บทที่ 1 ครอบครัวใหม่ (2)
แต่นานเข้าก็เริ่มติดเป็นนิสัย และพอตัวเองไม่ได้ทำก็รู้ว่าสบายดีจัง ความรู้สึกเหมือนมีคนรับใช้ส่วนตัว แถมพอทำแบบนี้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนก็บ่นอิจฉากันใหญ่ และบอกว่าเธอเหมือนลูกคุณหนูเลย
“ยาหยีเอาแก้วน้ำกับถุงลูกชิ้นไปทิ้งให้ด้วยนะ”
“เดี๋ยวสิลูก ถังขยะก็อยู่ข้างๆ ไม่ใช่เหรอ กินเองก็ทิ้งเองสิ” อเนกที่ปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ครู่ใหญ่เดินกลับมาเห็นพฤติกรรมของลูกสาวก็รีบตำหนิ และมันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เขาเห็นตลอดนับตั้งแต่ยลดาเข้ามาอยู่ในบ้าน แรกๆ พอตำหนิก็รีบเก็บเองแต่นานเข้าไม่สนใจจะฟังเลย
เพราะมีแม่คอยสอนและให้ท้ายจนเป็นนิสัยไปแล้ว
“ไปเถอะลูกไม่ต้องไปฟังพ่อ”
“ป้าแกนี่ตามใจยัยไอวี่จนเสียนิสัยแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่นี้เอง” ยลดาไปหยิบขยะที่อัสมาวางทิ้งไว้บนเก้าอี้ไปทิ้งพร้อมกับของตัวเองอย่างไม่อิดออด
“แต่ตอนอยู่ที่บ้านมันแค่นี้ไหมล่ะ ลุงรู้น่ะว่าป้าเราน่ะใช้งานเราสารพัด ส่วนไอวี่ก็กินกับนอนไม่ได้ทำอะไรเลย” เรื่องนี้เขาคุยกับภรรยาหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่เป็นไรค่ะ หยีทำได้”
“เราเองก็เหมือนกันเขาสั่งทำไรก็ทำ แย้งหน่อยสิลูก แล้วนี่ได้กินอะไรไหมเนี่ย ดูสิแค่นี้มันจะไปอิ่มอะไร เกินไปจริงๆ” เรื่องกินก็เป็นอีกเรื่องที่มยุรีลำเอียงแบบไม่เกรงใจใคร
ซื้อให้กินไหม
ซื้อ แต่ปริมาณต่างกันลิบลับ ถ้ายลดาได้เท่าไหร่อัสมาก็จะได้มากกว่าไม่น้อยกว่าหนึ่งถึงสามเท่า
“หยีอิ่มแล้วค่ะ” เด็กน้อยไม่ได้โกหกเพราะลูกชิ้นที่ป้าซื้อให้ถึงจะน้อยกว่าอัสมาหลายไม้แต่ก็พอดีอิ่ม
“งั้นไปเล่นของเล่นต่อดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หยีไม่อยากเล่นแล้ว” ยลดาก้มหน้าปฏิเสธไม่เต็มเสียงนัก เพราะก่อนเข้ามาป้ากำชับว่าให้เธอเล่นของเล่นได้แค่สามอย่าง มากกว่านั้นไม่ได้เปลืองค่าบัตรแต่ละอย่างมันแพง เด็กสองคนจ่ายไม่ไหวหรอก
“จริงเหรอ เราเพิ่งเล่นไปแค่สามอย่างเองนะ ของเล่นเยอะแยะเลย”
“แต่...”
“ไปเถอะ อยากเล่นอะไรก็เล่น วันนี้ลุงพามาเที่ยวสวนสนุกก็อยากให้หนูสนุกนะลูกรู้ไหม” ท่าทางแบบนี้ไม่ถามก็พอเดาได้ว่าภรรยาเขาต้องพูดอะไรบางอย่างกับเด็กน้อยไว้แน่ มีหรือเด็กจะไม่ชอบของเล่น
และคำตอบรับที่ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มและแววตาที่สดใสก็เป็นคำตอบได้ดี
“ค่ะ”
“ไปกัน”
“คุณพ่อ ยาหยี มาขึ้นเรือปั่นด้วยกันเร็ว” อัสมากวักมือเรียกอย่างรู้สึกสนุก แต่พอทั้งคู่มาถึงมยุรีกลับเอาขนมที่เหลือในถุงยื่นให้ยลดา “ยาหยีนี่ขนม ไปนั่งกินรอตรงนั้นแล้วกันนะ” พยักพเยิดหน้าไปยังเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ยาหยีไม่นั่งด้วยกันเหรอ” แม้จะรู้ว่าตัวเองสามารถใช้ยลดาทำอะไรก็ได้ ตามที่แม่เคยบอก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนอื่น ยังคงเป็นญาติเป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันแล้วมีความสุข
“นั่งสิลูก ลูกนั่งกับแม่นะ เดี๋ยวพ่อนั่งกับยาหยีเอง” อเนกดึงหลานสาวมายืนข้าง ๆ ลูกสาว ก่อนจะโดนภรรยาแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจ “เล่นหมดทุกคนรู้ไหมหมดเท่าไหร่ ยาหยีมันไม่เล่นหรอกใช่ไหม” และตบท้ายด้วยการหันมาถลึงตาถามหลานสาว
“เอ่อ...”
อเนกเห็นการกระทำนั้นแล้วก็อดไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่ว่าเลยแต่นี่ป้าแท้ๆ จนต้องดึงอีกฝ่ายแยกออกมาจากเด็กๆ เพื่อคุยกัน
“เกินไปไหมคุณ เด็กมาเที่ยวสวนสนุกก็อยากเล่นของเล่นกันทั้งนั้น แต่นี่คุณจะให้หลานมานั่งมองพวกเราเล่นอย่างนั้นเหรอ ใจร้ายเกินไปไหม ค่าบัตรมันจะซักเท่าไหร่กันเชียว เงินที่คุณเอามาเที่ยววันนี้เผลอๆ เป็นเงินของน้องชายคุณด้วยซ้ำ” อเนกยิ้มเยาะมองภรรยาด้วยสายตาดูถูกอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“คุณนี่มัน...” มยุรีชี้หน้าอยากด่าอยากแย้งที่สามีพูดก็ทำไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องจริงทั้งหมด เงินกินเงินใช้ทุกวันนี้ก็เงินก้อนนั้น เรื่องอะไรจะเอาเงินตัวเองมาใช้ เงินนี่หมดเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที
“เอาเป็นว่ายาหยีอยากเล่นอะไรก็ให้แกเล่น ถ้าคุณไม่อยากจ่ายผมเอาเงินของผมจ่ายเองก็ได้”
“นี่คุณรักยัยยาหยีมากเลยนะคะ มากกว่าลูกตัวเองด้วยซ้ำล่ะมั้ง”
“ผมรักทั้งคู่ ไม่ได้ลำเอียงเหมือนคุณด้วย” พูดจบก็เดินผละออกไปหาเด็กๆ ทั้งสองที่ยืนแบ่งขนมกันกิน ซึ่งสำหรับอเนกแล้วดูเป็นภาพที่อบอุ่น แต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน ก็ในเมื่อภรรยาเขาสอนลูกแต่ละอย่างดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย