ตอนที่ 18 อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี
พราวรวีกำลังจะปิดร้านเครื่องเขียน ก็ได้รับสายจากณิชามนว่าวันนี้เพื่อนๆ นัดกันไปนั่งดื่มถือโอกาสจัดปาร์ตี้สละโสดให้กับเอวา เพราะอีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงงานแต่งงานของเธอแล้ว
เพื่อนๆ นัดกันหลายวันแล้วแต่เพราะมีเรื่องให้คิดเธอจึงลืมไปจนสนิท
“พราวจะมาเองหรือให้นิไปรับ” เพราะรู้ว่าเพื่อนคออ่อนดื่มไม่กี่แก้วเมาแล้วจึงไม่อยากให้ขับรถไปเอง
“ไม่ต้องมารับหรอก ไปเจอกันที่ร้านเลยส่งโลเคชั่นมาอีกทีนะ เดี๋ยวพราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน อาจจะถึงช้าหน่อย พอดีวันนี้มาขายของที่ร้าน”
“ได้ๆ แต่ยังไงก็ต้องมานะพราว พวกเราไม่ได้เจอกันทั้งกลุ่มแบบนี้นานแล้ว”
“ไปอยู่แล้วรวมกลุ่มกันทั้งทีพราวจะพลาดได้ยังไงว่าแต่ครั้งนี้วีวี่มาได้ใช่ไหมคิดถึงนางอะ”
“มาได้สิ แต่อยู่ได้ไม่นานนะสามีนางหึง”
“ถ้านางจะกลับนิถ่วงเวลาให้หน่อยนะไม่ได้เจอนานแล้วคิดถึงอยากเมาส์”
“จ้ะ รีบมานะ”
พราวรวีกลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีชุดที่เลือกสวมวันนี้เป็นสายเดี่ยวสีดำตัดกับผิวขาว ด้านหลังเป็นสายไขว้เว้าลงไปเกือบถึงบั้นท้าย ด้านหน้าก็คว้านลึกมีฟองน้ำในตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องสายบราให้ยุ่งยาก ผมมวยไว้แบบหลวมๆ ยิ่งใส่ส้นสูงสีแดงก็ดูเป็นสาวเปรี้ยวขึ้นมาทันที
หญิงสาวไม่ลืมที่จะหยิบผ้าคลุมไหลผืนบางติดมือไปด้วยเพราะถ้านั่งแท็กซี่ก็คงต้องใช้ผ้าคลุมให้มิดชิด ไปถึงร้านค่อยเก็บใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กที่อยู่บนไหล่มน ใบหน้าถูกแต่งแต้มเข้มกว่าปกติเล็กน้อย หมุนตัวมองหน้ากระจกอีกครั้งก็พอดีกับเสียงรถที่เรียกมาจอดหน้าบ้านพอดี
มาถึงสถานบันเทิงที่นัดไว้พราวรวีเดินตรงไปยังตำแหน่งที่เพื่อนบอกได้ไม่ยากเท่าไหร่เพราะคนไม่ค่อยเยอะเท่ากับคืนวันหยุด
บริเวณที่พวกเธอเลือกนั่งเป็นชุดโซฟาครึ่งวงกลม ตรงกลางเป็นโต๊ะเล็กสำหรับวางเครื่องดื่ม
“พราวทางนี้” ณิชามนโบกมือเรียก
“ว่าไงจ๊ะ พราวสุดสวยวันนี้แต่งตัวได้เลิศมาก” วีวี่หรือวีรศักดิ์เข้ามากอดเพื่อนรักด้วยความคิดถึง
“แน่นอนสิยะ เผื่อคืนนี้จะได้กลับบ้านสักคนสองคน”
“แล้วว่าที่เจ้าสาวของเราไปไหนแล้วล่ะ” เพราะที่โต๊ะมีณิชามน วีวี่และฟ้าเพียงเท่านั้น ยังขาดเอวาว่าที่เจ้าสาวและหยกเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม
“นู่นไง” ฟ้าชี้ไปยังโซฟาอีกตัวที่อยู่ถัดไปเพื่อนของเธอทั้งสองกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางหนุ่มหล่อวัยใส
“สองคนเลยนะนั่น จัดเต็มเกินไปแล้ว” พราวรวีมองเพื่อนที่กำลังนั่งคลอเคลียกับหนุ่มหน้าใสถึงสองคน
“ปล่อยนางไปเถอะอีกหน่อยแต่งงานแล้วก็คงมาสนุกแบบนี้ไม่ได้” ณิชามนออกความเห็น
“นั้นสิ ดูอย่างฟ้าเป็นตัวอย่างกว่าจะขอสามีออกมาได้ก็แทบแย่เลยนะ” ฟ้าที่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อครึ่งปีก่อนพูดขึ้นบ้าง สามีของเธอเป็นคนขี้หึงจึงไม่ค่อยได้ออกมาสังสรรค์กับเพื่อนบ่อยนัก
“ก็ฟ้าทั้งสวยทั้งน่ารักสามีก็ต้องหึงหวงเป็นธรรมดา ถ้าพราวมีสามีแบบนั้นบ้างก็คงจะดี”
“ก็รีบหาสิพราว ได้ข่าวว่าเพื่อนพี่ภูว่าที่สามียายเอวาโสดๆ อยู่หลายคนเลยนะ”
“พูดอย่างกับว่าเจอปุ๊บจะคลิกกันปั๊บอย่างนั้นแหละ”
“มันก็ไม่แน่นะ พราวของเราทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ใครเห็นแล้วไม่ชอบก็แปลกล่ะ ถ้าฉันกลับไปเป็นผู้ชายฉันจะจีบแกคนแรกเลยนะพราว”
“วีวี่ก็หล่อเหมือนกันนะ” พราวรวีจับใบหน้าเพื่อนรักเขามาใกล้ จนจมูกแทบจะชนกัน
“อึ๋ยยย ขนลุกอะพราว” วีวี่ถอยออกมาแทบจะทันที
การหยอกล้อกันสร้างเสียงหัวเราะของเพื่อนกลุ่ม แต่มีสายตาอีกคู่ที่มองลงมาแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหยาม
“มองตาไม่กะพริบเลยนะวัธน์ สนใจคนไหนเหรอ” กลุ่มของกวีวัธน์มานั่งดื่มกันอยู่บริเวณชั้นสอง เขาเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านและไปสวมกอดกับผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนทั้งสองจะสนิทกันเกินกว่าเพื่อนธรรมดา
“ให้ฉันเดานะ อย่างไอ้วัธน์ต้องคนใส่ชุดสีดำ” ฐากูรมองลงไปยังกลุ่มสาวๆ ที่อยู่ด้านล่างก็สะดุดตากับเธอเป็นคนแรก
“ทำไมคิดว่าคนนั้นล่ะ” เขาหันมาถามเพื่อน
“ก็ทั้งสวย หุ่นดี เซ็กซี่ดูไม่เบื่อเพราะฉันก็เล็งไว้เหมือนกัน ไม่แน่คืนนี้อาจได้พาไปต่อ” ฐากูรพูดโดยไม่ได้หันมามองสีหน้าของเพื่อนเลย เขาคงไม่รู้ว่าชะตาตัวเองกำลังจะขาดถ้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น
“ไม่ได้” เขาพูดเสียงเข้ม
“ทำไมวะ นายมีเด็กอยู่ที่บ้านแล้วนี่”
“ก็นั่นและเด็กฉัน”
“โอ้โห โคตรแจ่มเลยว่ะ แล้วทำไมเขาถึงมาเที่ยวแบบนี้อะ หรือว่าทะเลาะกัน”
“เปล่า”
“มันยังไงกันแน่ เล่ามาเลยนะ”
เพราะกลัวว่าเพื่อนจะเข้าไปจีบเธอและพากันไปต่อ เขาเลยต้องเล่าเรื่องระหว่างเขากับพราวรวีให้ทุกคนฟัง
“เธอยอมเหรอวะ”
“อือ คงกลัวเรื่องคลิปนั่นแหละ”
“แต่นายไม่มีนี่ แล้วจะรั้งเอาไว้ทำไม”
“ก็อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี”
“งั้นก็ขอคนเป็นแฟนเลยสิ” ภากรเสนอ
“ไม่ล่ะ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ให้อิสระแก่กัน”
“ไม่กลัวเธอไปกับคนอื่น หรือมีคนอื่นมาจีบเหรอ”
“ก็ตกลงกันแล้ว ว่าจะไม่นอนกับคนอื่น”
“ประหลาดดีนะ แน่ใจนะว่าเธอทำแบบนี้กับนายคนเดียว”
“อือ ฉันเป็นคนแรกของเขา”
“เพื่อนเรานี่สุดยอดเลยนะ เป็นคนแรกของเขาแล้วไม่ให้สถานะอะไรสักนิด แถมยังเอาคลิปไปขู่อีก เลวได้ใจเลยว่ะ”
“เลวที่ไหนได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”
“ผู้หญิงยังไงก็เสียเปรียบ ถ้าเธอต้องการเรื่องบนเตียงจริงๆ เดี๋ยวนี้ก็มีบาร์โฮสต์เยอะ ถ้าไม่คิดอะไรก็คงไม่ยอมหรอกน่า”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะคิดอะไรหรือเปล่า แต่สำหรับฉันมันก็แค่เรื่องบนเตียง”
“ทำไมวะ หรือเพราะพรลภัส”
“อือ เข็ดแล้วไม่เอาตัวเองไปผูกติดกับใคร”
“แต่เธอกับแฟนเก่านายมันคนละคนกันนะ ทำไมไม่ลองให้โอกาสตัวเองบ้าง ลองเปิดใจดู”
คำพูดของเพื่อนๆ สะกิดใจเขาอยู่ไม่น้อย พราวรวีกับพรลภัสแตกต่างกันมาก อดีตคนรักเป็นผู้หญิงที่ชอบให้เอาอกเอาใจ ชอบให้พาออกไปเที่ยวโดยไม่สนใจว่าตอนนั้นเขาจะเหนื่อยคือมีปัญหามากแค่ไหน
ทุกครั้งที่กลับถึงคอนโดเธอไม่เคยถามว่าเหนื่อยไหม แต่เป็นเขาที่ต้องคอยเอาใจเธอทุกอย่าง จนบางครั้งก็ไม่อยากจะกลับเพราะรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งเอาใจใคร แต่ที่ทำก็เพราะรักและอยากเห็นเธอมีความสุข และก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำให้มันไม่มากพอที่จะรั้งเธอไว้ให้อยู่กับเขาได้ตลอด เมื่อมีอีกคนที่เอาใจมากกว่ามีเวลาให้มากกว่าเธอก็เลือกที่จะหักหลังเขา
แต่พราวรวีไม่ใช่แบบนั้น แม้ไม่ได้เป็นอะไรกันเธอแต่เธอก็มักจะถามว่าเหนื่อยไหม ทานอะไรมาหรือยัง มันทำให้เขารู้สึกอยากกลับบ้าน อยากกลับไปเจอเธอทุกวัน
เวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้พอจะรู้นิสัยกันมากขึ้น พราวรวีเป็นคนใจเย็น ชอบเก็บตัวและใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่พอได้ทำงานที่ต้องอาศัยมนุษยสัมพันธ์และทักษะในการเจรจาเธอก็ทำได้ดีจนเขาอดทึ่งไม่ได้
“จะช้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้นะเพราะตอนนี้ฉันเห็นว่ามีหนุ่มมารุมจีบเธอเพียบเลยว่ะ”
เพราะเอาแต่นั่งคิดเลยไม่ทันสังเกตว่ามีหนุ่มมานั่งคุยที่โต๊ะของพวกเธออยู่หลายคน กวีวัธน์กัดฟันกรอด เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของเขาโดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังจะขอเป็นแฟน
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก รอจนสายตัดเธอก็ยังไม่รับสายและยังออกมาเต้นกับผู้ชายพวกนั้นอย่างมีความสุข ความรู้สึกเหมือนโดนทรยศอีกครั้ง เขาอยากจะลงไปกระชากเธอออกมาจากตรงนั้นแล้วพากลับบ้าน
“วัธน์จะกลับแล้วเหรอ” หมออิศเรศเห็นท่าทางรีบร้อนของเพื่อนก็รีบถาม
“อือ กลับก่อนนะมีเรื่องต้องไปจัดการหน่อย”
“ใจเย็นนะ นายไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะโว้ย” ฐากูรตะโกนไล่หลัง
