บทที่ 3 ฤทธิ์น้ำเมา (3)
บทที่ 3
ฤทธิ์น้ำเมา (3)
“เฮ้อ...โล่งไปที พี่ปริญยังเป็นของปิ๋มอยู่เหมือนเดิม งั้นไปกันค่ะ ไปส่งน้องกันเถอะ น้องคงอยากนอนแล้ว”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องพร้อมปริญเองก็ได้ คนอื่นกลับกันเถอะ” ยุ้ยเสนอเนื่องจากไม่อยากให้คนทั้งหมดรวมตัวพร้อมเพรียงไปที่ห้องพักซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของรุ่นน้องสาว
“ก็ดีนะ พวกมึงกลับไปก่อนเลย เราสามคนด้วย เดี๋ยวพี่กับพี่ยุ้ยไปส่งไหมเอง” ปริญเห็นด้วย เขาบอกกับเพื่อนร่วมแผนกสองคนก่อนจะหันไปยังสามสาวที่ยังมองด้วยความเป็นห่วง
“เอางั้นก็ได้...ฝากด้วยนะพี่ยุ้ย ฝากด้วยนะคะคุณสามี” ปิ๋มสรุปเสร็จสรรพและเป็นอันว่าทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน ทว่าผิดกันกับแบมที่ท้วงขึ้นทั้งยังส่งสายตาเว้าวอนไปยังปริญที่ทำเอาเหล่าสมาชิกถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“แล้วแบมล่ะคะ พี่ปริญบอกว่าจะไปส่งแบมไม่ใช่เหรอ”
“ขอโทษทีครับ พี่คงไปส่งไม่ได้แล้ว แบมก็เห็นแล้วนี่ว่าไหมเมามากขนาดไหน” ปริญกล่าวอย่างสุภาพ แต่คำพูดก็เด็ดขาดแน่วแน่ว่าเขาตัดสินใจที่จะไปส่งม่านไหมไม่ใช่เธอ
“งั้นแบมขอไปส่งน้องไหมด้วยได้ไหมคะ พอส่งเสร็จพี่ปริญก็...”
“พี่ว่ามันดึกไปน่ะสิ กว่าจะไปกว่าจะมา เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ให้ไอ้พีทมันไปส่งเราแทนดีกว่า กูฝากมึงไปส่งแบมแทนได้ไหมวะ” ปริญหันไปมองเพื่อนสนิทซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับทันที เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่คนอย่างพีรวัสจะรับช่วงต่อช่วยเหลือเพื่อน
“ได้ ๆ เดี๋ยวกูไปส่งแบมให้ มึงรีบพาน้องไหมกลับบ้านเหอะ เมื่อกี้กูได้ยินเสียงโทรศัพท์น้องด้วย ไม่รู้ว่าแม่น้องเขาโทรมาหรือเปล่า” เสียงโทรศัพท์ของม่านไหมสั่นครืดคราดอยู่หลายนาที แต่ก็ไม่กล้าถือวิสาสะรับสายให้ หากให้เดาเล่น ๆ ก็คิดว่าน่าจะเป็นคนที่บ้านของเธอ
“น่าจะแม่น้องแหละ แม่ของไหมค่อนข้างหวงลูกสาว งั้นกูไปก่อน กลับกันดี ๆ ล่ะ ไปครับพี่ยุ้ย”
ขายาวก้าวตรงไปยังรถยนต์เอสยูวีของตัวเองอย่างไม่รีรอ เช่นเดียวกับยุ้ยที่วิ่งอ้อมไปยังประจำฝั่งคนขับก่อนจะเคลื่อนตัวรถตามปริญไปตามหนทาง โดยมีสายตาคู่หนึ่งที่แสดงออกถึงความไม่พอใจส่งผ่านมากระทั่งรถยนต์สองคันห่างหายไปในที่สุด
ปริญอุ้มหญิงสาวขึ้นมาบนห้องพักชั้นสองตามหมายเลขที่ติดบอกไว้กับพวงกุญแจห้อง เขาขอให้ยุ้ยช่วยเปิดประตูจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในก่อนจะวางร่างน้อยลงบนเตียง
ยุ้ยเป็นคนเปิดไฟและเปิดเครื่องปรับอากาศหวังให้คนเมาหลับสบาย ปริญหยัดตัวขึ้นและถอยหลังเว้นระยะออกมาเล็กน้อยเพื่อให้คนรุ่นพี่ช่วยจัดระเบียบท่านอนและคลุมผ้าห่มให้กับม่านไหม
ดวงตาคมทอดมองไปยังคนเมาไม่ได้สติ เธอหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องราว หากแต่เขากลับคาดโทษระอาอยู่ในใจทั้งเรื่องการดื่มไม่รู้ลิมิตและรวมถึงเลขห้องที่เธอห้อยติดไว้กับพวงกุญแจ
ตอนแรกตั้งใจว่าจะปลุกเธอเพื่อถามเลขห้องกับขออนุญาตหยิบกุญแจในกระเป๋า แต่คนเมาหนักส่งเสียงพึมพำในลำคอไม่ได้ศัพท์จนเขาต้องถือวิสาสะเปิดค้นหาถึงได้พบกับความไม่รอบคอบของเธอเข้า
มีอย่างที่ไหนที่จะใช้พวงกุญแจสลักเป็นเลขห้องพักของตัวเอง ไม่รู้ว่าเธอกลัวลืมหรือว่ามันติดมาตั้งแต่ผู้ดูแลหอมอบให้กันแน่
“อื้อ พี่ยุ้ย...” เสียงของม่านไหมดังขึ้นเบา ๆ พลันทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง
“พี่มาส่งไหมถึงห้องแล้วนะ ไงเรา หนักเลยสิ” หัวหน้าบัญชีหัวเราะออกมา จำภาพแรกตอนไปร้านได้ดีจนอดที่จะเปรียบเทียบกับสภาพตอนกลับไม่ได้
“อือ...ไหมเวียนหัว” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา เธอพยายามลืมตาและปรับโฟกัสมอง แต่มันก็ไม่เป็นผลมากนัก
“ก็แหงแหละ กินไปซะขนาดนั้น เอาเถอะ....ไหมนอนเถอะ เมาก็นอน พี่กับปริญจะได้กลับไปนอนบ้างเหมือนกัน”
“พี่ปริญ...” ครั้นได้ยินชื่อของคนในใจก็ทำให้สติกู่กลับมาเล็กน้อย
ดวงตาหวานปรือขึ้นกวาดมองก่อนจะหยุดอยู่คนตัวสูงข้างเตียง ที่ตอนนี้กำลังกอดอกมองเธอด้วยความเรียบนิ่งหากแต่คนเมาอย่างเธอย่อมรู้สึกถึงรังสีความดุดันที่สะท้อนออกมา
ม่านไหมมองตาม เธอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกไปส่งหรือเอ่ยคำขอบคุณ ความรู้สึกเดียวตอนนี้มีเพียงความเสียใจที่เกิดขึ้นกับปริญเท่านั้น
เพราะเขาคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องซดเบียร์แทนน้ำเปล่าจนเมามายแบบนี้!
“คนใจร้าย” เสียงเล็กเอ่ยออกมาเบา ๆ ขณะที่สายตาก็มองไปตามแผ่นหลังกว้างของปริญด้วยความเจ็บปวด
ภาพที่ปริญและรุ่นพี่ในแผนกนั่งคุยใกล้ชิดสนิทสนมยังตราตรึงอยู่ในสมอง เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของสองคนประทับฝังลึกจนบ่อน้ำตาเอ่อคลอออกมา
