บทที่ 3 ฤทธิ์น้ำเมา (4)
บทที่ 3
ฤทธิ์น้ำเมา (4)
“คนใจร้าย” เสียงเล็กเอ่ยออกมาเบา ๆ ขณะที่สายตาก็มองไปตามแผ่นหลังกว้างของปริญด้วยความเจ็บปวด
ภาพที่ปริญและรุ่นพี่ในแผนกนั่งคุยใกล้ชิดสนิทสนมยังตราตรึงอยู่ในสมอง เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของสองคนประทับฝังลึกจนบ่อน้ำตาเอ่อคลอออกมา
“อ๊ะ...ผัวพี่โทรตามแล้ว ขอรับสายแป๊บหนึ่งนะ” แรงสั่นครืดในกระเป๋าทำให้ยุ้ยรีบเดินออกไปคุยสายหน้าห้อง
ม่านไหมผุดตัวลุกขึ้นจากเตียง ตอนนี้หัวสมองเริ่มรับรู้อะไรได้บ้างแล้ว แต่ความซวนเซมึนเบลอยังคงปรากฏอยู่ หากความรู้สึกส่วนลึกทำให้เธอไม่สามารถนอนเฉยได้ เธอเป็นภาระที่ทำให้คนอื่น ๆ ลำบาก ยอมฝืนเรี่ยวแรงสักหน่อยแล้วค่อยทิ้งตัวทิ้งร่างจมกับเตียงทีเดียว
“ลุกขึ้นมาทำไมไหม นอนเถอะ เวียนหัวอยู่ไม่ใช่เหรอ” ปริญบอกเสียงดุ เขาเดินเข้าไปจับไหล่มนของหญิงสาวน้อย ๆ พลางออกแรงดันให้เธอนอนลง แต่ทว่าม่านไหมกลับคว้าหมับที่แขนแกร่งของเขาเอาไว้และตวัดสายตาขึ้นมองที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
“ไหมมีโอกาสสักนิดไหมคะ พี่ปริญ” เสียงสั่นเครือเอ่ยออกมา มันเป็นคำถามที่เธออยากรู้มากที่สุดว่าเธอพอจะมีโอกาสสักเศษเสี้ยวสำหรับเขาหรือเปล่า
โอกาสในการเป็นคนรักของเขา...
“ไหมพูดถึงอะไร”
“ไหมชอบพี่ ไหมชอบพี่ปริญ” ม่านไหมบอกความรู้สึกของตัวเองให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไม่ปล่อยให้เวลาเพียรผ่านไปอย่างน่าเสียดาย
“!!!” ปริญเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พยายามคิดว่าเธอกำลังเมาจนพูดพร่ำไปเรื่อย หากแต่แววตาฉ่ำปรือของเธอมันกลับสะท้อนชัดถึงความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวที่เขามองว่าเธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
หากเป็นม่านไหมในตอนปกติเธอไม่มีทางปริปากบอกเขาแน่ แต่ยามถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำกลับทำให้เธอกล้าหาญเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองให้เขารับรู้
เธอแอบชอบปริญมาตั้งแต่มัธยมสี่ ตอนนั้นเธออายุสิบหก จวบจนตอนนี้เธอย่างก้าวเข้าสู่ยี่สิบหกแล้วก็นับว่าเป็นเวลาสิบปีเต็มที่เธอมีเขาอยู่ในใจเสมอมา
ตั้งมั่นตั้งใจกับตัวเองไว้แล้วว่าเธอจะไม่มีวันบอกให้ปริญรับรู้เด็ดขาด เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเธอและเขาต้องตัดขาดกัน และก็ยังมั่นใจอีกว่าปริญไม่มีทางมองเธอไปมากกว่านี้
มากกว่าน้องสาวและคนข้างบ้านที่เห็นหน้าค่าตามาตั้งแต่เด็ก...
“ปริญ พี่ต้องรีบกลับแล้ว ผัวพี่โทรมาบอกว่าลูกไม่สบายตัวร้อนจี๋เลย พี่กลับก่อนนะ!” ยุ้ยเดินกลับเข้ามาในห้องด้วยท่าทางกระวนกระวายหลังจากวางสายจากสามี ตอนแรกเธอคิดว่าถูกโทรตามแต่กลายเป็นว่าลูกชายตัวน้อยไข้ขึ้นน่าเป็นห่วง เธอต้องรีบกลับไปดูลูกเดี๋ยวนี้ ดีไม่ดีอาจต้องพาส่งโรงพยาบาลเพราะอาการหนักเอาเรื่อง
“พี่ยุ้ยรีบกลับเถอะครับ ขอให้น้องไม่เป็นอะไรมากนะครับ”
“พี่กลับก่อนนะไหม” หัวหน้าบัญชีทิ้งท้ายก่อนจะรีบเดินออกไป ครั้นถึงตัวรถก็รีบขับเคลื่อนมันไปยังจุดหมาย โดยมีปริญยืนมองจวบจนสุดสายตา
เขาหันตัวหวังจะเดินกลับเข้าไปคุยกับหญิงสาวให้รู้แล้วรู้รอด อยากถามให้แน่ชัดว่าสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่นั้นเป็นจริงหรือเปล่า หากแต่สายเรียกเข้ากลับแทรกขัดจังหวะขึ้นมา มือหนากดรับก่อนจะกรอกเสียงเรียบนิ่งติดรำคาญออกไป
“ครับ”
“พี่ปริญ แบมถึงบ้านแล้วนะคะ แล้วพี่ปริญส่งน้องไหมเสร็จหรือยัง” แบมโทรหาอดีตคนรักเป็นอันดับแรกเมื่อถึงที่พัก วันนี้เธอพลาดโอกาสที่จะให้เขาไปส่ง แต่การได้โทรคุยกับเขาก่อนนอนก็ถือว่าเป็นเรื่องดีในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่เคยจบลง
“เรียบร้อยครับ” ปริญโกหกบอกปัดเพราะไม่อยากตอบอะไรมากนัก
ในความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดจะหวนคืนสานสัมพันธ์ต่อ ความรักที่จบลงไปแล้วเขามองว่ามันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
ที่เขาพูดคุยสนิทสนมกับเธอในร้านสังสรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร มันเป็นการพูดคุยเรื่องธรรมดา อาจคุยถูกคอลืมตัวไปบ้าง แต่ความรู้สึกของเขามันไม่ได้ล้ำเกินเส้นที่เพียรขีดกั้นว่าแฟนเก่าเลย
