ตอนที่ 17 เพื่อนใหม่ค่ะ
เกือบสองทุ่มแล้วกวีวัธน์นั่งรอเจ้าของบ้านอย่างกระวนกระวาย เขาเลิกงานแล้วรีบตรงกลับบ้าน แต่ไม่คิดว่าเธอจะยังไม่กลับ ชายหนุ่มสั่งอาหารเย็นมารอจัดโต๊ะทิ้งไว้จนเย็นชืด
ตั้งแต่มาอยู่กับพราวรวีเกือบเดือนเธอไม่เคยออกไหนนานขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขากลับมาที่บ้านแล้วไม่เจอเธอ
ในใจเป็นห่วงสารพัดกลัวว่าเธอจะเจออุบัติเหตุ ถึงแม้จะคุยกันไว้แล้วว่าห้ามก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่ายแต่เขาก็คงไม่อาจอยู่เฉยได้
“พราวคุณอยู่ไหน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่กลับบ้าน” เขาถามออกไปทันทีเมื่อเธอกดรับ
“อยู่ร้านค่ะ”
“ร้านอะไรที่ไหน”
“ก็ร้านเครื่องเขียนที่เคยบอก พอดีว่าเด็กที่ทำงานไม่สบายก็เลยมาทำแทนค่ะ กำลังจะกลับแล้วคุณถึงบ้านานหรือยังคะ”
“ถึงนานแล้ว รอคุณกินข้าวหิวมากด้วย” เขาทำเสียงอ้อนจนเธออดยิ้มไม่ได้
การมีใครห่วงใยและโทรตามเวลากลับถึงบ้านช้ามันมีความสุขแบบนี้นี่เอง แต่เธอจะคิดอะไรกับเขามากกว่านี้ไม่ได้เพราะรู้ดีว่าระหว่างเธอกับเขามันเป็นไปไม่ได้เลย กวีวัธน์ก็แค่อยากได้คู่นอนที่ถูกใจเท่านั้น
เขาไม่เคยคิดอะไรกับเธอ แม้จะแกล้งถามแกล้งหยอดไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแต่เขาก็เลี่ยงมาตลอด แม้จะถามตรงๆ ว่าคิดอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า เขาก็ไม่เคยตอบ ทำให้พราวรวีมั่นใจว่าสถานะของตัวเองไม่มีทางเปลี่ยนไปได้อย่างแน่นอน
ในเมื่ออีกคนไม่มีใจต่อให้เธอทอดสะพานให้มากแค่ไหนเขาก็ไม่ก้าวข้ามมาอยู่ดี
คิดแล้วก็กลับนึกโกรธตัวเองอีกครั้งที่ทำตัวเป็นคนไร้ค่า ทำตัวให้เขาดูถูก มันผิดตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปนั่งดื่มคนเดียววันนั้น แล้วจะมาเรียกร้องอะไรจากเขาก็คงดูน่าสมเพช
พราวรวีต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรกับเขามากไปกว่านี้ จากนี้คงต้องทำตัวให้มีคุณค่ามากขึ้น รักตัวเองให้มากขึ้น
กลับมาถึงบ้านยังไม่ทันลงไปเปิดประตูรั้ว กวีวัธน์ก็วิ่งมาเปิดให้ก่อน ใจที่แห้งเหี่ยวเมื่อครู่ก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยอีกครั้ง ก็เขาน่ารักอย่างนี้เธอจะตัดใจง่ายๆ ได้ยังไง
“เหนื่อยไหม หิวหรือเปล่า ผมอุ่นกับข้าวไว้แล้วนะ”
“หิวมากค่ะ คุณล่ะ คราวหน้าไม่ต้องรอนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอกินพร้อมคุณดีกว่า กินคนเดียวไม่อร่อยเลย”
พอได้ยินคำพูดของเขาหญิงสาวก็ยิ้มกว้าง ทั้งสองทานอาหารกันอย่างรวดเร็วเพราะหิวด้วยกันทั้งคู่
“ผมล้างจานเองครับ คุณไปอาบน้ำเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“ขอบคุณนะคะ”
อาบน้ำเสร็จแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเธอเดินเช็ดผมออกมาจากห้องนอน ตรงเข้าครัวดื่มน้ำแก้วใหญ่ จากนั้นก็มานั่งหน้าโซฟาอย่างเคย
“พราว งานด่วนเหรอครับ ผมยังไม่แห้งเดี๋ยวก็ไม่สบาย”
“ไม่ด่วนค่ะ แต่กลัวลืมก็เลยจะเขียนสักหน่อย”
“มานั่งตรงนี้ก่อนเช็ดผมให้ แห้งแล้วค่อยทำนะครับ ผมช่วยเช็ดนะ”
เขาดึงผ้าเช็ดตัวจากมือเล็กเช็ดไปบนผมนุ่มของเธออย่างเบามือ
พราวรวีรู้สึกดีที่เข้าทำแบบนี้ แม้รู้ว่ากวีวัธน์ไม่ได้คิดอะไรแต่สำหรับเธอแล้วมันดูอบอุ่นและน่ารักจนอยากให้เขาทำแบบนี้ทุกวัน
“วันนี้ไปไหนมาบ้างครับ ได้ข้อมูลเยอะไหม” เขาชวนคุย แม้รู้ว่าเธอไปหาข้อมูลแต่ก็อยากรู้ว่าคนที่เธอไปเจอวันนี้เป็นใครผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ได้มาเพียบเลยค่ะ”
“ถ้างั้นก็คงไม่ต้องไปเจออีกแล้วใช่ไหมครับ”
“ก็ต้องลองเขียนดูก่อนถ้าติดตรงไหนค่อยถามไปอีกทีค่ะ”
“หมอที่ไปเจอใจดีไหมครับ”
“ค่ะ หมอนนท์ใจดี คุยสนุกค่ะ”
“ผู้ชายเหรอครับ ผมนึกว่าคุณนัดคุยกับหมอผู้หญิง”
“ฉันก็ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นผู้ชายเพราะพี่ดาไม่ได้บอกไว้ แต่ไปเจอแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย”
“ดูคุณชื่นชมเขามากนะครับ”
“ก็ต้องชื่นชมเป็นธรรมดาค่ะ หมอเป็นคนเก่งอายุยังน้อยแต่เท่าที่ได้คุยเขามีประสบการณ์ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวค่ะ”
“อ้อ”
กวีวัธน์ไม่ค่อยพอใจที่ผู้หญิงของเขาชื่นชมคนอื่นต่อหน้า แต่จะว่าอะไรเธอได้ล่ะ เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของเธอ
ยังเช็ดผมไม่แห้งก็มีสายโทรเข้ามาเสียก่อน พราวรวีเดินออกมาคุยที่หน้าบ้าน
“ยังไม่นอนค่ะ คุณหมอนอนดึกเหมือนกันนะคะ”
“เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดครับ ลองเสี่ยงโทรมา ไม่รู้รบกวนไหม”
“ไม่หรอกค่ะปกติก็นอนหลังเที่ยงคืนอยู่แล้ว หมอนนท์ยังต้องทำงานต่ออีกไหมคะ”
“ไม่แล้วครับ กำลังจะกลับคอนโด”
“อ้อ เหนื่อยแย่เลยนะคะ”
“เหนื่อยเป็นปกติครับ เลือกทำอาชีพนี้แล้วก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
“เป็นอาชีพที่เสียสละมากเลยนะคะ แล้วอย่างนี้จะมีเวลาส่วนตัวไหมคะ”
“มีครับ ทุกคนมีวันหยุด แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดของผมพอดี ผมเลยอยากจะถามว่าคุณอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มไหม”
“น่าเสียดายจัง พรุ่งนี้ฉันต้องไปขายของที่ร้านเครื่องเขียนค่ะ”
“นอกจากนักเขียนแล้วยังทำงานอื่นด้วยเหรอครับ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ ปกติร้านนี้จะมีลูกจ้างอยู่แล้วค่ะ แต่น้องเขาไม่สบายฉันก็เลยต้องไปทำแทนค่ะ”
พราวรวีคุยกับหมอชานนท์อยู่พักใหญ่พอกลับเข้ามาในบ้านกวีวัธน์ก็เข้านอนไปแล้ว
หญิงสาวปิดไฟแล้วก็เข้านอนตามชายหนุ่มไป
คนที่เข้ามาก่อนใช่จะนอนหลับเพราะอยากรู้ว่าพราวรวีคุยกับใคร
“ยังไม่นอนใช่ไหม ขอโทษนะคะ คุยนานไปหน่อยไม่คิดว่าคุณจะรอ”
“ไม่ได้รอ แค่ไม่ชินที่คุณยังไม่เข้ามา” กวีวัธน์ยังคงปากแข็ง