เขาลงมาจากชั้นสองกำลังคิดว่าจะทำยังไงให้เธอออกมาจากตรงนั้น พอดีกับเด็กเสิร์ฟเดินผ่านเขาเลยให้เด็กไปบอกเธอว่ามีคนขอคุยด้วย
มองจากตรงนี้เห็นท่าทางเธอเหมือนจะลังเลว่าจะออกมาดีหรือเปล่า แต่เด็กเสิร์ฟก็ทำงานได้ดีสมกับค่าจ้างที่ให้ไป พราวรวีหยิบกระเป๋าแล้วเดินแทบไม่ตรงทางแต่ก็ตามมาจนถึงหน้าห้องน้ำ
“คุณวัธน์ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ แอบตามฉันมาหรือเปล่า” เสียงถามอ้อแอ้เพราะดื่มไปมากกว่าปกติ
“ไม่ได้ตามมา แต่จะตามให้กลับบ้าน”
“ยางไม่อยากกลับบบ กำลังสนุกอยู่เลย ไปเต้นด้วยกันไหมคะ น่า นะ คุณวัธน์สุดหล่อของพราว” หญิงสาวพยายามฉุดให้เขาเดินตามไป แต่แรงคนเมาหรือจะสู้คนที่ดื่มแค่ไม่กี่แก้วอย่างเขา
“กลับบ้านเถอะพราว คุณเมามากแล้ว”
“เมาที่ไหน ถ้าเมาจะจำคุณได้เหรอคะ คุณวัธน์”
“แล้วจำได้ว่าผมเป็นใคร”
“จะย้ำให้เจ็บทำไม แค่นี้ก็เจ็บจะแย่ คำก็คู่นอน สองคำก็คู่นอน ไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ”
“พราว คุณพูดไม่รู้เรื่องแล้ว กลับบ้านกับผมเถอะ”
“ไม่เอา..ฉันจะไปเต้นต่อคุณไม่มีสิทธิ์ห้าม”
“ผมว่าผมมีสิทธิ์นะ”
“สิทธิ์อะไรคะคุณบอกเองว่าคู่นอนไม่มีสิทธิ์หึงไม่มีสิทธิ์สั่งให้อีกคนทำอะไร แล้วจะมาห้ามทำมายย” เสียงพูดแบบนี้รับรองได้ว่าพรุ่งนี้คงจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกมาบ้าง
“ถ้าคุณไม่กลับไปกับผมดีๆ ผมจะเดินไปบอกเพื่อนของคุณกับผู้ชายพวกนั้นว่าคุณเป็นผู้หญิงของผม”
“อยากบอกก็บอกสิ ไม่เห็นจะแคร์”
ยิ่งพูดก็ยิ่งทรงตัวไม่อยู่กวีวัธน์เลยตัดสินใจอุ้มคนที่เมาจนคอพับออกทางหลังร้านด้วยความช่วยเหลือจากเด็กเฝ้าประตูที่เห็นเขามาที่นี่เป็นประจำ
พอมาถึงรถก็วางเธอลงบนเบาะรัดเข็มขัด หยิบเสื้อที่แขวนไว้หลังรถคลุมทับอีกทีเพราะถ้ายังอยู่ในสภาพแบบนี้เขาคงขับรถไปถึงบ้านอย่างแน่นอน
ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน คนที่เมาไม่ได้สติก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
เห็นแบบนี้แล้วก็คิดถึงคืนแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน เธอเมาแบบนี้ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นลงไปและเขาก็ผิดเต็มประตู เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้เมา แทนที่จะหักห้ามใจตัวเองแต่กลับทำทุกอย่างไปตามอารมณ์ปรารถนาและยังหาประโยชน์จากเธออย่างน่าอายที่สุด
กวีวัธน์ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเปิดใจลองคบกับเธออีกครั้ง เพราะไม่อยากให้เธอเป็นแค่คู่นอนอีกต่อไปแล้ว
เขาหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาส่งข้อความไปบอกณิชามนว่าเธอรู้สึกไม่สบายจึงขอตัวกลับก่อน