บท
ตั้งค่า

บทที่9

แสงแดดแห่งเดือนมกราคมสาดสว่างเข้ามาทางผนังห้องและหน้าต่างกระจกความอบอุ่นกระจายไปทั่วห้อง ฉันอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนกำลังผสมสีอย่างตั้งอกตั้งใจลีเดินเข้ามาพร้อมด้วยหม้อต้มกาแฟ

“มาช่วยออกความเห็นหน่อยสิคะ” ฉันเอ่ยขึ้น

“ความเห็นเรื่องอะไรหรือ?”

“เรื่องสีแบ็คกราวนด์ตอนแรกฉันตั้งใจจะใส่ภาพหน้าต่างกับสวนไม้ดอกที่อยู่ข้างนอกนั่นเข้าไปด้วยแต่มาคิดว่าถ้าใส่ทั้งหมดรู้สึกว่ามันจะรุงรังเกินไป”

“คุณอยากทำยังไงก็ทำเถอะ ผมเห็นจะช่วยออกความเห็นอะไรไม่ได้หรอก”

เขาขยับออกห่างจากขาตั้งที่เขียนรูปตัวเองไว้ ไม่สนใจแม้แต่จะเหลือบมอง เดินไปรินกาแฟใส่ลงในถ้วยใบโตสองใบกะประมาณอย่างระมัดระวังก่อนจะใส่น้ำตาลครึ่งช้อนชาลงในถ้วยของฉัน

“ลีคะ...คุณไม่เคยดูรูปที่ฉันเขียนเลยนะ...ไม่เคยแม้แต่จะเหลือบตามองเสียด้วยซ้ำ”

เขาเลื่อนตัวขึ้นนั่งบนม้ากลม เอียงคอเล็กน้อย

“อลิกซ์ ผมมั่นใจอย่างที่สุดเลยนะว่าผลงานจากฝีมือคุณจะต้องเยี่ยมยอดมาก แต่ถ้าให้ผมดู...ผมเห็นจะไม่ดูหรอกที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่จะดูหมิ่นความสามารถของคุณเลยนะแต่ปัญหามันอยู่ที่ตัวผมเอง”

“อ้าว...ก็ถ้าอย่างนั้นฉันจะมานั่งเขียนรูปนี้อยู่เพื่ออะไรกันล่ะ?”

“ก็เพราะว่ามันเป็นสิ่งปฏิบัติกันมาจนกลายเป็นประเพณีไปแล้วน่ะสิ และด้วยเหตุผลที่ว่าในที่สุดแล้วมันก็จะเข้าไปอยู่ในคลังสมบัติเพื่อให้ลูกหลานรุ่นหลังๆ จากสายต่างๆ ของตระกูลมาค้นพบเข้าสักวันหนึ่ง และจะได้รู้ว่าแม้จะเป็นศตวรรษที่ยี่สิบแล้วศิลปินแห่งตระกูลมิลเลอร์ก็ยังคงเขียนรูปบุคคลในตระกูลครอมพ์ตันอยู่”

“แต่ว่านั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอเลยนะคะ”

“คุณเข้าใจถูกต้องแล้วละ เพราะความจริงมันอยู่ตรงที่ว่าผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสมเพทถ้าจะยกเลิกธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาตลอดนี่เสียเพียงเพราะผมไม่อยากให้รูปของตัวเองไปแขวนอยู่ในห้องนั่น ซึ่งเหตุผลประกอบเรื่องนี้ก็เพียงแค่ว่า...ผมไม่ต้องการเห็นรูปตัวเอง...มันก็ง่ายๆ แค่นี้”

ฉันได้แต่ยืนนิ่งงันราวถูกตรึงอยู่กับที่ไม่มีแรงแม้แต่จะยกแปรงขึ้นปัดสีลงบนผืนผ้าใบ...

“ผมทำให้คุณเสียใจหรือเปล่านี่?”

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่ฉันยอมรับเลยดีกว่า ว่าออกจะเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ฉันรับทำงานชิ้นนี้ เพราะเชื่อว่าคุณยินดีที่จะให้ฉันทำ แต่เมื่อมาถึงเวลานี้...เมื่อคุณบอกว่าไม่อยากเห็นมันไปแขวนรวมอยู่กับรูปของคนในตระกูล ที่ห้องข้างนอกนั่น ฉันก็คิดว่ามันไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้วฉันเขียนให้ออกมาเป็นท่อนไม้ที่มีดวงตาสีฟ้าเป็นองค์ประกอบแล้วก็เรียกมันว่าภาพเหมือนจริงของลี ครอมพ์ตัน แค่นั้นก็คงพอแล้วละมัง”

“เป็นความคิดที่ไม่เลว...ถ้าคุณทำมันขึ้นมาจริงๆ ผมอาจจะเอาไปแขวนรวมไว้ก็ได้นะ”

“ลีคะ...ฉันไม่อยากเห็นคุณดูถูกตัวเองอย่างนี้เลย มันไม่น่ารักสักนิด” ขณะนี้ฉันไม่มีจิตใจจะทำงานอีกต่อไปแล้ว ฉันเก็บสีเข้าที่อย่างประชด

“วันนี้เราอย่าเพิ่งทำงานเลยงานของฉันมันก็แบบเดียวกับงานของคุณนั่นแหละถ้าไม่มีอารมณ์ก็ทำไม่ได้”

“ผมเสียใจจริงๆ อลิกซ์” เขาเลื่อนตัวลงจากม้าทรงกลมเดินเข้ามาหาฉัน

ฉันกระชากผ้าลงมาคลุมภาพที่เขียนค้างไว้อย่างกรุ่นโมโห

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรือแสดงความเสียใจอะไรหรอก นี่มันรูปของคุณฉันก็ทำตามความต้องการของคุณเท่านั้นคุณก็รู้ว่าฉันเป็นแค่ศิลปินที่ได้รับการว่าจ้างมา...ส่วนคุณมันเจ้าของเงิน...”

ฉันเดินเข้าไปในห้องข้างๆ เพื่อล้างมือที่เปื้อนสี และตอนนั้นเองที่ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าในห้องน้ำเล็กๆ นี้ ไม่มีกระจกเงาแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่านอกจากในห้องของฉันกับมิสซิสกรีฟแล้ว ไม่มีที่ใดในบ้านหลังนี้ที่มีกระจกเงาติดไว้เลย...!

อีกครั่งชั่วโมงต่อมามีเสียงเคาะเบาๆ ตรงหน้าประตูห้องส่วนตัวฉันถึงกับสะดุ้ง

“อลิกซ์...ขอผมเข้าไปหน่อยได้ไหม?”

ภายหลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง อารมณ์ที่ค่อยเย็นลงทำให้ฉันบังเกิดความรู้สึกละอายใจกำลังใช้ความคิดว่าจะหาคำพูดอะไรที่จะไปขอโทษเขาอยู่พอดีเสียงเรียกของเขาทำให้หัวใจเต้นระทึกขึ้น

“ลีหรือคะ?”

ประตูเปิดออกและลีก็เดินเข้ามา เขาผลักให้มันเปิดกว้างไว้

“ออกไปเล่นสเกตกันไหม?”

“อ้าว...แล้วเรื่องพวกเด็กๆ นั่นล่ะคะ?”

“วันนี้ไม่ใช่วันหยุดพวกเด็กๆ ไปโรงเรียนกันหมดไม่มีใครหรอกจนกว่าจะหลังบ่ายสองโมง”

“แต่ฉันไม่มีรองเท้าสเก็ตนี่คะ” ฉันตอบออกไปแต่มือก็เอื้อมไปหยิบสเวตเตอร์แล้ว

“ไม่ต้องห่วง ในโรงรถมีรองเท้าสเก็ตเป็นโหลจะต้องมีสักคู่หนึ่งหรอกที่คุณสวมได้”

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเราสองคนก็เข้าไปนั่งอยู่ในรถสเตชั่น แว็กก้อน มุ่งหน้าสู่แวกกี้ สพอนด์

พื้นน้ำแข็งในบึงขาวโพลนสะอาดตามีร่องรอยรองเท้าสเก็ตที่ตัดกันอยู่บนผิวหน้า เมื่อมองตรงลงไป ฉันได้เห็นต้นหญ้าที่แข็งตัวอยู่ราวถูกจับเรียงอย่างมีศิลปะตรงที่อยู่ใกล้ฝั่ง ยอดที่ทิ่มแทงขึ้นมาเหนือพื้นน้ำแข็งสวยงามราวช่อดอกไม้ฟองที่กระจายอยู่มองดูคล้ายดวงตาปิศาจ ไกลออกไปน้ำแข็งดูเป็นเงาดำมืดและฉันไม่สามารถมองผ่านผิวหน้ามันลงไปได้เลย...

ลีคุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ เพื่อช่วยดึงเชือกผูกรองเท้าสเก็ตของฉันให้แน่นกระชับ เท้าของฉันที่อยู่ในอุ้งมือเขาดูช่างเล็กกระจ้อยร่อยเสียเหลือเกิน ส่วนรองเท้าสเก็ตคู่ของเขาก็ช่างใหญ่โตมหึมาเสียจริงฉันค่อยๆ ประคองตัวออกไปบนน้ำแข็งสำรวจความหนาดูก่อนจะออกไปไกลจากแนวตลิ่งฉันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ก็ไปได้เพียงแค่เที่ยวสั้นๆ ไม่กี่เที่ยวก่อนจะล้มลงทันใดเสียงหวีดหวิวของรองเท้าสเก็ตที่ตัดน้ำแข็งอยู่ก็วนเข้ามาลีฉุดฉันให้ลุกขึ้นยืน

“ทำอย่างนี้...”

เขาบอกแล้วก็พุ่งร่างออกไปเหวี่ยงตัวไปรอบๆ ด้วยการโค้งลำตัวอย่างสง่างามก่อนจะกลับหลังหันอย่างรวดเร็วและเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ช้าๆ ฉันได้แต่ยืนอ้าปากค้างผู้ชายที่มีเรือนร่างราวยักษ์ใหญ่สามารถวิ่งสเก็ตน้ำแข็งได้ด้วยท่าทางราวนักบัลเล่ต์ ฝอยน้ำแข็งพรูพรายอยู่รอบตัวก่อนจะร่วงหล่นลง และเผยให้เห็นท่วงท่าอันสง่างามมาก มือไม้ฉันเต้นเร่าอยากจะบันทึกภาพนั้นลงไว้บนแผ่นกระดาษ เขาหมุนตัวไปรอบๆ ดูเหมือนเขาจะปลาบปลื้มมากที่ได้เห็นปฏิกิริยาที่ฉันแสดงออก เพียงครู่เขาก็มาหยุดลงตรงหน้า

เขาถอดแจ็คเก็ตออก เหลือเพียงสเวตเตอร์สีน้ำเงินเข้มที่สวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีแดง หลังจากนั้นก็ถอดทั้งหมวกและถุงมือ ปอยผมหยักศกหนาปรกอยู่ตรงใบหู เขาปัดออกและจับตามองฉันอยู่ก่อนจะยื่นมือมาให้

“คุณสเก็ตไปกับผมไหม?”

ฉันวางมือลงในอุ้งมือใหญ่โตของเขา

“แบบนี้นะ...”

เขาบอกก่อนจะไสรองเท้าสเกตออกไป หลังจากนั้นเราสองคนก็ร่อนถลาไปบนพื้นน้ำแข็งของบึงแห่งนั้น ขณะที่แสงอาทิตย์แห่งเดือกมกราคมสะท้อนแสงอยู่กับพื้นน้ำแข็งเป็นประกายเลื่อมลาย

เขาจับร่างฉันให้หมุนพร้อมกับสอดมือเข้าทางด้านหลัง เราถลาร่อนเคียงข้างกันไป พุ่งผ่านเข้าออกอยู่ในระหว่างร่มเงาของแมกไม้และพื้นน้ำแข็งในบึงโดยรอบ และจากนั้นเฉกเช่นนักเต้นรำเราต่างหันหน้าเข้าหากันและฝีเท้าของฉันก็สะท้อนภาพฝีเท้าของเขาอยู่ แขนขวาของเขาเพียงแตะอยู่กับแผ่นหลังของฉัน ส่วนมือซ้ายก็จับมือฉันไว้มั่น

บ่อยครั้งที่ใบหน้าของฉันเสียดสีอยู่กับเสื้อกั๊กที่เขาสวมอยู่เขาต้องก้าวสั้นๆ เพื่อรักษาระดับไว้เพราะเรามีความสูงที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก

ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ฉันลืมไปแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่มีร่างกายปกติและยิ่งเวลาผ่านไปฉันก็ยิ่งรู้ว่าฉันลืมไปหมดแล้วว่ารูปร่างหน้าตาเขาเป็นเช่นไรฉันคิดแต่เพียงว่า เขาคือ...ลี...เท่านั้น

เขาปล่อยมือฉันออกพร้อมกับโค้งคำนับท่อนแขนยาวๆ กวาดไปทั่วพื้นน้ำแข็ง

“ขอขอบคุณอย่างยิ่งครับ มิสมิลเลอร์”

“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งเช่นกันค่ะ...มิสเตอร์ ครอมพ์ตัน” ฉันตอบพร้อมกับถอนสายบัวโค้งคำนับเขาด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel