บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 11 อยากกินคุณมากกว่า

กว่าจะถึงบ้านก็บ่ายคล้อย พราวรวีทำความสะอาดบ้านและจัดของที่ซื้อมากว่าจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี เธอสั่งกับข้าวจากร้านประจำและหุงข้าวระหว่างรออาหารมาส่ง

เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยออกมากวาดเศษใบไม้ที่ร่วงหล่อนจากแรงของพายุเมื่อคืนที่ผ่านมา แล้วใจเจ้ากรรมก็เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ต้องขอบคุณกวีวัธน์ที่ขับรถกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกครั้ง ถ้าหากไม่มีเขา เธอก็คงอยู่อย่างหวาดระแวงไปนานนับชั่วโมง

พราวรวีมีความทรงจำไม่ค่อยดีเกี่ยวกับความมืดโดยเฉพาะตอนฝนกำลังตกเธอก็ยิ่งหวาดกลัว เพราะตอนที่ตัวเองยังเด็กและอยู่บ้านคนเดียว ฝนตกหนัก ไฟก็ดับมืดไปทั้งบริเวณ บิดากับมารดาซึ่งทำงานเป็นครูยังกลับมาไม่ถึงบ้านเพราะเจอกับพายุฝนอย่างหนักเธอต้องอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียวจนดึก

จำได้ดีว่ามันมืด หนาวและน่ากลัวมากแค่ไหน ยิ่งได้ยินเสียงลมพัดกระทบใบไม้เธอก็ยิ่งหวาดผวา แม้ตอนนี้จะโตแล้วแต่ก็ยังกลัวอยู่เหมือนเดิม ถ้าแค่ไฟดับก็ไม่เท่าไหร่เพราะยังพอคลำหาไฟฉายหรือใช้แสงจากโทรศัพท์มือถือได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีทั้งฝนตก ลมพัดแรงและไฟดับพร้อมกันล่ะก็เธอก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งอยู่ในมุมมืดรอจนทุกอย่างสงบซึ่งบางครั้งมันก็กินเวลานานหลายชั่วโมง

หญิงสาวเคยคิดจะไปอยู่คอนโดเพราะค่อนข้างมิดชิดและจะมีไฟฟ้าสำรองให้ใช้ แต่เพราะผูกพันกับบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นบ้านเดิมที่เคยอยู่กับบิดามารดามานานหลายปีหลังจากที่ท่านทั้งสองย้ายรกรากมาจากบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด

เสียงออดหน้าบ้านดึงออกจากภวังค์ความคิด พราวรวีวางไม้กวาดในมือแล้วรีบวิ่งออกไปรับกล่องอาหารจากไรด์เดอร์

มือเรียวล็อกประตูรั้วซึ่งปกติก็ไม่ค่อยได้ล็อกเท่าไหร่เพราะแถวนี้ค่อนข้างปลอดภัย และเธอก็อยู่มานานหลายปีไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เพราะคำพูดของผู้ชายคนนั้นเธอเลยต้องล็อกประตูอย่างน้อยถ้าเขาจะเข้ามาเธอก็จะได้รู้ตัวก่อน

คิดแล้วก็ส่ายหัว นี่เธอกำลังรอเขาอยู่อย่างนั้นเหรอ

“ท่าจะบ้าแล้วยายพราว ไปคิดถึงเขาทำไมนะ” เธอบ่นคนเดียวมือก็เปิดกล่องอาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายตรงหน้า

อาหารเย็นง่ายๆ สำหรับเย็นนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ จากนั้นตบท้ายด้วยผลไม้พร้อมทานที่สั่งมาติดตู้เย็นไว้เป็นประจำ

แม้รู้ว่าผลไม้แบบนี้เก็บไว้ได้ไม่นานและราคาแพง แต่เธอไม่อยากเสียเวลาปอกผลไม้ ครั้งล่าสุดเธอโดนมีดบาดที่ปลายนิ้ว แม้เพียงเล็กน้อย แต่มันเป็นอุปสรรคเวลาที่เธอพิมพ์งาน การสั่งมาแบบนี้จึงสะดวกและยังทานได้หลายอย่างในกล่องเดียว

เพราะรู้สึกปวดท้องพราวรวีจึงไม่ได้นั่งเขียนนิยายอย่างเคย เธอเปิดซีรีส์ทิ้งไว้แล้วนอนเล่นอยู่บนโซฟากะว่ารอให้อาการปวดท้องดีขึ้นกว่านี้ค่อยเริ่มเขียน

