[2/1]
[2/1]
สองสาวได้ขับรถมาถึงร้านกาแฟริมชายหาดบางแสนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าจะมาถึงก็ตากแดดตากลมกันนานทีเดียว หากไม่มีเสื้อและกางเกงที่ปกปิดมิชิดได้ขนาดนี้มีหวังคงตัวไหม้เกรียมกันไปหมด
แฟนท์พาขนมผิงเดินเข้ามาในตัวร้านที่ตกแต่งเขากับสไตล์มินิมอลตามเทรนด์ปัจจุบันนี้มาก
ตรงข้ามกับร้านกาแฟแห่งนี้ยังเป็นชายหาดยาวไปจนถึงอีกฝั่งหนึ่งของหาดที่อยู่ติดกัน
ขนมผิงไม่เคยมาร้านนี้เลยเพราะแฟนท์เองก็บอกแล้วว่ามันเพิ่งจะเปิดใหม่ได้ไม่นาน
แต่ดูจากทรงแล้ววันนี้ไม่รู้ว่าจะมีที่นั่งพอสำหรับสองคนนี้อยู่หรือไม่ เพราะผู้คนเนืองแน่นเต็มร้านขนาดนี้ ก็อย่างว่าแหละช่วงเปิดใหม่ใคร ๆ ก็อยากมาลองเป็นธรรมดา
“ร้านนี้หรอ?” ผิงถามแฟนท์ที่พาเดินเบียดผู้คนเข้ามาถึงหน้าเคาท์เตอร์ของร้านได้
“ใช่ ร้านนี้แหละ”
“สวัสดีค่ะรับอะไรดีคะ?”
“มัจฉะปั่นหวานน้อยค่ะ // กับอเมริกาโน่เย็นแก้วนึงค่ะ”
เมื่อมีพนักยืนรับออเดอร์อยู่ที่ตรงนั้น ทั้งคู่ก็รีบส่งทันทีก่อนจะรีบออกไปหาโต๊ะนั่ง เพราะกลัวว่าจะเต็มหมดซะก่อน
คนรอสั่งด้านหลังยังมีอีกมากหากไม่รีบจับจองตอนนี้อาจจะได้สั่งกลับบ้านแทนที่จะได้นั่งแอร์เย็น ๆ ให้หายเหนื่อย
“นี่ ๆ มุมนี้เลยมึง เหมาะกับการถ่ายรูป”
“เออๆ” ผิงเหมือนเป็นเด็กที่มีแฟนท์คอยดูแลพาไปนู่นมานี่ด้วยตลอด และมันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันแล้ว
ทั้งสองสาวนั่งเล่นโทรศัพท์และผลัดกันถ่ายรูประหว่างรอเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ โดยไม่ได้สนใจใครในร้านเท่าไหร่
เพราะถ้าหากมองก็คงตาลายไปหมดในเมื่อคนเยอะขนาดนี้ และยิ่งถ้าจะลุกขึ้นไปถ่ายมุมอื่นก็กลัวว่าพื้นที่ตรงนี้จะถูกคนอื่นมานั่งแทน
“มัจฉะปั่นหวานน้อยกับอเมริกาโน่เย็นได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“โอ้โห... น่ากินนะเนี่ย”
“ถ่ายรูปก่อนอย่าเพิ่งกิน” จากที่แฟนท์กำลังจะเสียบหลอดส่งแก้วอเมริกาโน่ของตัวเองแล้วยกขึ้นมาดื่ม กลับต้องโดนผิงห้ามเอาไว้ก่อนเพราะยังไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เลย
“แล้วนี่แฟนมึงไม่กลับมาด้วยหรอ?” แฟนท์ได้ติดต่อกับผิงบ่อยครั้งในช่วงที่เรียนมหา’ ลัยอยู่ จึงรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอคนนี้มีหนุ่มเข้ามาดูแลหัวใจอยู่แล้ว
แฟนท์เคยขึ้นไปเที่ยวเหนืออยู่ครั้งสองครั้ง ในช่วงที่ยังว่างอยู่และไม่ได้กลับมาบ้านที่ชลบุรี แต่เลือกที่จะไปเที่ยวเหนือหาขนมผิงแทน จึงได้เจอหน้าแฟนหนุ่มของเพื่อนตัวเองแล้ว
“เขาก็กลับบ้านตัวเองสิ ได้ข่าวว่าต้องช่วยงานที่โรงงานของครอบครัวเขาต่ออ่ะ”
“หรอวะ ...งั้นมึงก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วอ่ะดิ?”
“บ้านเขาอยู่ตั้งกรุงเทพฯ ถ้าว่างจากงานเสาร์อาทิตย์ถึงจะมาหากูที่นี่แหละ แต่พรุ่งนี้ก็คงจะมา”
“เออๆ” แฟนท์พยักหน้าเข้าใจกับสิ่งที่เพื่อนบอก ก่อนจะนั่งรออีกคนถ่ายรูป กว่าจะได้กินกาแฟก็คงชืดหมดแล้ว
จากนั้นขนมผิงลงมือถ่ายรูปอยู่แบบนั้นเกือบ ๆ 2 นาทีได้ แต่กระนั้นก็ยังถ่ายไม่สะใจเท่าที่ควร ลงทุนตากแดดมาไกลถึงที่นี่ทั้งที จะมาถ่ายมุมเดียวซ้ำ ๆ แบบนี้มันไม่ได้
“มึง... กูอยากถ่ายมุมอื่น” ผิงเงยหน้ามาบอกเพื่อน
“ไปถ่ายไหนอีก? ลุกไปเดี๋ยวก็มีคนมานั่งหรอก”
“เราก็เอาของวางไว้ก่อนสิ ไม่ได้ไม่มีใครมานั่ง”
“เอางั้นหรอ? เออๆ ๆ ก็ได้”
จากนั้นทั้งคู่ก็วางเสื้อคลุมแขนยาวที่นำมาด้วยก่อนหน้านี้วางไว้ที่เก้าอี้คนละตัว ก่อนจะลุกออกไปถ่ายอีกมุมที่ข้างนอกร้าน
เพราะหากวางกระเป๋าไว้แทนก็กลัวว่าจะมีใครหยิบจับมันไปและอาจจะซวยได้
“นี่ ๆ มุมนี้เลยมึง ถ่ายแบบให้กูสูง 180 ไปเลยนะ” ขนมผิงส่งเพื่อนสาวคนสนิทที่ยืนถือสมาร์ตโฟนเครื่องหรูสีเซียร่าบลูแบรนด์ผลไม้ชื่อดังเจ้าหนึ่งอยู่
แฟท์และผิงผลัดกันถ่ายรูปอยู่ด้านนอกร้านเป็นเวลานานมากเลยทีเดียว โชคดีที่ทั้งคู่ถือเครื่องดื่มของตัวเองออกมาด้วยจึงพอให้ดื่มคลายร้อนได้ หนำซ้ำยังใช้มันเป็นพร๊อบได้ดี
หลังจากที่ถ่ายเสร็จกันไปหลายแล้วรูปแล้วก็ถึงเวลากกลับเข้าไปนั่งตากแอร์เย็น ๆ ด้านในร้าน ทว่าพอเดินมากันที่โต๊ะนั่งในตอนนี้กลับมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งแทนที่ของผิงและแฟนท์ไปแล้ว
“ไอ้ผิง... เห็นไหมว่ามีคนมานั่งแทนที่เราจริงๆ”
แฟนท์คิดไว้แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่ถ้าผิงนั่งอยู่โต๊ะตั้งแต่แรกป่านนี้ก็ไม่ต้องโดนแย่งโต๊ะไปหรอก
“อะไรกัน ก็เราเอาของวางไว้บนโต๊ะแล้วนี่... พวกเขาก็น่าจะเห็นป้ะว่ามีคนจองแล้ว”
“เขาอาจจะไม่รู้รึเปล่าวะมึง?”
หมั่บ!!
