16ลองคบกันดูไหม
ใบบัว....
ฉันเดินตากแดดมาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงโรงพยาบาลเดินมาก็ปาดน้ำตาตัวเองมาตลอดทางแม้จะมีคนมองแต่ฉันก็ไม่สนใจเพราะตอนนี้ฉันน้อยใจเสียใจกับคำพูดของคุณฟิว ฉันมันก็แค่คนรับใช้เขาจะมาให้ค่าให้ราคาทำไมกันฉันจะเป็นจะตายก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ฉันยื่นบัตรประชาชนเสร็จก็เดินมานั่งรอหน้าห้องตรวจที่พี่พยาบาลบอก สักพักมือถือของฉันก็ดังขึ้นปรากฏว่าเป็นคุณเฟื่องโทรเข้ามาฉันจะไม่รับก็คงไม่ได้ฉันจึงจำใจรับโทรศัพท์ท่านที่ฉันไม่อยากรับก็เพราะกลัวว่าท่านจะถามหาคุณฟิวถ้าคุณเฟื่องรู้ว่าฉันเดินมาเองฉันกลัวว่าคุณฟิวจะโดนคุณเฟื่องดุอีก
"ค่ะคุณเฟื่อง"
"บัวเป็นยังไงบ้าง"
"ตอนนี้บัวกำลังนั่งรอตรวจอยู่ที่หน้าห้องค่ะ"
"อ๋อเหรอแล้วตาฟิวล่ะนั่งอยู่ข้างๆ ใช่ไหม"
"เอ่อออ..คือคุณฟิวเดินไปเข้าห้องน้ำค่ะ"
"แน่ใจนะ"
"คะ?? "
"เมื่อกี๊อาโทรหาตาฟิวตาฟิวบอกว่ากำลังขับรถยังไม่ถึงโรงพยาบาลอาก็เลยงงว่าทำไมบัวถึงบอกว่านั่งรอตรวจอยู่หน้าห้องบอกอามาตามตรงว่าตอนนี้ตาฟิวอยู่ไหน"
"คือ..คุณฟิว"
ฟึ่บ!!!
"ผมอยู่นี่แล่ะครับแม่แม่มีอะไร" ฉันไม่รู้ว่าคุณเฟื่องคุยอะไรกับคุณฟิวฉันรู้แต่เพียงว่าตอนนี้สายตาของคุณฟิวมองมาที่ฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อมองแบบว่าถ้าฆ่าฉันได้ก็จะฆ่า"
"โอเคแค่นี้นะครับแม่ อ้อวันนี้ผมอาจจะพาคนใช้คนโปรดของคุณแม่กลับค่ำหน่อยนะครับเพราะผมต้องไปธุระต่อที่อื่นก่อน หรือคุณแม่จะให้ยัยนี่นั่งรถกลับเองก็ได้นะครับ"
"ครับ ครับ" คุณฟิวกดวางสายก่อนจะโยนมือถือลงมาที่ตักของฉันหลังจากนั้นเขาก็เดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้แถวด้านหลังของฉันทั้งที่ที่ตรงข้างๆ ของฉันมันว่างอยู่ เขาคงจะรังเกียจฉันแล่ะฉันดูออก
"เธอนี่มันตัวปัญหาจริงๆ เหอะ" แม้ว่าเขาจะไม่พูดต่อหน้าแต่ฉันก็รู้ว่าเขาพูดว่าฉันฉันทำได้แค่นั่งเงียบรอเวลาเข้าไปตรวจ
ฉันใช้เวลาเกือบสิบนาทีในห้องตรวจ คุณหมอได้ทายาให้ฉันเพราะรอยน้ำร้อนลวกมันลามไปทั้งแขนและขาของฉัน ฉันเดินออกมาอย่างทุลักทุเลเพราะตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกตึงๆ ที่แขนและขา
"เดินให้มันไวๆ ไม่ได้หรือไงวะ"
"บัวเจ็บแผลนี่คะ"
"นั่งรถเข็นเลยดีมั้ยล่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะถ้าคุณฟิวรีบบัว..."
