4
“เฮียยังอยู่ใช่ไหมคะ”
“ยังอยู่”
“เห็นเงียบไป โกรธเหรอคะ” คริมากัดปากตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกลัวเขาโกรธขนาดนี้
“ไม่ได้โกรธ” ปืนตอบสั้น ๆ
“ครีมเห็นเฮียเงียบไป”
“กำลังคิดตาม” เหตุผลของเขาทำให้เธอนิ่งเงียบไป
“นอนเถอะ” เขาพูดเหมือนตัดบท
“ค่ะเฮีย ฝันดีนะคะ” คริมาอวยพรให้เขาฝันดีก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
ปืนวางโทรศัพท์ไปที่หัวเตียง ก่อนจะนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เขาสะดุดหูกับประโยคของเธอ คริมาพูดถูกถึงความเหมาะสม แต่ใจเขานี่สิรักเธอเข้าให้แล้ว และหากใครคิดทำอะไรไม่ดีกับเธอ เขาพร้อมเสมอที่จะจัดการคนคนนั้นซะ โดยเฉพาะมารดาเลี้ยงของเธอที่ไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง
คริมาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นเป็นครั้งแรก อาจเพราะเธอไม่ต้องถูกปลุกให้ตื่นมาทำงานตั้งแต่ไก่โห่เหมือนวันก่อน ๆ แต่นั่นก็ทำให้เธอตกใจรีบดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว
ร่างน้อยของเด็กสาวรีบตาลีตาเหลือกออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงเช้าเข้าไปแล้ว
“เป็นอะไรของเรา วิ่งหน้าตาแตกตื่นออกมาจากห้องนอนแบบนี้” เสียงเข้มดุของมารดาเลี้ยงทำให้คริมาเบรกจนตัวโก่ง เธอหอบหายใจระรัวยิ่งกว่าวิ่งสี่คูณร้อยอาจเพราะตกใจที่เห็นมารดาเลี้ยงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“คือว่า เอ่อ... คือวันนี้ครีมตื่นสายน่ะค่ะ”
“ตื่นสายอะไรกัน นี่มันเพิ่งหกโมงเช้าเองนะ”
“แต่เวลานี้ครีมต้องลุกมากวาดบ้านถูบ้านเตรียมอาหารแล้วก็ทำงานบ้านนี่คะ” เป็นเวลาปกติที่เธอกำลังหัวหมุน ถ้าตื่นสายและไม่ทำตามที่มารดาเลี้ยงสั่งได้โดนด่าโดนตีแน่ ๆ
“ทำตอนกลางวันก็ได้ ไปล้างหน้าล้างตากินข้าวต้มสิ ฉันซื้อมาฝาก”
“คะ?” คริมาหลุดเสียงคล้ายอุทานออกมาเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง มารดาเลี้ยงนี่น่ะซื้อข้าวต้มมาให้เธอกิน หลังจากบิดาเสียชีวิตเธอก็ต้องนำเงินเก็บมาใช้ และรับจ๊อบทำงานไปทั่วเพื่อให้มีเงินเรียนหนังสือ เพราะมารดาเลี้ยงที่อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันนอกจากจะไม่ให้เธอเรียนหนังสือแล้วยังไม่ส่งเสียอีกด้วย เธอขอร้องปนอ้อนวอนว่าอยากเรียนอีกทั้งรับปากว่าจะช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง เธอจึงได้เรียนต่อ ซึ่งเหลืออีกแค่เทอมเดียวเท่านั้นถึงจะจบ มอ. หก
เธอจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เรียน ไปรยายอมให้เธอเรียนแต่จะไม่ส่งเสียใด ๆ ซึ่งเธอก็ไม่เคยหวังพึ่งพิงมารดาเลี้ยงของตัวเองอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้รักหรือเมตตาเธอ อีกทั้งเธอก็มองออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักบิดาของเธอจริงตั้งแต่แรกเช่นเดียวกัน
หล่อนเข้ามาในบ้านหลังนี้เพื่อหวังเงินทองและปอกลอกเท่านั้น
“ยืนเซ่ออยู่นั่นแหละ ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินข้าวต้มสิ แล้วก็ทำงานบ้านด้วย ปิดเทอมแล้วก็ต้องขยันทำงานอย่าขี้เกียจสันหลังยาว”
“ค่ะ” คริมารับคำ มารดาเลี้ยงยังเหมือนเดิมด่าว่าสั่งให้เธอทำงาน แต่ที่แปลกคือมีของกินมาให้เธอนี่สิ หรืออาจเพราะท่านสำนึกว่าไม่ควรทำไม่ดีกับเธอ เลยมาทำดีด้วยแบบนี้
ปืนเคยเตือนว่าไม่ควรไว้ใจไปรยา ดังนั้นเธอควรระวังไปรยาเอาไว้ให้มาก ถ้าอีกฝ่ายเกิดวางยาให้เธอตายขึ้นมาจะทำยังไง
คริมารีบอาบน้ำอาบท่าและแต่งตัวออกมากินข้าวต้มที่มารดาเลี้ยงซื้อให้ เธอชอบอาบน้ำตอนเช้า ๆ แบบนี้เพราะทำให้รู้สึกสดชื่น
“กินเสร็จแล้วทำงานบ้านด้วย น้าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย” ประโยคของมารดาเลี้ยงทำให้คริมาโล่งใจ เธอไม่กล้ากินข้าวต้มของคนตรงหน้าหรอก อาจเพราะคนเราไม่ได้ดีจริงแต่แรก จู่ ๆ มาทำดีด้วยอาจมีแผนการอะไรอย่างที่ปืนเตือนเอาไว้ก็ได้
ไปรยาออกไปแล้ว คริมาก็นำข้าวต้มนั้นไปทิ้งถังขยะ ไปรยาที่แอบมองอยู่ถึงกับกำหมัดแน่นเมื่อเห็นลูกเลี้ยงระวังตัวแจ และคิดว่าคนที่เสี้ยมสอนคริมาคงไม่ใช่ใคร
“ต้องเป็นไอ้ปืนแน่ ๆ” ไปรยาพูดออกมา แต่เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่อยู่ในบ้านแม้แต่น้ำในตู้เย็น เธอก็จัดการใส่ยานอนหลับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เผลอกินอะไรเข้าไป ก็หลับเป็นตายแน่ ๆ
คริมาหุงข้าวสวยร้อน ๆ และเจียวไข่กินเอง ไม่กล้ากินข้าวต้มของมารดาเลี้ยง การทำอาหารกินเองทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่า
“อิ่มจัง ทำงานดีกว่า” ถึงมารดาเลี้ยงไม่สั่งให้ทำงาน แต่เธอก็อยากกวาดบ้านถูบ้านทำความสะอาดอบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ อาจเพราะบ้านหลังนี้คือสถานที่ที่เธอพักอาศัยอยู่ตั้งแต่เยาว์วัยมันเป็นความทรงจำดี ๆ กับสถานที่แห่งนี้
คริมาหยิบน้ำจากตู้เย็นมาดื่ม ก่อนจะนำจานชามไปล้าง ไปรยาที่กำลังมองอยู่เหยียดยิ้มอย่างสะใจที่นังลูกเลี้ยงแสนฉลาดแต่ไม่เฉลียวดื่มน้ำในตู้เย็นเข้าไป มันคงคิดว่ามันรอดแต่มันก็ยังหน้าโง่เหมือนเดิมเหมือนพ่อมันไม่มีผิด
ไปรยาโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสาว ว่าให้ส่งรถมารับร่างอันไร้สติของคริมาได้เลย เพราะอีกฝ่ายโดนวางยาเรียบร้อยแล้ว ด้วยว่าเธอนั้นเคยทำงานขายตัวมาก่อน จึงรู้จักลูกค้าหนุ่มใหญ่วัยกลางคนหลายคนที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาววัยขบเผาะและยิ่งเวอร์จิ้นอยู่ยิ่งดี จะให้ราคาอย่างงาม แม้เธอจะไม่ได้กลับไปทำอาชีพเก่าแล้ว แต่ก็มีพวกพ้องที่จะติดต่อจัดหาเด็กสาวพวกนี้ให้แก่คนที่สนใจได้
“แกนึกว่าแกจะฉลาดกว่าฉันรึยังไงนังหน้าโง่เอ๊ย” ไปรยาไล้แก้มสาวไปมา ไม่นานรถตู้คันหนึ่งก็แล่นมาจอดหน้าบ้าน เธอเห็นปืนออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้า จึงเป็นทางสะดวกให้เธอจัดการคริมาได้อย่างง่ายดาย
“รีบไปเลย เดี๋ยวไอ้ปืนมันกลับมา ไอ้หมอนี่มันจ้องนังครีมอยู่ ถ้ามันกลับมามันต้องขัดขวางเราแน่ ๆ” ไปรยารีบพูดกับเพื่อนสาว
“ออกรถได้เลย” ได้ยินดังนั้นคนขับรถซึ่งก็คือผัวของสิตาแมงดาปีกทองของหล่อนก็รีบออกรถในทันที
สิตาขายตัวเหมือน ๆ กับไปรยาแต่หล่อนแตกต่างจากไปรยาตรงที่มีสามีที่เป็นแมงดาปีกทองคอยเกาะกินผลาญเงินสิตาเล่นอย่างสบายโดยไม่ต้องทำงานทำการอะไรให้เหนื่อย แค่ช่วยจัดหาเด็กสาวสด ๆ ซิง ๆ พาไปให้เศรษฐีกระเป๋าหนักเท่านั้น
“คนนี้มีเงินแน่ใช่ไหม ไม่ใช่อยากได้เด็กแล้วขี้เหนียวนะ” ไปรยาเอ่ยถามสิตา อีกฝ่ายเป็นเพื่อนโสเภณีที่รู้จักกันมานาน
“คนนี้มีเงิน กระเป๋าหนักแน่ ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนหลอกเหมือนคราวก่อน นี่ส่วนแบ่งสำหรับเธอ เขาให้เงินฉันมาแล้ว” สิตายื่นเงินปึกใหญ่ให้ไปรยา ไปรยารับไปถือเอาไว้พลางตาโต
“ยังไม่เห็นสินค้าจริง ๆ จ่ายเงินมาขนาดนี้แล้วเหรอ”
“ใช่จ้ะ แค่เห็นรูปถ่ายนังลูกเลี้ยงของเธอ เขาก็ถูกอกถูกใจใหญ่ บอกว่าต้องการคนนี้ไม่เอาคนอื่น แถมยังควักเงินจ่ายไม่อั้น”
“เธอไปรู้จักลูกค้าคนนี้ได้ยังไงกัน”
“เขาเป็นน้องชายคนดังของจังหวัด แต่ชอบเก็บเนื้อเก็บตัว มีลูกค้ารายเก่า ๆ ที่ใช้บริการซื้อเด็กของฉันแนะนำมา บอกว่าเขาอยากได้เด็กสด ๆ ซิง ๆ เหมือนกัน”
“ดีจริง เจอเศรษฐีกระเป๋าหนักยอมจ่ายไม่อั้น ไม่ใช่บางคนที่อยากได้แต่ไม่ยอมควักหรือขี้เหนียวเหลือทน” ไปรยาบ่นแต่ไม่จริงจังนัก นั่งนับเงินอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่รถตู้จะเลี้ยวเข้าไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง
“ฉันเปิดห้องเอาไว้แล้ว เดี๋ยวพานังลูกเลี้ยงของเธอเข้าไปนอนรอได้เลย ลูกค้าบอกว่าห้องหนึ่งศูนย์ห้า เดี๋ยวเราก็ออกมานั่งกินกาแฟรออยู่แถวนี้แหละ เสร็จกิจแล้วค่อยหิ้วนังลูกเลี้ยงของเธอกลับ”
“ได้ ๆ” คนพูดรีบช่วยประคองร่างที่สลบไสลไม่ได้สติลงไปจากรถ แล้วให้ประเทืองผัวแมงดาของสิตาอุ้มร่างของคริมาเข้าไปด้านใน