บท
ตั้งค่า

[1/3]

[1/3]

วันนี้หลังจากที่เฮียส้งและเพ็ญพรออกไปขายของที่ร้านแล้ว ขนมผิงจึงได้แต่นอนดูทีวีอยู่ที่บ้านตามลำพัง เพราะไม่สามารถออกไปไหนได้ รถฟีโน่คันโปรดของตัวเองก็เข้าอู่ซ่อมไปแล้วด้วย ดังนั้นจึงได้แต่นอนเปื่อยอยู่แบบทั้งวัน

จนกระทั่งเป็นเวลาเที่ยงขนมผิงเริ่มจะหิวข้าวแล้ว ก่อนจะเดินเข้าไปดูของกินในครัวที่เพ็ญพรจัดเตรียมเอาไวให้ตั้งแต่ตอนเช้าก่อนจะออกจากบ้านไป

“อะไรเนี่ย!? ….แกงจืด?”

มือบางเปิดฝาชีที่ครอบอาหารเอาไว้อยู่ ปรากฏว่าอาหารที่เพ็ญพรทำเอาไว้ มีเพียงแค่แกงจืดและข้าวสวยเพียงเท่านั้น

อะไรกัน ลูกอยู่บ้านทั้งทีให้กินดีอยู่ดีหน่อยก็ได้ป้ะ? จะให้ลดหุ่นหรือยังไง?

“โอ๊ย! แม่นะแม่”

บ่นไปแบบนั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ถ้าออกไปไหนมาไหนตอนนี้ได้ก็ดีสิ หน้าปากซอยก็คงจะมีของกินเยอะแยะเหมือนเดิม

หรือจะข้ามไปอีกฝั่งถนนแถว ๆ บ้านแฟนท์ก็มีร้านของกินมากมายเลย

จริงสิ…. ไอ้แฟนท์มันต้องมีรถมารับเราแน่ ๆ

คิดได้ดังนั้นแล้วขนมผิงจึงไม่รีรอรีบต่อสายหาเพื่อนสนิทของตัวเองเลยทนที

ผิงลืมคิดไปเลยว่าแฟนท์ก็คงจะมีรถพอที่จะมารับเธอถึงที่บ้านได้ เพราะบ้านของผิงเป็นบ้านสวนอยู่ท้ายซอยเลย

ซึ่งการที่จะเดินออกไปนั่งวินมอเตอร์ไซต์ที่อยู่ตรงหน้าปากซอยคงจะเป็นได้ยาก

ด้วยอากาศช่วงกลางวันที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้จ้างให้เธอก็ไม่ยอมเดินเป็นกิโลฯ ไปถึงหน้าซอยหรอก

ติ๊ด!

“ฮัลโหล... ไอ้แฟนท์มึงอยู่บ้านป่าว?”

(เอออยู่ ๆ ว่าไงมึง?)

“มารับกูไปกินข้าวหน่อย กูไม่มีรถ”

(แล้วรถมึงไปไหน?)

“ส่งซ่อมดิ ไม่ได้ใช้งานมันหลายปีแล้ว มาเร็ว ๆ นะ หิวมากกก”

(เออ ๆ 10 นาทีถึง ใส่เสื้อแขนยาวแปบ... แดดแม่งร้อนฉิบหาย)

“เคๆ”

จากนั้นผิงก็รีบแต่งตัวรอเพื่อนมารับเลยทันที แดดข้างนอกร้อนมากอย่างที่แฟนท์บอก ทว่าด้วยความเป็นคนขี้ร้อนและกลัวดำอยู่แล้วผิงจึงเลือกที่จะหยิบใส่กางเกงวอร์มกับเสื้อแขนยาวเอาไว้ก่อน

เสร็จเรียบร้อยดีแล้วจึงลงมาจากบ้านแล้วมานั่งรอเพื่อนสนิทอยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน

ปี๊บบบๆ ๆ ~~~

ปื้นๆๆ

“มาแล้วจ้า คุณนาย.. อิฉันมารับเสด็จถึงที่แล้วเพคะ”

เสียงบีบแตรมาพร้อมกับเสียงบิดรถจักรยานยนต์คันคู่ใจของแฟนท์ ที่ขับเข้ามาจอดถึงหน้าบ้านผิงในตอนนี้

อันที่จริงแฟนท์แทบไม่ต้องบีบแตรรถเลยก็ได้ เพราะลำพังเสียงตะโกนร้องของเธอ มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผิงได้ยินการมาของเพื่อนแล้ว

