บทนำ
บทนำ
‘เฮียสอบติดแล้วนะผิง เย็นนี้ไปเลี้ยงฉลองกันหน่อยไหม?’
‘จริงหรอเฮีย เย้ๆ ๆ ....ดีใจด้วยนะ แฟนผิงเก่งที่สุดเลยยย’
‘อีกหน่อยก็คงต้องย้ายไปอยู่หอแล้วล่ะ’
‘……’
‘ไม่เอาหน่า สัญญาว่าเฮียจะกลับมาหาบ่อย ๆ เลย’
‘จริง ๆ นะ’
‘จริงสิ หึหึ ...เป็นเด็กดีและก็ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม?’
‘เฮียสัญญานะ ว่าจะโทรคุยกับผิงทุกคืนก่อนนอน’
‘สัญญาสิ ต้องโทรมาอยู่แล้ว’
‘ถ้าเฮียเรียนอยู่ใกล้บ้านก็ดีสิ เราจะได้เจอกันทุกวัน’
‘พอถึงช่วงวัยหนึ่ง เราก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต ไปทำตามความฝันของตัวเองก่อน.... แล้วค่อยกลับมาเจอกันอีกครั้งไง พอถึงวันนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันนานเลย’
‘ผิงรักเฮียนะ ฮึกก~’
‘เฮียก็รักผิง ไม่งอแงนะ โอ๋ๆๆ’
บรรยากาศยามเย็นหลังเลิกเรียน ในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะค่อย ๆ ลับหายไปแบบนี้ มีเด็กสาวเพื่อนซี้สองคนยังอยู่ในชุดนักเรียนมอปลาย ปล่อยเสื้อลอยชายนั่งเล่นอยู่แถวบริเวณอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
อ่างเก็บน้ำบางพระสถานที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาสูดอากาศบริสุทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ บางคนมาเพื่อชมบรรยากาศ บางคนก็มาวิ่งออกกำลังกายหรือแม้กระทั่งนำจักรยานมาปั่นแถวนี้ก็มี
รวมทั้งเด็กสาวมัธยมปลายสองคนที่นั่งหย่อนก้นชมความงามของธรรมชาติสรรค์สร้างที่แนวตั้งรับของสันเขื่อน
“นั่งหงอยเป็นแมวซึมเศร้าอะไรอีกล่ะมึง?” เพื่อนซี้ที่นั่งข้าง ๆ กันอีกคนมานาน สังเกตใบหน้าบูดบึ้งของเพื่อนมานานแล้วตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน
“เปล่า” ขนมผิงตอบเพื่อนไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่สีหน้ามันฟ้องว่าเธอกำลังคิดวกวนอยู่กับเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ ตั้งแต่เปิดเทอมมาได้ไม่กี่วันแล้ว
ขนมผิงกับแฟนท์เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่อนุบาลแล้ว ไม่ว่าจะทุกวัยไหนสองคู่ก็จะไปเรียนที่เดียวกันเสมอ จนกระทั่งเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายก็ยังเรียนที่เดียวกันอยู่เหมือนเดิม
“แน่หรอวะ? เอาดีๆ”
“ก็ไม่มีอะไร”
“อืม... ไม่มีก็ดีแล้ว” แฟนท์พอจะเดาได้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเองกำลังนั่งคิดเรื่องอะไรอยู่ ทว่าก็ไม่อยากจะเซ้าซี้เพื่อนให้รำคาญ
ทั้งคู่นั่งเหม่อมองวิวรอบอ่างไปอย่างนั้นเป็นเวลาเกือบ ๆ ชั่วโมงได้ ตั้งแต่ลงจากรถรับส่งนักเรียนได้ ก็พากันขับรถจักรยานยนต์มาที่นี่เลย
โชคดีที่จอดรถไว้หน้าปากซอยแถวบ้าน เลยไม่ต้องแวะเข้าบ้านให้ใครเห็น ไม่อย่างนั้นก็คงจะโดนใช้งานให้ช่วยขายของที่ร้านต่อแน่ ๆ
“อีกไม่กี่วันเราจะสอบเสร็จกันแล้วนะเว้ย มึงไม่ดีใจหน่อยหรอวะ? เราจะได้ไปเรียนมหา’ ลัยแล้วนะ อิสระใกล้เราเข้ามาทุกทีแล้วนะเว้ยผิง”
“อืมมม” ขนมผิงพยักหน้ารับเบา ๆ ตอบเพื่อน
“แล้วนี่มอที่มึงยื่นสมัครไป เขาประกาศผลยังวะ?”
“ยัง”
“ขอให้มึงติดที่นั่นเถอะ อย่างน้อยมึงก็ได้เจอเฮียฉีอีกตั้งหนึ่งปีเลยนะ”
เฮียฉีที่แฟนท์กำลังพูดถึงอยู่ก็คือแฟนของเพื่อนสนิทคนข้าง ๆ นี้ ขนมผิงคบกับชายหนุ่มรุ่นพี่ที่โรงเรียนอยู่คนหนึ่ง
ซึ่งห่างกับเธอ 3 ปี เธอคบกับเขามาได้ 3 ปี จากนั้นพอขึ้นมอปลาย แฟนหนุ่มของขนมผิงก็เข้ามหา’ ลัยไปแล้ว ถ้าหากขนมผิงสอบติดที่เดียวกันกับฉีเรียนอยู่ ขนมผิงก็จะเข้าปีหนึ่งส่วนฉีก็คงจะขึ้นปีสี่ แฟนท์หวังว่าเพื่อนของเธอคนนี้จะได้เจอกับฉีอีกครั้ง
“แม่งไม่ติดต่อกูมาเป็นชาติแล้วว่ะ ถ้าเตี่ยยอมให้กูเข้ากรุงเทพฯ ได้นะ ป่านนี้กูชวนมึงไปแล้วแฟนท์”
ที่บอกว่าไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นชาติ อันนี้ไม่เกินจริง เพราะตั้งแต่ฉีย้ายไปเรียนที่มหา’ ลัยในกรุงเทพฯ จากตอนแรกก็พอติดต่อมาหากันได้อยู่หรอก สักพักนานวันเข้าก็เริ่มห่างหายไป ตั้งแต่ที่ขนมผิงขึ้นมอปลายจนตอนนี้อีกไม่กี่วันสอบปลายภาคเสร็จ เธอก็จะเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้ว
เป็นระยะเวลาเกือบ ๆ 3 ปีเหมือนกันที่ฉีไม่ติดต่อและไม่มีความเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชี่ยลใด ๆ เลย ซึ่งฉีเองตั้งแต่ขึ้นมหา’ ลัยไปแล้วก็ไม่เคยคิดอยากจะกลับมาบ้านเลยด้วยซ้ำ
ขนมผิงไปบ้านหาป๊ากับม๊าของฉี เขาสองคนยังบ่นอยู่เลยว่าลูกชายบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกลับมาเยี่ยมบ้านสักที มีแต่พวกท่านต้องขับรถเข้ากรุงเทพฯ ไปหาเอง
“เออ... ก็จริงของมึง เฮ้ออ!! ตัดใจเถอะเพื่อน ต่อให้เขาเรียนหนักแค่ไหน ถ้าเราสำคัญเขาจะหาเวลาว่างให้เราเอง” แฟนท์เอื้อมมือขึ้นมาลูบหลังเพื่อนเป็นการปลอบ
“คือไม่ได้อะไรหรอก ผ่านมาหลายปีแล้วกูก็พอจะเดาได้ ...แต่คือถ้าจะเลิกก็บอกมาตรง ๆ ดิ่ ไม่ใช่หายไปแบบนี้ คนเขาก็รอไง แม่งไม่ชัดเจนอะไรสักอย่าง”
“เอาหน่า การที่เขาหายไปมันก็ชัดเจนแล้วป้ะวะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ป๊อปปี้เลิฟของมึงก็แล้วกัน”
จากนั้นทั้งคู่ก็ออยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองไป ขนมผิงยังนั่งมองบรรยากาศรอบ ๆ อ่างเก็บน้ำไปเรื่อย ๆ ขณะที่แฟนท์หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเล่นไปพลาง ๆ
“เฮ้ยๆ ๆ อีผิง... มึงเข้าเฟสดูนี่ยัง?”
“ดูอะไรของมึง? แล้วจะเสียงดังทำไมเนี่ย?” ขณะที่กำลังนั่งเงียบ ๆ กันอยู่ แฟนท์ก็ตะโกนโผลงผางขึ้นมาเสียงดัง จนคนแถวนี้ตกใจหันหน้ามามองกันหมดแล้ว
“มึงดูนี่....” แฟนท์ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ขนมผิงดูบางอย่าง
“แม่ง... แบบนี้ใช่ไหมวะ ที่เขาไม่ยอมติดต่อมาหากู?”
"ทีนี้ชัดเจนเลยเพื่อน หายไปนานขนาดนี้... เฮ้อ! คราวนี้มึงก็จะได้เลิกหลอกตัวเองสักทีนะ"
ขนมผิงดูหน้าฟีดเฟสบุ๊คของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้มันมีการเคลื่อนไหวของใครบางคนอยู่ในนั้น หลังจากที่ห่างหายจากการติดต่อกับเธอมาเกือบปีได้แล้ว
ตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนมหา’ ลัยไปแล้วก็เงียบหายไปเลย ช่วงแรกก็ยังพอจะได้คุยกันบ้างประปราย ทว่าหลัง ๆ มาบางทีก็อ้างว่าต้องปรับตัวหลายอย่าง และก็เริ่มเรียนหนักขึ้นไม่ค่อยมีเวลาตอบ
แต่กระนั้นขนมผิงก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกคน เพราะยังรักและยังอยากคบกันต่อ
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเติบโตเพื่อกลับมาพบกันอีกครั้ง ทว่าคำคำนี้ที่เขาเคยพูดบอกกับเธอเอาไว้มันกลับดูไร้ค่าแล้วตอนนี้
“มึงโอเคป้ะวะ?” แฟนท์ถามเพื่อนสนิท ที่พอดูโทรศัพท์แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาแล้วตอนนี้
“ฮึกก... นี่ใช่ไหมคำตอบของเฮียน่ะ ที่บอกว่าไม่ว่างเป็นเพราะแบบนี้ใช่ไหม ฮือออ~~”