บทที่ 4 สถานะ ‘คู่นอน’ (1)
บทที่ 4
สถานะ ‘คู่นอน’ (1)
‘ฝันดีจนไม่อยากตื่นเลย’ มันคือความคิดแรกและความคิดเดียวหลังตื่นจากการหลับใหล หากแต่เปลือกตายังปิดแน่นแม้ว่าหัวสมองและการรับรู้จะเริ่มปรับประมวลได้แล้วก็ตาม
ความเมื่อยขบตามร่างกายทำให้ม่านไหมไม่อยากขยับ เธอนึกเสียดายด้วยซ้ำที่ตัวเองตื่นก่อนนาฬิกาปลุกไม่อย่างนั้นคงได้เก็บเกี่ยวภาพฝันหวาน ๆ ให้นานกว่านี้
หญิงสาวพลิกตัวนอนคว่ำกลับมาอยู่ในท่าเดิมอีกครั้ง มือสองข้างก็ควานหาหมอนข้างอุ่น ๆ ที่กอดเกยมาตลอดทั้งคืน ตั้งใจจะกล่อมตัวเองให้หลับต่ออีกสักนิด จะได้มีเวลาทบทวนภาพความฝันเมื่อคืนว่ามันลึกซึ้งและสมจริงเพียงใด
แกร๊ก!
เสียงบางอย่างดังขึ้นพลันทำให้คนเพิ่งตื่นแต่ยังหลับตาขมวดคิ้วมุ่น พยายามขบคิดว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นมาจากห้องข้าง ๆ หรือเปล่า เพราะห้องเช่าของเธอผนังบางชนิดที่ว่าได้ยินไปถึงไหนต่อไหน แต่เสียงนี้กลับฟังชัดจนเหมือนว่ามันอยู่ใกล้ ๆ ที่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
ร่างเล็กขยุกขยิกตัวไปมา นึกหงุดหงิดกับเสียงรบกวนที่ทำให้ความตั้งใจในการหลับต่อสูญหาย หากแต่เสียงเข้มคุ้นหูที่ดังขึ้นต่อจากนั้นกลับทำให้ดวงตาหวานเบิกโพลงและหันขวับใบหน้าไปมองยังต้นเสียงทันที
“ถ้าไหมตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาคุยกัน”
ราวกับถูกมนตร์บางอย่างจนนิ่งงัน เว้นเพียงสมองและหัวใจเท่านั้นที่กระสับกระส่ายลนลาน เธอไม่คิดว่าคนที่อยู่ในภาพฝันภาพมโนอย่างปริญจะยืนอยู่ตรงหน้า!
ปริญเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยอกกำยำแข็งแรงเป็นก้อนลอน เบื้องล่างสวมกางเกงสแล็กสีดำตัวเมื่อคืน ทั้งหมดทั้งมวลที่ปรากฏแก่สายตากลับย้ำชัดว่ามันเป็นภาพเดียวกันกับที่กำลังพร่ำเพ้อ
ม่านไหมถึงกับพูดไม่ออก แต่สิ่งที่อยู่ด้านในกลับระส่ำกระวนกระวาย ภาพในค่ำคืนที่คิดว่าฝันกลับทยอยไหลหลั่งจนเริ่มมั่นใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ไหมไม่อยากเป็นแค่คนแอบชอบแล้ว”
“ก็แค่ฝัน ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ขอแค่คืนนี้ก็พอ ฝันดีของไหม”
ก้อนน้ำลายกลืนกลับลงอย่างยากลำบาก เธอเม้มปากแน่นพลางหลุบสายตาลงเมื่อรู้ซึ้งถึงสิ่งที่ทำไป
ความปวดเมื่อยตามร่างกายยังปรากฏชัดเจน เธอร้องอ๋อแล้วว่าทำไมตื่นมาถึงได้อ่อนล้าอยากนอนต่อนัก
เพราะเมื่อคืนเธอและปริญมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันนั่นเอง...
“มันไม่ใช่ฝันนะไหม เรื่องเมื่อคืนมันไม่ใช่ฝัน” ปริญเอ่ยอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว
เขาต้องการย้ำชัดถึงเรื่องราวเมื่อคืนว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความฝัน และในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเขาก็ควรหาทางออกเพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์อันดีของเขาและเธอต้องเปลี่ยนไป
ปริญมองม่านไหมเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เริ่มแรกเขารู้จักเธอในฐานะน้องข้างบ้านที่หลังเลิกเรียนจะมาเล่นด้วยกันบ่อย ๆ ตอนเรียนประถมและมัธยมก็เดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกเช้า พอตอนนี้เธอก็เข้ามาเป็นพนักงานร่วมบริษัทที่เดียวกับเขาอีก ทว่าเพียงข้ามคืนเขากลับล้ำสัมพันธ์เกินกว่าคำว่าพี่-น้องไปอย่างน่าใจหาย
ไม่รู้เลยว่าอะไรจูงใจให้เขาตัดสินใจทำแบบนั้น นึกผิดหวังกับตัวเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ ถึงม่านไหมจะเมาแต่ตัวเขาสติเต็มร้อยดีทุกอย่าง
เพียงถูกจูบก็กลายเป็นว่าเขาโอนอ่อนเผลอไผล จนกลายเป็นไฟประกายที่ทำให้เขาตอบสนองและเริ่มต้นทำตามความต้องการ ณ ช่วงขณะนั้น
“พี่ขอโทษ พี่ผิดเองที่ล่วงเกินไหม” ปริญถอนหายใจพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้า
ไม่โทษใครเลยนอกจากตัวเองที่ทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ เขาสติครบถ้วน ส่วนเธอมึนเมาไม่รู้เรื่อง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเขาเองที่สมควรถูกด่าประณามมากที่สุด
อย่าว่าแต่คำขอโทษหรือการรับผิดชอบเลย เขาไม่ควรปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ!
“ไม่...ไหมผิดเองค่ะ ไหมเอง...” กว่าจะเรียบเรียงคำพูดได้ก็หลายนาที
เธอพูดอะไรไม่ออกแต่สมองฉุกคิดได้ทุกอย่าง แถมภาพความจำที่ไหลหลั่งก็ย้ำชัดด้วยว่าเธอเป็นคนเริ่มต้นทุกอย่าง
เธอสารภาพบอกความรู้สึกกับปริญ จากนั้นก็เป็นฝ่ายจูบเขาก่อนจนเหตุการณ์ก้าวล้ำมาไกลแบบนี้
เป็นเธอเอง...
“เมื่อคืนไหมเมา แต่พี่ไม่ได้เมา”
“ใช่ค่ะ ไหมเมา...แต่สิ่งที่ไหมทำมันคือความต้องการลึก ๆ ของไหม” ดวงตาหวานเชยขึ้นมองคนตัวสูงเบื้องหน้า มันไม่ได้มีความเสียใจหรือความรู้สึกใด ๆ นอกเหนือจากความหนักแน่น
คล้ายกับการเน้นย้ำว่าคำสารภาพและการกระทำของตัวเองล้วนออกมาจากหัวใจจริง ๆ
ปริญที่ได้ยินแบบนั้นก็แน่นิ่งไปทันที ไม่คิดว่าเธอจะอาจหาญพูดแบบนี้ เขารับรู้ความรู้สึกของเธอแล้ว แถมเมื่อคืนเธอก็พร่ำพูดบอกเขาอยู่หลายรอบ แต่มันก็เกิดจากฤทธิ์เมาที่ขับกล่อมปลุกความกล้า แต่ใครเล่าจะคิดว่ายามตื่นลืมตาไร้ความมึนพร่าเธอจะแน่วแน่บอกซ้ำกับเขาอีกหน
“พี่ปริญไม่ต้องขอโทษไหมหรอกค่ะ อย่างที่พี่ปริญรู้แล้วว่าไหมชอบพี่ ชอบมากกว่าพี่ชาย พอไหมเมาไหมก็เลยบอกสารภาพออกไป ความจริงไหมตั้งใจจะเก็บมันไว้ไม่มีทางบอกกับพี่เด็ดขาด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้”
“ไหมไม่ได้คบใครอยู่ใช่ไหม” ปริญถามเมื่อนึกถึงหัวข้อสำคัญขึ้นได้ “ไม่อย่างนั้นพี่คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ถ้าพี่เข้าไปเป็นมือที่สาม...”
“ไหมโสดค่ะ ไม่ได้คบกับใครอยู่ แล้วพี่ปริญล่ะคะ” เธอเห็นถึงความกังวลของเขา แต่ก็ให้คำตอบชัดเจนไปว่าตอนนี้เธอไม่ได้มีพันธะหรือความสัมพันธ์กับใคร จากนั้นถึงได้ทำใจกล้าถามกลับ และสาเหตุหลัก ๆ ก็ถามถึงเรื่องเขาและพี่ในแผนกอย่างแบมด้วยว่าถึงขั้นไหน
“พี่ไม่ได้มีใคร ไม่มีโรคด้วย แล้วเมื่อคืนพี่ก็ใส่ถุงยางทุกครั้ง”
