2
“ก็ไม่มีใครเอาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“จะเรียกร้องความสนใจไปทำไม ทำตัวเหมือน...” พายุชะงักคำพูด
“เหมือนแม่ใช่ไหม รินเหมือนแม่”
“ใช่” พายุยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะมองหน้าเด็กสาวนิ่ง
“ไม่ว่าเธอจะเรียกร้องอะไรมากมายไปกว่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกมันดีขึ้นมาได้เลย ยิ่งทำตัวแบบนี้ยิ่งแย่ ถ้าไม่เลิกเรียกร้องความสนใจ ทำตัวไม่ดีให้ต้องเชิญผู้ปกครองอีก ต่อไปจะไม่มีใครมาเยี่ยมอีก”
“ก็ไม่เห็นต้องลำบากมา รินจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ต้องมา”
“ก็ดีที่คิดแบบนั้น ถ้ายังไม่สำนึกก็ไม่ต้องเจอใครอีก” ประโยคนั้นของพายุทำให้ดารินร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
ทุกคนพร้อมที่จะทิ้งเธออยู่แล้ว ดารินปาดน้ำตาทิ้ง ไม่รู้ว่าเธอจะเกิดมาทำไม เกิดมาแบบไม่พร้อม ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีครอบครัวที่รักและให้ความอบอุ่น
เธอยอมรับว่าอิจฉาพี่สาว อยากแย่งทุกอย่างของมิรินมาเป็นของตัวเอง เพราะทุกคนรักแต่มิริน
ดารินยืนมองบ้านหลังสวยตรงหน้าด้วยสายตาว้าเหว่ เธอเรียนจบมัธยมหกแล้วแต่ไม่มีใครไปรับเธอสักคน
คนนอกสายตาก็ยังเป็นคนนอกสายตาอยู่วันยังค่ำ เธอกลับมากับเพื่อน ติดรถมาลงตรงทางเข้าไร่
โยธินบ่นไม่หยุดว่าเธอไม่ยอมรอให้พายุไปรับ ทั้ง ๆ ที่พายุก็เอาแต่ยุ่งกับงาน แทบลืมสิ่งที่โยธินสั่งไปเสียด้วยซ้ำ
ดารินได้เจอกับพี่สาวอีกครั้ง มิรินก็ยังคงเป็นมิริน นั่นก็คือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ถึงแม้บิดามารดาจะเสียชีวิตหมดแล้วแต่ก็ยังมีเฮีย ๆ ทั้งสามคอยดูแลอย่างดีตั้งแต่เด็ก
เธอยอมรับว่ามิรินคือพี่สาวที่ดี อีกฝ่ายดีกับเธอมาก นั่นยิ่งทำให้เธออยากถอยหนี ไม่อยากให้มิรินดีกับเธอแบบนี้ เธออยากให้มิรินเป็นคนร้ายกาจ ทำไม่ดีกับเธอเผื่อคนอื่นจะได้เห็นว่าเธอมีดีกับเขาบ้าง
ดารินเดาได้ไม่ยากว่าโยธินต้องต่อว่าเธอเรื่องเรียนต่อเป็นแน่ ซึ่งมันก็จริง เพราะว่าเธอมีผลการเรียนที่ย่ำแย่ จบมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่สอบเข้าเรียนต่อที่ไหนไม่ได้เลย
ดารินไม่อยากไปเรียน แต่อยากป่วนเฮียทั้งสาม เธอขอไปทำงานที่ไร่ บิดาของเธอนั้นปลูกผักปลอดสารพิษส่งขาย ธุรกิจพวกนั้นเป็นของเธอครึ่งหนึ่ง แต่ทุกคนทำเหมือนลืม ให้มิรินเข้าไปดูแลกับอัสนีโดยไม่มีเธออยู่ด้วย
โยธินบอกว่าอยากได้ที่ดินก็ต้องไปบุกเบิกเอาเอง โดยให้เธอเข้าไปอยู่ในไร่ที่รกไปด้วยต้นไม้ โดยมีพายุตามไปด้วย