หญิงสาวท่องไปในโลกโซเชียลมองความเป็นไปของเพื่อนแต่ละคนอย่างเพลิดเพลิน บางคนไปเที่ยวต่างจังหวัด บางคนไปเที่ยวต่างประเทศและก็มีอีกหลายคนรวมทั้งตัวเธอที่นอนดูซีรีส์อยู่บ้าน เพราะไม่ชอบการออกไปพบเจอคนแปลกหน้า เธอไม่ชอบเจอผู้คน ไม่ชอบสวมหน้ากากเข้าหาใคร การเก็บตัวอยู่บ้านแบบนี้จึงเป็นอะไรที่สบายใจมากที่สุด

แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ยอมออกไปไหน เธอก็มีนัดไปเจอเพื่อนบ้างแล้วแต่โอกาสแต่นั้นต้องเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ เพราะทุกคนต่างรู้นิสัยใจคอกันดีอยู่แล้วจึงเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด

ตาคู่สวยกำลังจะปิดเพราะความง่วงแต่แล้วก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อโทรศัพท์ในมือส่งเสียงร้องขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมาเธอก็คิ้วขมวดก่อนจะกดรับ

"สวัสดีค่ะ” เสียงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“คุณ เปิดประตูรั้วให้ผมหน่อยสิ”

“อะไรนะ นี่มันดึกแล้ว คุณจะมาทำไมกันเวลานี้”

“ผมเพิ่งเลิกงาน ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”

“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจและรีบเดินไปเปิดประตูรั้วแต่โดยดีเพราะวันนี้เขาคงทำอะไรเธอไม่ได้

ชายหนุ่มถือกระเป๋าเดินตามเข้ามาโดยไม่ถามเจ้าของบ้านเลยว่าจะให้เขาค้างที่นี่ด้วยหรือเปล่า

เมื่อเห็นสภาพอิดโรยของเขาก็อดถามไถ่ไม่ได้

“กินอะไรมาหรือยังคะ”

“ยังเลยครับ ประชุมเสร็จก็แวะเอาของที่บ้านแล้วก็ตรงมานี่เลย”

“แล้วคุณจะมาทำไม มันดึกแล้ว ทำไมไม่นอนที่บ้านตัวเองล่ะคะ”

“ไม่รู้สิครับ ไม่ทันคิดรู้ตัวอีกทีก็เก็บของมาแล้ว”

“ที่บ้านไม่มีอะไรกินเลย แต่หน้าปากซอยมีร้านก๋วยเตี๋ยวเดี๋ยวฉันออกไปซื้อมาให้ก็ได้”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมออกไปเองก็ได้ คุณจะไปด้วยกันไหม”

“ต้องไปด้วยเหรอ ขี้เกียจจัง” เธอคิดยังไงก็พูดไปแบบนั้น ไม่ต้องรักษาภาพไม่ต้องวางตัวให้ดูดี มันสบายๆ จนเธอคิดว่ามีเขาเป็นเพื่อนเพิ่มมาอีกคน

“เอาน่าไปเป็นเพื่อนหน่อย ผมไม่ชินกับแถวนี้เท่าไหร่” จริงแล้วเขาไม่เคยไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวตามร้านข้างทางก็เลยไม่กล้าที่จะไปคนเดียว

“ฉันจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปนะ” เพราะร้านหน้าปากซอยหาที่จอดรถยาก

“คุณให้ผมซ้อนได้ไหมล่ะ”

“อือ ตัวคุณคงไม่หนักมากเท่าไหร่หรอกมั้ง”

“แล้วคุณคิดว่าหนักไหมล่ะ” เขาเดินเข้ามาใกล้สองแขนรั้งเอวคอดเข้ามาจนชิด

“ปล่อยเลยคุณ ไหนว่าหิว”

“อยากกินคุณมากกว่า” เขาก้มลงกดจมูกบนแก้มเนียน

“เสียใจนะคะคุณคงต้องอดกินไปหลายวัน”

“ไม่เป็นไร อดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ได้” กวีวัธน์เข้าใจที่เธอพูดเพราะได้ยินเธอพูดถึงรอบเดือนเมื่อวันก่อน ตอนนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าระหว่างเขากับเธอไม่ได้มีการปฏิสนธิขึ้นอย่างแน่นอน

ชายหนุ่มถอดสูทพาดกับโซฟา คลายปมเนกไทให้หลวมขึ้น จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูรั้วรอให้พราวรวีขี่จักรยานยนต์ตามออกมา เขาปิดประตูรั้วอีกครั้งก่อนจะขึ้นมานั่งคร่อมไปบนรถอย่างเก้ๆ กังๆ

“ไม่ต้องกอดแน่นขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ขี่เร็วหรอกน่า”

“ผมกลัวตกนี่”

