[1/1]
[1/1]
(ปัจจุบัน)
แคร่กก ๆ ~~
ปรึ๊นน
...แคร่กก~~~
“โอ๊ยผิง ถ้ามันจะสตาร์ทไม่ติดขนาดนั้นทำไมไม่ไปร้านซ่อมล่ะลูก”
เสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ฟีโน่คันคู่ใจของขนมผิงที่ใช้มันมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว และตอนนี้เธอเองก็เพิ่งจะเรียนจบมหา’ ลัยมาหมาดๆ
รถคันนี้มันไม่ได้ถูกใช้งานมาหลายปีแล้ว จึงสตาร์ทติด ๆ ดับ ๆ อยู่แบบนี้
เป็นเวลาเกือบชั่วโมงได้แล้วที่เพ็ญพรนั่งมองลูกสาวตัวเองอยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านแบบนี้
ลูกสาวตัวดีของเธอเพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ 2 วัน ก็เกิดนึกอยากแว๊นอะไรขึ้นมาตอนนี้ไม่รู้
รถคันนี้มันถูกจอดไว้นานสี่ปีแล้วตั้งแต่ที่ลูกสาวของเธอไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ บ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครแตะต้องมันอีกเลย
ปกติเพ็ญพรกับพ่อของขนมผิงก็ใช้รถยนต์ตลอดอยู่แล้ว ถ้าลูกสาวไม่กลับมาภายในปีนี้เธอก็คิดอยู่ว่าจะขายเพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้งานเลย
และขนมผิงเองไปเรียนที่นั่นตั้งหลายปีก็ไม่เคยกลับมาบ้านเลย ตอนแรกเพ็ญพรบอกให้ลูกสาวเอารถคันนี้ไปขับที่นั่นด้วย แต่ก็ไม่ได้เอาไปใช้ด้วยเลย
ที่ไม่ให้ก็เพราะเฮียส้งกลัวเรื่องอุบัติเหตุอันตรายเกิดขึ้นกับลูกสาวคนเดียวของเขา ด้วยความที่ขนมผิงชอบทำอะไรแล้วไม่เคยรอบคอบสักอย่าง วัน ๆ แค่อยู่บ้านเฉย ๆ ยังได้แผลเลย
นี่ถ้าปล่อยให้ไปแว๊นไกลถึงเชียงใหม่ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาคนทางนี้ก็ไปช่วยได้ไม่ทันอยู่แล้ว
“แต่เมื่อเช้าผิงบอกให้เตี่ยซื้อน้ำมันมาเติมแล้วนะจ๊ะ”
ตอนเช้าขนมผิงได้บอกให้ ‘เฮียส้ง’ พ่อของเธอออกไปซื้อน้ำมันมาเติมใส่มอเตอร์ไซต์คันนี้ให้แล้ว
เข็มมันก็ยังชี้บอกว่าเต็มถังอยู่เลย ทว่าพอลองสตาร์ทมาเป็นเกือบชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ติด
“เครื่องมันน็อคแล้วมั้งลูก จอดทิ้งไว้เป็นปีแล้ว”
“แต่ผิงอยากขับหนิม๊า”
วันนี้ขนมผิงตั้งใจไว้แล้วว่าจะขับรถออกไปหาแฟนท์เพื่อนสาวคนสนิท เพราะได้ข่าวว่าแฟนท์ก็เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วันเหมือนกันกับเธอ
ขนมผิงและแฟนท์เพิ่งจะแยกจากกันเมื่อตอนที่ต่างคนต่างเข้ามหาวิทยาลัยไป ทั้งคู่เรียนกันคนละที่เลย
คนหนึ่งไปเรียนภาคเหนือส่วนอีกคนก็เข้ากรุงเทพฯ ไป พอกลับมาอยู่บ้านเหมือนกันก็อยากจะออกไปเจอกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“แล้วจะออกไปไหนล่ะ? รอเตี่ยกลับมาจากร้านก่อนแล้วค่อยบอกให้เขาพาไปก็ได้นี่”
“โอ๊ยยยย ไม่เอาหรอกม๊า.... กว่าเตี่ยจะปิดร้านก็เย็นพอดี ผิงอยากจะไปหาเพื่อนตอนนี้”
ในทุก ๆ วันเตี่ยกับม๊าของขนมผิงจะไปขายของที่ร้านแถวตลาดหนองมนเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ 2 วันมานี้ตั้งแต่ที่เธอกลับมาอยู่บ้าน เพ็ญพรก็ไม่ได้ไปช่วยสามีขายของที่ร้านเลย โดยอ้างว่าอยากอยู่กับลูกให้หายคิดถึง
งานนี้ส้งเลยลุยเดี่ยวขายบะหมี่ชามเด็ดของตัวเองไปคนเดียว ปล่อยให้แม่ลูกเขาได้อยู่ด้วยกันบ้างก็ดี
“มาถึงไม่กี่วันบ้านช่องไม่รู้จักอยู่เลยนะ” เพ็ญพรมองค้อนใส่ลูกสาว เธออุตส่าห์อู้งานที่ร้านมาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนลูกที่บ้าน แต่ลูกดันอยากออกไปนอกบ้านแล้วจะทิ้งเธอให้อยู่กับแมวซะอย่างงั้น
“ม๊าก็...” ขนมผิงเถียงเพ็ญพรไม่ออกเลย จริง ๆ ก็คิดถึงครอบครัวตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้มันคันปากอยากไปเม้ากับเพื่อนตัวเองก่อน
“ถ้ารีบขนาดนั้นก็เข็นไปหน้าปากซอยนู้น”
“หน้าซอยเรามีร้านซ่อมด้วยหรอม๊า?”
“มีสิ อยากไปก็เข็นเอาเองแล้วกัน ม๊าไปอาบน้ำให้ไอ้แปะก๊วยแล้ว” ว่าจบเพ็ญพรก็ลุกขึ้นเดินสบัดก้นเข้าไปในบ้านเลย เพราะน้อยใจที่ลูกสาวอยากจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ยอมอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอ
สี่ปี ที่ขนมผิงไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแถวภาคเหนือแล้วไม่ยอมกลับบ้านเลย แม้กระทั่งช่วงปิดเทอมเองก็ตาม
โดยอ้างว่าอยากทำงานพาร์ทไทม์แถวนั้นต่อ เพราะอยากเก็บเงินให้เป็นค่าขนมให้ได้เยอะ ๆ เตี่ยกับม๊าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหาเงินส่งเรียน
ทั้ง ๆ ที่เงินที่พวกเขาหามาได้ ก็เต็มใจให้ลูกสาวใช้ได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ไม่ได้ลำบากอะไรหากจะส่งเสียเลี้ยงดูลูกคนนี้เลยด้วยซ้ำ
เพ็ญพรรู้ดีว่าที่ไม่อยากกลับมาบ้านเป็นเพราะเรื่องอื่นมากกว่า
หลังจากที่เพ็ญพรเดินหายเข้าไปในบ้านแล้ว ขนมผิงก็ยืนงง ๆ อยู่ข้างรถคันโปรดของตัวเองอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับเจ้ารถตัวปัญหาคนนี้ต่อไปดี
“ร้อนขนาดนี้ใครมันจะบ้าเข็นไปหน้าปากซอยตั้งไกลวะเนี่ย ...ไอ้รถเวรเอ๊ย!”
ปั่ก!!
“โอ๊ยย!! อั่ก! เจ็บๆ ๆ ไม่เข็น... ไม่ไปไหนแล้วก็ได้วะ! ไว้พรุ่งนี้ค่อยให้เตี่ยเอาไปซ่อมให้ก็แล้วกัน”
ยืนบ่นกับรถยังไงให้เจ็บตัว คำตอบคือยืนยังไงก็ได้ขอแค่คนที่ยืนเป็นขนมผิงคนนี้ ความเจ็บและบาดแผลพร้อมมาเยือนได้เสมอ
รถมันก็จอดอยู่นิ่ง ๆ ของมันแล้ว แต่ดันไปเตะเข้าให้ตัวเองเจ็บตัว
เพราะแบบนี้ไงเฮียส้งถึงไม่อยากให้ลูกไปไหนไกลหูไกลตา
ขนาดตอนไปเรียนเชียงใหม่ส้งและเพ็ญพรยังเทียวนั่งเครื่องไปหารายอาทิตย์เลย จนแทบจะเป็นลูกค้าวีไอพีของสายการบินบางเจ้าได้อยู่แล้ว