"บัวก็จะนั่งรถกลับบ้านเอง เหอะจะพูดแบบนี้อีกสินะ แล้วพอไปถึงบ้านแม่ฉันเห็นเธอกลับเองฉันก็ต้องโดนแม่ด่าอีก สรุปฉันกับเธอใครกันแน่คือคนใช้ แม่งทำไมฉันต้องมาคอยรับคอยส่งคนใช้อย่างเธอด้วยไม่เข้าใจ"
ฉันพยายามเดินตามคุณฟิวให้ทันเพราะเขาเดินไวมากเดินแบบไม่รอฉันเลยพอมาถึงรถพอขึ้นรถปุ๊บเขาก็เหยียบคันเร่งขับออกไปทันทีอย่างรวดเร็วจนฉันหน้าคะมำเพราะยังคาดเบลล์ไม่เสร็จหน้าผากของฉันก็เลยไปโดนคอนโซลหน้ารถดังตุบ จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเขา
"หึ หึ"
"คนใจร้าย" ฉันบ่นพึมพำในลำคอแต่ดูเหมือนเขาจะได้ยิน
"ว่าใคร"
"เปล่าค่ะ"
"เป็นแค่คนใช้หัดเจียมตัวซะบ้างอย่าคิดว่าแม่ฉันใจดีด้วยแล้วเธอจะใจดีกับเธอเพราะฉันไม่ได้ใจดีเหมือนแม่"
"ค่ะบัวรู้ดีค่ะว่าคุณฟิวต่างจากคุณเฟื่องเพราะคุณฟิวไม่ได้..." ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรออกไปแต่ดีที่ยังเบรคตัวเองไว้ได้ทัน
"ไม่ได้อะไร"
"เอ่อ...ก็..ไม่ได้ใจดีเหมือนคุณเฟื่องยังไงล่ะคะ"
"จะให้เหมือนได้ไงขนาดไอ้เตอร์มันเป็นลูกแท้ๆ สันดานมันยังเลวมันยังไม่เหมือนพ่อไม่เหมือนแม่มันเลย หึ" คุณฟิวพูดแบบนี้นั่นแสดงว่าคุณฟิวรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณเฟื่องกับคุณท่านใช่หรือเปล่า
"คุณฟิว..พูดเหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่ลูก"
"จะใช่หรือไม่ใช่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคนรับใช้แบบเธอ"
"แต่บางทีบัวอาจจะเกี่ยวมากกว่านั้นก็ได้นะคะ"
"หมายความว่าไง"
"แล้ววันนึงคุณฟิวก็จะรู้ค่ะแต่ตอนนี้บัวคงพูดอะไรมากไม่ได้" ฉันรู้ว่าคุณฟิวสงสัยในคำพูดของฉันแต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจเอาหัวพิงประตูรถแล้วก็หลับตาลงด้วยความง่วงและเพลีย
ฟิว....
ผมไม่เข้าใจแต่ก็สงสัยในคำพูดของใบบัวแต่จะให้ผมถามผมคงไม่ถามผมขับรถมาถึงหน้าห้างก่อนจะขับรถขึ้นไปจอดยังลานจอดรถ พอจอดเสร็จก็หันไปมองคนข้างๆ ที่ยังนอนไม่ยอมตื่นหรือผมจะทิ้งยัยนี่ไว้ที่บนรถดี ในขณะที่ผมกำลังคิดยัยนี่ก็สะลืมสะลือตื่นมาพอดี
"เอ่อ.. ถึงแล้วเหรอคะทำไมคุณฟิวไม่ปลุกบัว"
"ทำไมต้องปลุกมันหน้าที่ฉันรึไงที่จะต้องปลุกเธอ"
"หรือคุณฟิวจะทิ้งบัวให้รออยู่บนรถล่ะคะ"
"รู้ได้ไง"
"เพราะคุณฟิวคงจะอายถ้ามีบัวเดินตามเข้าไปข้างในห้าง"
"รู้ตัวก็ดี"
"ถ้างั้นบัวขอนั่งรอบนรถนะคะ"
"ไม่ได้มันเปลืองแอร์เปลืองน้ำมัน"
"คะ?? "
"เธอไปเดินรอฉันในห้างถ้าฉันทำธุระเสร็จแล้วจะโทรเรียก"
"เอ่อคุณฟิวมีเบอร์ของบัวเหรอคะ"
"ทำไมฉันต้องมีเบอร์ของเธอ"
"บัวก็แค่ถามดูเฉยๆ ถ้าไม่มีบัวก็จะจดให้" ใบบัวหยิบกระดาษโน็ตเล่มเล็กๆ พร้อมกับปากกาออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วก้มหน้าก้มตาจดเบอร์โทรใส่กระดาษแล้วยื่นให้กับผมผมก็ดึงมาแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในห้าง
ผมไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ใบบัวจะเดินไปทางไหนส่วนผมก็ขึ้นบันไดเลื่อนมาถึงชั้นที่ผมนัดกับลูกศรเอาไว้แต่ผมก็ไม่เจอเธอผมก็เลยหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเพื่อโทรหาเธอแต่ยังไม่ทันจะกดโทรออกลูกศรก็วิ่งเข้ามาเกาะแขนผมแล้วก็ยิ้ม
"ดีใจจังที่ฟิวมาเราคิดว่าฟิวจะหลอกให้เรามารอเก้อซะอีก"
"ฉันไม่เคยผิดคำพูดกับใครบอกว่าจะมาก็คือมา"
"อื้มมม ถ้างั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ยนี่ก็บ่ายกว่าแล้วเราหิวมากเลยอ่ะ"
"แล้วทำไมไม่หาอะไรกินก่อน"
"ก็เรากินไม่ลงอ่ะเรากลัวว่าฟิวจะไม่มาแต่พอฟิวมาเราก็หิวทันทีเลย^^" ผมมองหน้าลูกศรที่เอาแต่ยิ้มให้กับผมจนทำให้คนรอบข้างมองมาคือตอนนี้เหมือนเรากำลังงอนง้อกันอยู่กลางห้างผมเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาก็เลยรีบเดินนำลูกศรมายังร้านอาหารที่ผมมักจะมาทานเป็นประจำเวลาที่ผมเดินซื้อของที่นี่
"เธอกินอะไรสั่งเลยมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง"
"ว๊าเลี้ยงแค่มื้อนี้เหรอ นึกว่าจะเลี้ยงตลอดชีวิต"
"...."
"5555เราพูดเล่น อืมมมกินไรดีน๊าาาา" ผมพยายามไม่สนใจคนตรงหน้าแต่เพราะความสดใสและความน่ารักของเธอทำให้ผมอดที่จะมองไม่ได้ มันเลยทำให้ผมเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา ถ้าผมต้องการที่จะตัดใจจากข้าวฟ่างผมคงจะต้องหาใครสักคนมาเป็นแรงดึงดูดแรงจูงใจทำให้ผมเลิกรักและลืมข้าวฟ่างและคนๆ นั้นผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าคือใคร มันจะผิดไหมถ้าผมจะเริ่มสนใจผู้หญิงคนอื่นนอกจากข้าวฟ่าง ผมไม่อยากจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดเพราะผมรู้ว่าระหว่างผมกับข้าวฟ่างมันไม่มีทางเป็นไปได้ต่อให้ไม่มีไอ้เตอร์เธอก็คิดกับผมแค่น้องชายที่แสนดีเท่านั้น
"ลูกศรฉันมีเรื่องจะถามเธอ"
"อื้มมถามอะไรอ่ะถามมาสิ"
"เธอทำเหมือนเธอชอบฉัน ฉันเข้าใจถูกใช่ไหม" พอผมถามคำถามนั้นออกไปคนตรงหน้าถึงกับอึ้งไปสักพักเพราะคงคิดไม่ถึงว่าผมจะถามคำถามนี้ต่อหน้าเธอในวันที่สองที่เราเจอกัน
"เอ่อออ คือว่า...คือ" จากคนพูดไม่หยุดกลายเป็นคนอ้ำอึ้งขึ้นมาซะอย่างนั้นก่อนที่ผมจะเห็นใบหน้าของเธอเริ่มแดงขึ้นเรื่อยพร้อมกับคำตอบที่ผมรู้ดีว่าเธอจะตอบอะไร
"คือ..ใช่เราชอบฟิวชอบตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ"
"หมายความว่าไง"
"ก็เราได้ฟังเรื่องราวของฟิวมาจากยัยฟ่าง ยัยฟ่างบอกว่าฟิวเป็นคนดีคอยช่วยเหลือยัยฟ่างทุกอย่างจนตอนนี้นายก็ทำให้สองคนนั้นได้ปรับความเข้าใจกันทั้งที่นายเองก็..เอ่อก็.."
"ข้าวฟ่างบอกเธอไหมว่าฉันชอบเขา"
"อื้มมมบอกสิเพราะแบบนี้เราถึงอยากทำความรู้จักกับฟิวอยากทำให้ฟิวมีความสุขและที่สำคัญเราอยากเป็นผู้หญิงที่โชคดีแบบยัยฟ่างที่ได้รับความรักที่บริสุทธิ์จากนาย..ฟิว เราไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้นายยังรู้สึกกับยัยฟ่างอยู่หรือเปล่าแต่เราอยากให้นายลองเปิดใจให้เราดูสักครั้งถ้าถึงวันนึงที่มันไม่ใช่เราจะไม่เสียใจเลย"
"แล้วฟ่างรู้ไหมว่าเธอ..คิดอะไรกับฉัน"
"ไม่รู้หรอกเราไม่กล้าบอกเรากลัวยัยฟ่างแซวน่ะ"
"ถ้างั้น...เราลองมาคบกันดูไหมฉันเองก็อยากที่จะลืมฟ่างเหมือนกัน"
"ห๊ะ!!! นะ นี่ นายพูดจริงเหรอฟิว"
"ฉันไม่เคยพูดเล่น"
"กรี๊ดดดดด"
"เธอจะกรี๊ดทำไม"
"ก็เราดีใจนี่นาไม่คิดว่าฟิวจะขอเราคบ ฮือออ เราดีใจมากๆ เลย"
ผมไม่รู้หรอกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องไหมแต่ในเมื่อผมอยากจะลืมข้าวฟ่างมันก็คงจะมีแค่วิธีนี้วิธีเดียว