“ค่ะ งั้นนอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปที่ร้าน”
“ร้านเครื่องเขียนน่ะเหรอ”
“ค่ะ พอดีว่าเด็กที่ร้านไม่สบายค่ะ ฉันเลยต้องไปเฝ้าร้านแทนค่ะ”
“จะกลับดึกเหมือนวันนี้ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ พรุ่งนี้คุณไม่ต้องรอกินข้าวก็ได้นะคะ ฉันว่าจะหาอะไรแถวนั้นกินก่อนกลับเลย จะได้ไม่ดึกมาก”
“ถ้างั้นผมไปดื่มกับเพื่อนนะครับ คงกลับไม่เกินเที่ยงคืน แต่ถ้าคุณถึงบ้านก่อนแล้วคิดถึงผมจะโทรตามก็ไม่ว่านะครับ”
“ใครจะคิดถึงคุณกันล่ะ รีบนอนเถอะฉันง่วงแล้ว”
กวีวัธน์เอื้อมมือปิดไฟที่หัวเตียงก่อนจะขยับเข้าใกล้ ดึงเธอเข้ามากอดอย่างหวงแหน
เช้านี้พราวรวีเหมือนมีโลกส่วนตัวอีกใบ จับโทรศัพท์แล้วก็ยิ้มจนกวีวัธน์รู้สึกเหมือนตัวเองไม่อยู่ในสายตาของเธออย่างเคย
“ไม่รู้ในโทรศัพท์มีอะไรน่าสนใจกว่าผมอย่างนั้นเหรอครับ ผมเห็นคุณเอาแต่ยิ้ม”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่คุยกับเพื่อนใหม่” เธอวางโทรศัพท์ในมือแล้วปีนขึ้นมานั่งบนตักในขณะที่เขาก็กางแขนไว้รออยู่แล้ว
“แค่เพื่อนแน่เหรอครับ คุณรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้เรากำลังคบกันอยู่”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ เราคบกันในฐานะอะไรฉันรู้ดี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะมีเพื่อนไม่ได้นี่คะ”
“ผมไม่ได้ห้ามคุณมีเพื่อนก็แค่ถามดูเองนะครับ”
“หมอนนท์เป็นเพื่อนฉันจริงๆ ค่ะ เราคบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องแน่นอนค่ะ”
“ผมจะไม่โดนหักหลังใช่ไหม” เขาถามอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ฉันไม่รู้นะคะว่าคุณเจออะไรมาบ้างแต่ฉันเป็นคนจริงจังกับคำพูดค่ะ ถ้าพูดอะไรออกไปแล้วก็จะทำตามนั้น อย่าห่วงเลย”
กวีวัธน์พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเล่าเรื่องราวของตนเองกับแฟนเก่าให้พราวรวีฟังเป็นครั้งแรก
หญิงสาวจับน้ำเสียงของเขาได้ ชายหนุ่มคงผิดหวังกับความรักครั้งนั้นมากจนไม่คิดจะจริงจังกับใครอีก พอได้รู้มุมมองของเขาที่มีต่อความรักเธอก็มั่นใจว่า ตัวเองคงไม่มีทางได้ลงเอยกับเขาอย่างแน่นอน
เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไปอยากมีคนรัก อยากสร้างครอบครัวแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้มันคือความผิดพลาดและเธอก็กำลังรับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้น หวังแต่เพียงว่าหลังจากที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันจนครบสัญญา เธอจะสามารถเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่เข้าใจและยอมรับกับความผิดพลาด ยอมรับรอยมลทินที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีข้อกังขา เมื่อถึงเวลานั้นเธอคงมีความสุขอย่างแท้จริง ไม่ใช่ความสุขแค่ชั่วข้ามคืนที่เกิดขึ้นตอนนี้