ในค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เพราะเธอเอาแต่อยากเอาชนะ เลยทำให้เธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพายุ และเธอก็ล้มป่วย ออกมาจากไร่เธอจึงไม่ได้เจอเขาอีก
จนกระทั่งเธอคิดว่าการไปเรียนต่อคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เธอไม่อยากให้พายุมารับผิดชอบเพราะมันเป็นแค่อุบัติเหตุ เธอยั่วโมโหเขาเอง เขาเลยสติขาด
เธออยากหลบหน้าพายุ ดารินรู้อยู่แก่ใจ แต่โยธินก็ยังส่งเขามาดูแลเธอ
“ความจริงเฮียไม่เห็นต้องลำบากมาดูรินตามคำสั่งของเฮียโยก็ได้” ดารินพูดขึ้นในวันหนึ่งเมื่อเห็นพายุมารอเธออยู่หน้ามหาวิทยาลัย
“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร พอดีเฮียเข้าเมืองพอดี” เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ร่างสูงยืนพิงไปกับรถคันโตด้วยท่าทีสบาย ๆ
“อย่างนั้นเหรอคะ” ดารินเอ่ยถามออกไปอย่างน้อยใจ แต่คิดว่าเขาคงไม่รู้ เธอยอมรับว่าคิดถึงเขา แต่เขาแค่ผ่านมาเลยแวะมาดูให้จบ ๆ ไป เวลาโยธินถามจะได้ตอบได้ว่ามาแล้ว
“เรียนเป็นยังไงบ้าง” พายุเอ่ยถาม มองหญิงสาวที่ยังไม่ยอมขึ้นรถมากับเขานิ่ง
ดารินอยู่ในชุดนักศึกษาเช่นนี้ดูโตขึ้นมาก เธอเป็นสาวสวยคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ก็ดีค่ะ เฮียเจอรินแล้ว งั้นเราแยกกันตรงนี้นะคะ” เธอเดินหนี น้อยใจและไม่อยากเห็นหน้า แต่พายุรีบคว้าข้อมือเล็กเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“เฮียมีอะไรคะ” ดารินพยายามดึงข้อมือออกจากการเกาะกุม เขาจึงยอมปล่อย
“ทำไมต้องทำท่ารังเกียจเฮียขนาดนั้นด้วย เดินหนีทำไม”
“รินเปล่านะคะ แต่เฮียก็เห็นแล้วว่ารินโอเค ไม่เจ็บป่วยอะไร ก็กลับไปบอกเฮียโยได้แล้ว รินก็ว่าเราควรแยกย้าย”
“ยังเหมือนเดิม”
“อะไรที่บอกว่ายังเหมือนเดิมคะ”
“ยังกวนโมโหเหมือนเดิม ไหน ๆ เฮียมาแล้วเราไปกินข้าวกันหน่อยไหม” พายุเอ่ยถาม
“เฮียอยากกินข้าวกับรินเหรอคะ”
“เฮียหิว และอยากหาคนกินข้าวเป็นเพื่อน”
“แค่นั้นเองเหรอคะ”
“ตกลงจะไปไหม”
“รินจะกลับหอพักค่ะ” เธออยู่หอพักราคาประหยัด ไม่อยากอยู่คอนโดฯ หรูใกล้มหาวิทยาลัยที่ถูกจัดให้แต่แรก เพราะไม่อยากสร้างภาระให้โยธินหรือใครอีก
“เดี๋ยวก่อน” พายุรั้งข้อมือของดารินเอาไว้อีกครั้ง
“มีอะไรอีกคะ รินบอกว่าอยากกลับหอ”
“ถ้ายังขืนเรื่องมาก เฮียจะอุ้มรินยัดเข้าไปในรถ ก็เอาสิ คนหน้ามหาลัยจะได้มามุงดูเรา”
“อย่าค่ะ”
“งั้นก็ขึ้นรถไปกินข้าวกับเฮียดีๆ” พายุเปิดประตูรถให้หญิงสาว เธอจึงจำต้องขึ้นไปนั่งบนรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พายุขับรถพาดารินไปรับประทานอาหารร้านประจำของเขา เข้าเมืองทีไรเขาก็มักจะมากินอาหารร้านนี้