ผิงสะบัดแขนออกจากมือเรียวบางของเพื่อนสนิท พลางโมโหที่มีคนมาแย่งที่นั่งของตัวเองไป ทั้งที่เสื้อของพวกเธอก็วางเอาไว้ที่นั่นแท้ๆ
“จะรู้หรือไม่ก็ช่างแม่ง เดี๋ยวกูเดินไปคุยเอง ...แม่งจะมาแย่งโต๊ะกันแบบนี้ได้ไง กูอุตส่าห์ทำสัญลักษณ์จองเอาไว้แล้วนะ”
“เฮ้ยๆ ๆ ไอ้ผิง มึงใจเย็น ๆ ก่อนเว้ย เอ้า... รอกูด้วย”
แฟนท์ห้ามผิงไม่ทันเอาซะแล้ว ในเมื่อเพื่อนเดือดขึ้นแบบนี้เธอรู้ดีว่าผิงเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองแค่ไหน และเรื่องแบบนี้มีหรือที่ผิงจะยอม
ทั้งคู่เดินมาที่โต๊ะซึ่งตรงหน้าผิงมีผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งตักเค้กทานอยู่
ส่วนผู้ชายอีกคนใส่หมวกนั่งหันหลังให้ผิงและแฟนท์อยู่ จึงมองเห็นหน้าได้ไม่ชัด
“นี่คุณ! มาคุยกันหน่อยดิ”
“?” ผู้หญิงที่นั่งหันหน้าเข้าหาผิงกับแฟนท์ เธอเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อได้ยินผิงพูดจาเสียงดังขึ้น
“มีอะไรหรอครับ?”
ไม่เพียงแค่ผู้หญิงหน้าสวยคนนั้นสนใจเสียงของผิง ทว่าชายหนุ่มอีกคนที่มาด้วยกันกับเธอก็ยังหันมามองทางคนพูดอีกด้วย
“ไอ้ผิง! 0_0” แฟนท์เขย่าแขนเพื่อนอย่างแรง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“….”
แผ่นหลังแกร่งที่เธอรู้สึกคุ้นตาค่อย ๆ หันหน้ามาทางพวกเธออย่างช้าไป จนเมื่อได้เห็นหน้าชัดเจนแล้ว ถึงกับทำเอาสองสาวที่เดินเข้ามาถึงกับอึ้งและอ้าปากค้างไปตาม ๆ กันเลย
“หึ” แต่อีกคนที่หันหน้ามานี่สิ เขาไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร หนำซ้ำยังยกยิ้มมุมปากให้อีกคนด้วย
นานเท่าไหร่แล้วที่ผิงไม่ได้เจอกันกับผู้ชายตรงหน้าคนนี้เลย ตั้งแต่ที่จบมอต้นเขาก็เข้าเรียนมหา’ ลัยพอดี จนตอนนี้ผิงเรียนจบปริญญาตรีแล้วถึงได้เจอกัน 7 ปีได้แล้วมั้งกับรักแรกของเธอในสมัยยังเป็นเด็ก
แม้ว่าฉีจะเปลี่ยนไปมากแทบจำไม่ได้ แต่เคล้าหน้าเดิมยังคงพอมองออกอยู่
เดิมทีตอนมัธยมฉีเป็นคนตัวสูงและก็ผอมเลยดูเก้งก้างไปหมด แต่ตอนนี้ไม่ผอมเหมือนเดิมแล้วแถมยังตัวใหญ่ขึ้นตั้งเยอะ
เขาดูมีเนื้อหนังมากขึ้น ใบหน้าคมมีสดูัดส่วนชัดเจนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวม ๆ แล้วเขาดูดีกว่าแต่ก่อนมากเลยทีเดียว อาจจะใช้คำว่าหล่อเลยก็ได้หล่อจนคนที่ตั้งใจจะโวยวายถึงกับมองค้างกลางอากาศอยู่แบบนี้ได้ และการปรากฏตัวของเขาในวันนี้ ทำเอาสองสาวที่ตั้งใจจะเดินเข้ามาทักท้วงเรื่องที่นั่ง ถึงกับสะตั๊นไปตาม ๆ กันเลย