“จับข้างหลังก็ได้มั้ง กอดแน่นแบบนี้ฉันอึดอัดนะ”

“ทีคุณยังกอดผมแน่น” เขากระซิบข้างหูจนหญิงสาวขนลุกซู่

“คุณวัธน์คะ ถ้าขืนยังพูดจ่าหื่นๆ แบบนี้อีกฉันละไล่คุณลงตรงนี้เลยนะคะ”

“ต่อไปจะไม่พูดแล้วคร้าบ” เขาทำเสียงยาวจนเธอได้แน่ถอนหายใจ

เธอชักอยากรู้แล้วว่าผู้ชายที่เกาะหลังเธอเป็นปลิงอยู่นี้ทำงานอะไร การพูดจาถึงได้ไหลลื่นอย่างนี้ พราวรวีไม่เคยสนใจจะถาม เพราะระหว่างเธอกับเขาไม่จำเป็นต้องรู้จักตัวตนของกันและกันให้มาก จากกำหนดคบกัน สามเดือนตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว การไม่รู้จักอีกฝ่ายน่าจะดีกับเธอมากกว่าเพราะจะได้ไม่รู้สึกผูกพันมากไปกว่านี้

ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีทั้งสองก็มาถึงยังร้านก๋วยเตี๋ยวที่เธอบอก หญิงสาวเห็นท่าทางของเขาก็พอจะเดาออกว่าไม่เคยมานั่งทานแบบนี้ เธอเลยสั่งบะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดงให้เขา จากนั้นตัวเองก็เดินไปซื้อน้ำขวดที่ร้านสะดวกซื้อมาสองขวด เพราะคิดว่ากวีวัธน์คงไม่กล้าดื่มน้ำฟรีที่ทางร้านจัดไว้อย่างแน่นอน

“ขอบคุณครับ” เขารับน้ำจากมือของเธอไปวาง จากนั้นก็นั่งทานอย่างรวดเร็ว

“หิวหรืออร่อยคะ”

“ทั้งสองอย่างครับ สั่งให้ผมอีกชามได้ไหม”

“ไหวเหรอคะ ชามเมื่อกี้ก็สั่งพิเศษให้แล้วนะคะ”

“ไหวครับ ทั้งวันกินแค่แซนด์วิชเมื่อเช้าเอง” เพราะวันนี้งานยุ่งและเขาก็ไม่มีอารมณ์จะทานอาหารกลางวัน แม้เลขาจะสั่งอาหารโปรดมาให้แต่กวีวัธน์ก็ไม่ได้แตะเลยสักนิด

พราวรวีเดินไปสั่งให้เขาอีกชาม ส่วนเธอนั้นกลับเข้าไปในร้านสะดวกซื้ออีกรอบ หยิบยาลดกรดแบบผงฟู่รสส้มมาสองซองเผื่อเอาไว้ เพราะเธอก็เคยหิวจัดแบบเขาและจำได้ว่าเวลานอนมันอืดท้องมากแค่ไหน

บะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดงพิเศษสองชามราคาแค่ 140 บาทแต่ชายหนุ่มควักธนบัตรใบละหนึ่งพันขึ้นมา พราวรวีเห็นแล้วต้องรีบเดินไปจ่ายเงินแทนเพราะไม่อยากให้แม่ค้าต้องเสียเวลาทอนเงิน

“ผมติดหนี้คุณแล้ว เดี๋ยววันหลังเลี้ยงคืนนะครับ” ชายหนุ่มเดินตามเธอมาซ้อนจักรยานยนต์อย่างอารมณ์ดี

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เมื่อวานคุณก็ซื้อข้าวเย็นมาแล้ว”

“ผมว่าจะมากินข้าวกับคุณทุกวันดีไหม”

“บ้านฉันไม่ใช่ร้านอาหาร และก็ไม่มีข้าวให้คุณกินทุกวันหรอกนะ ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอดเลยค่ะ”

“ผมซื้อเข้ามาก็ได้นี่ครับ”

“กว่าคุณจะเลิกงาน ฉันคงได้หิวจนเป็นลมก่อนพอดี”

“ถ้าวันไหนมาช้าผมจะโทรบอก”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ ระหว่างเราไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนั้น เอาเป็นว่าถ้าคุณจะมาก็มา ถ้าฉันหิวก็จะกินก่อน โอเคไหมคะ”

“ครับ” ขานรับอย่างว่าง่ายแล้วกอดเอวเธออย่างเคย ระหว่างทางก็พิงศีรษะไปกับไหล่มน รู้สึกผ่อนคลายยิ่งโดนลมกระทบเปลือกตาก็แทบจะปิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel