ตอนที่ 4
.
..
...
....
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คินอยู่ข้างในใช่ไหมลูก”
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ร่างสูงที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงก็ค่อย ๆ ขยับเปลือกตา ก่อนจะคลี่ขึ้นอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยอาการงัวเงีย อ้าปากหาวหวอดราวกับอดหลับอดนอนมาทั้งคืน เมื่อเริ่มได้สติชายหนุ่มก็หันไปมองยังประตูห้องด้วยอาการหงุดหงิด นั่นเพราะไม่อยากเจอหน้าบิดาในตอนนี้
“พ่อมีอะไร!” เจ้าตัวตะโกนถามทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเตียง
“มาเปิดประตูก่อนสิไอ้ลูกคนนี้” คนที่ยืนอยู่นอกห้องเอ่ยด้วยความร้อนใจ คิดว่าลูกชายคงจะโกรธมากที่กลับมาเห็นเรื่องเมื่อคืนด้วยตัวเอง เขาจึงอยากจะมาอธิบายให้เข้าใจ
ภาคินลุกขึ้นจากเตียงอย่างอิดออดเดินไปเปิดประตู เจ้าตัวยืนกอดอกขวางทางเข้าห้อง เผชิญหน้ากับบิดาด้วยสีหน้าเมินเฉย สื่อให้รู้ว่าเขาไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน
“แกรู้เรื่องที่พ่อกับน้าจันทร์แต่งงานกันแล้วใช่ไหม” โอภาสถามย้ำอีกครั้ง หลังจากเมื่อเช้าน้ำเหนือได้บอกว่าภาคินกลับมาแล้ว น้ำเสียงและสีหน้าของพ่อเลี้ยงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาควรจะบอกลูกชายไปตรง ๆ แต่ทว่าในช่วงเวลานั้นกลัวว่าลูกชายจะเสียใจ จนไม่มีสมาธิเรียนให้จบ หากจะจัดงานแต่งหลังจากลูกชายกลับมาคงจะไม่ยอมแน่
“ผมตั้งใจจะมาเซอร์ไพรซ์พ่อ แต่ที่ไหนได้พ่อกลับเซอร์ไพรซ์ผมซะงั้น ยินดีด้วยนะครับกับการแต่งงานครั้งใหม่ ก็ยังดีที่แต่งหลังจากแม่ตายแล้ว” ภาคินเอ่ยประชดประชันบิดา
“แกจะประชดฉันให้ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อสุดท้ายแล้วสมบัติทุกอย่าง มันก็ต้องตกเป็นของแกอยู่แล้ว ปล่อยให้ฉันมีความสุขบ้างไม่ได้รึไงกัน” ตอนแรกก็ว่าจะมาอธิบายให้เข้าใจ แต่พอเห็นท่าทางของลูกชายก็อดโมโหไม่ได้
“พ่อจะยกให้เมียใหม่ก็ได้นะผมไม่ว่า เพราะผมเองก็ไม่อยากได้สมบัติของพ่อสักเท่าไหร่หรอก ผมเกลียดที่พ่อให้คำสัญญากับแม่ ว่าจะไม่รักใครอีก ทำไม่ได้แล้วจะสัญญาทำไมกันห๊ะ!” ยิ่งได้ระบายความเดือดดาลยิ่งปะทุขึ้น จนภาคินห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ตะโกนใส่หน้าบิดาเสียงดังอย่างไร้มารยาท
ผั๊วะ!
“มันจะมากไปแล้วนะ แกกล้าตะโกนใส่หน้าฉันอย่างนี้ได้ยังไงกัน” โอภาสซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าลูกชายสุดแรง ก่อนจะชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง อารมณ์ร้อนไม่ต่างกันเลยสักนิด
ในตอนนั้นน้ำจันทร์และน้ำเหนือก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อได้ยินเสียงพ่อกับลูกทะเลาะกันเสียงดัง จนคนทั้งบ้างได้ยินถนัดหู
“เกิดอะไรขึ้นคะพ่อเลี้ยง ว้าย! ถึงขนาดกับต้องลงไม้ลงมือกันเลยหรือนี่” เมื่อเห็นมุมปากของลูกเลี้ยงมีเลือดไหลซิบออกมา เจ้าหล่อนก็อุทานร้องด้วยความตกใจ ส่วนน้ำเหนือได้แต่ยืนก้มหน้า ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่ทำลายเขาเมื่อคืนนี้
“มันสมควรโดนกล้ามาปากเก่งกับพ่อตัวเอง”
“ใช่! ผมปากเก่งกับพ่อ นั่นเพราะใครล่ะ ถ้าพ่อกับน้าจันทร์ไม่แอบเป็นชู้กันก่อนที่แม่จะเสีย ผมคงไม่เดือดขนาดนี้หรอก ไม่นึกเลยว่าน้าจันทร์จะเป็นคนอย่างนี้ ทั้งที่แต่ก่อนแม่รักและเอ็นดูน้ามาก” คนพูดจ้องเขม็งมองหน้าแม่เลี้ยงอย่างไม่พอใจ ความรู้สึกที่เสียไปไม่มีวันจะคืนกลับมาแน่แล้ว
“น้าไม่เคยเป็นชู้กับพ่อเลี้ยงเลยนะคะ เรารักกันก็จริงแต่ไม่เคยมีอะไรเกินเลยน้าสาบานได้” น้ำจันทร์รีบปฏิเสธข้อกล่าวหา เพราะรู้ตัวว่าไม่ได้ทำเรื่องอะไรเสื่อมเสีย
“ผมไม่มีทางเชื่อคำพูดของใครอีกแล้ว อยากเป็นแม่เลี้ยงของไร่จนตัวสั่นล่ะสิท่า คงจะแช่งให้แม่ผมตายมาตลอดเลยสินะ” ภาคินแค่นยิ้มอย่างสมเพชเวทนาแม่เลี้ยงคนใหม่
“ไอ้ภาคิน! ขอโทษน้าจันทร์เดี๋ยวนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อเลี้ยง ฉันไม่ได้ถือสาหาความอะไร”
“แต่ฉันถือตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้ว ทุกคนในไร่ต้องให้ความเคารพนับถือเธอไม่ต่างจากฉัน รวมถึงไอ้ลูกเลวคนนี้ด้วย อุตส่าห์ส่งเสียไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา แต่กลับแยกแยะอะไรไม่ได้ เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน”
“ผมไม่ได้ขอให้พ่อส่งไปเรียนสักหน่อย ถ้าพ่อไม่ส่งผมไปผมคงจะมีเวลาอยู่กับแม่มากกว่านี้ พ่อคงวางแผนไว้ตั้งนานแล้วสินะ ดีไม่ดีที่แม่ตายพ่อกับน้าจันทร์อาจเป็นคนอยู่เบื้องหลังก็ได้” แม้จะโดนกดดันจากบิดาแต่ทว่าภาคินกลับไม่ยอมลดราวาศอก ยืนเผชิญหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
ผั๊วะ!
“พอแล้วค่ะพ่อเลี้ยง ฉันว่าเราออกไปก่อนเถอะ ใจเย็นแล้วค่อยมาคุยกันอีกครั้ง” ภาคินดึงแขนสามีไว้ ดึงตัวให้ออกห่างจากลูกชาย ด้วยกลัวว่าจะบันดาลโทสะทำร้ายภาคินอีกครั้ง