“นี่ถ้าใครไม่รู้ คิดว่ากูกับมึงนัดกันแต่งตัวนะเนี่ย”

พอผิงเดินมาถึงรถของเพื่อนสนิทก็เห็นอีกคนแต่งตัวคลุมหน้าคลุมตาไปหมดเลย เช่นเดียวกันกับตัวเองราวกับนัดมาก่อนล่วงหน้าแล้ว

“เออนั่นสิ... ป่ะ! ขึ้นรถกูร้อนจะตายห่า”

แฟนท์เองก็มองชุดที่เพื่อนใส่วันนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ตกใจหรือแปลกใจอะไร เพราะพวกเธอทั้งคู่ก็มีรสนิยมการแต่งตัวแนวเดียวกันอยู่แล้ว

“กินร้านไหนดีวะ?”

“หน้าซอยไง ง่ายดี... สะดวกด้วย”

“เออ ๆ แล้วแต่ กูหิวแล้ว ป่ะ!”

ตอนนี้ทั้งคู่มาถึงหน้าปากซอยแถวบ้านแล้ว ร้านอาหารที่แฟนท์พาขนมผิงมาทานในมื้อเที่ยงของวันนี้ คือร้านผัดไทยเจ้าดังที่เปิดมานานตั้งแต่สมัยที่ผิงและแฟนท์ยังเรียนอยู่มัธยมด้วยกันทั้งคู่

ทุกอย่างหน้าซอยมีหลายอย่างที่ยังอยู่เหมือนเดิมอย่างเช่นผัดไทยร้านนี้

ทว่ายังมีสิ่งใหม่แปลกตาอยู่บ้าง อย่างเช่นร้านตรงข้ามกับผัดไทร้านนี้ไง ที่ตอนนี้มีอู่ซ่อมรถร้านใหญ่กินเนื้อที่หลายตารางวาเลย

ไม่รู้ว่าถูกปลูกสร้างตั้งแต่ตอนไหน ก่อนจะย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ผิงยังจำได้อยู่เลยว่าพื้นที่ตรงนั้นมันเคยเป็นร้านหมูกระทะอยู่

“ร้านนี้สร้างตอนไหนวะ? แต่ก่อนตรงนั้นกูกับมึงยังมานั่งกินหมูกระทะด้วยกันอยู่เลยว่ะ” ขนมผิงนั่งครีบผัดไทยเข้าปากไม่หยุด กระนั้นยังอุตส่าห์คุยกับเพื่อนได้อยู่

“กูกับมึง...และก็เฮียฉีของมึงด้วย”

“เออ นั่นแหละ”

แฟนท์ทวนความจำผิงให้รู้อีกครั้งว่าที่เคยมาทานหมูกระทะเจ้าโปรดด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน ผิงไม่ได้แค่มากับแฟนท์สองคนแต่ยังมีใครอีกคนที่มาด้วยกันเป็นประจำ

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอู่ซ่อนรถอยู่แถวนี้ด้วย อย่าลืมนะมึงว่ากูเองก็เพิ่งกลับมา และก็ไม่ค่อยกลับมาบ้านด้วย”

“ช่างแม่งเถอะ รีบกิน ๆ กูอยากจะไปนั่งร้านคาเฟ่แถวนี้อ่ะ มีแนะนำป้ะ?”

“จริง ๆ กูมีร้านนึงนะ เห็นในเพจอ่ะ แต่แม่งไกลสัส... อยู่ตั้งบางแสน”

ก่อนหน้านี้หลายวันแฟนท์เห็นร้านคาเฟ่เปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่ง ทว่ามันไกลจากแถวบางพระไปอีกตำบลหนึ่งซึ่งอยู่ติดกัน

“เอาดิ อยากไปก็ไป มึงดูชุดเราตอนนี้... แดดร้อนขนาดไหนก็เอาอยู่”

ผิงบอกเพื่อนไปแบบนั้น เพราะถ้าเรื่องกินต่อให้อยู่ไกลหรือแดดร้อนแค่ไหน ถ้าอยากกินก็ต้องได้กิน

อีกอย่างถ้าจะไปตอนนี้ก็ไม่กังวลอะไร เพราะทั้งคู่ก็ใส่ชุดกันแดดมิดชิดขนาดนี้แล้ว มันก็ไม่ยากหากจะไปกัน

“เออจริง แม่งห่อเป็นมัมมี่ขนาดนี้ ฮ่าๆๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel