้าด้วย’ กัณฑริกาไม่เข้าใจความหมายที่บุรุษผู้นั้นพูดมากนัก ทว่าจิตใต้สำนึกบอกกับเธอว่า เธอเกิดมาเพื่อชดใช้หนี้กรรมบางอย่าง
“แล้วกัณฑ์จะต้องทำอย่างไรคะ ถึงจะให้เจ้ากรรมนายเวรผู้นั้นเอ่ยคำว่าอโหสิกรรมให้ หรือว่ากัณฑ์ยังพยายามทำบุญให้เขาไม่พอ” กัณฑริกาเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้
“กรรมก็ส่วนกรรม บุญก็ส่วนบุญ มันหักล้างกันไม่ได้นะหนู ผลบุญที่หนูทำในชาตินี้เป็นบุญกุศลที่หนูสร้างสมขึ้น เพื่อที่จะนำไปหนุนนำในชาตินี้และชาติภพหน้า ไม่อาจหักล้างกรรมที่หนูได้ทำไว้ทั้งชาตินี้และอดีตชาติได้ คนเราที่เกิดมาทุกคนต้องชดใช้กรรมที่ได้ก่อไว้ในอดีตชาติทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวหนูเอง กรรมจะเดินมาหาหนูเอง หนูแค่ยืนรอรับผลกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น”
คำพูดของแม่ชีทำให้เธอเข้าใจการทำบุญมากขึ้น ในเวลาเดียวกันก็เกิดความไม่เข้าใจกับเรื่องที่ได้ยินเช่นกัน
“กรรมจะเดินมาหาหนูเอง หมายความว่าเจ้ากรรมนายเวรคนนั้นจะมาล้างแค้นกัณฑ์หรือคะ”
“แม่ชีบอกหนูไม่ได้ สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม ขึ้นอยู่กับว่ากรรมนั้นจะแรงดั่งพายุ หรือจะสงบเหมือนน้ำทะเลที่ไร้คลื่นลม เพราะคนเราทำกรรมไว้ต่างกัน บางคนทำกรรมหนัก บางคนทำกรรมเบา ทุกคนที่เกิดมาจึงต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ทุกคน แต่ชาติภพนี้หนูทำบุญไว้มากผลบุญอาจทำให้กรรมที่ติดตามหนูมาเบาบางลง แต่ก็ล้างกรรมนั้นไม่หมด เหมือนแก้วน้ำที่ใส่น้ำไว้เต็มแก้ว น้ำที่อยู่ในแก้วเปรียบเสมือนกรรมของหนู ต่อให้หนูเติมผลบุญลงไปในแก้วยังไง ผลบุญนั้นก็จะไหลย้อนออกมานอกแก้ว กรรมต้องลดลงก่อนผลบุญที่สะสมจึงเข้าไปแทนที่ จำไว้นะหนูสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แม่ชีพูดได้แค่นี้ โชคดีนะหนู”
แม่ชีเดินจากไปทิ้งความสงสัยไว้ให้กับหญิงสาวอย่างมากมาย ‘กรรมจะเดินมาหาเอง’ แล้วกรรมนั้นคือใคร กรรมนั้นเป็นอย่างไร กัณฑริกายังหาคำตอบนั้นไม่ได้จนกว่ากรรมนั้นจะเดินมาหาเธอ