บทที่ ๕ คนของใจ (๑)
บทที่ ๕
คนของใจ
วันต่อมาพวกเขาข้ามมาฝั่งเกาลูน พักแถวย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ซึ่งเป็นย่านศูนย์การค้าและสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เมื่อเก็บกระเป๋ายังที่พักเรียบร้อยก็พากันมาเดินถ่ายรูป แน่นอนว่าคนที่ตื่นเต้นคือปาราริน
พวกเขามาถึง อเวนิว ออฟ สตาร์ (Avenue of Star) จุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของเมืองนี้ มีรูปปั้นและรอยมือของคนดังในประเทศที่โด่งดังไปทั่วโลกประดับไว้ นอกจากนั้นยังมีวิวทิวทัศน์สวยงามน่ามาพักผ่อน
อ่าววิคตอเรียที่อยู่ตรงหน้าค่อนข้างกว้าง มองเห็นฝั่งฮ่องกงได้ชัดเจน คนนิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก หากมาฝั่งเกาลูนต้องไม่พลาดจุดนี้ พื้นหลังที่เป็นตึกสูงเฉียดฟ้าของฝั่งตรงข้าม ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็สวยไม่ต่างกัน ทั้งยังมีเรือขับข้ามไปมาตลอดเวลาเพื่อรับผู้โดยสาร
“คุณปลื้มๆๆ นี่บรูซ ลีใช่ไหมคะ” หลังจากถ่ายรูปที่หอนาฬิกาจนพอใจ เขาก็พาเธอเดินเล่นและคอยระวังให้เสมอกลัวกระทบกระเทือนลูกในท้อง จนมาถึงรูปปั้นของนักแสดงดังตลอดกาล
“เธอรู้จักด้วยเหรอ” เลิกคิ้วสงสัย เด็กอายุเท่านี้ไม่น่าจะเกิดทันสมัยที่ บรูซ ลีกำลังโด่งดัง ช่วงนั้นเขายังเป็นเด็กไม่ค่อยอินกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ต่างจากพี่ชายอย่างโปรดปรานที่ชอบดาราคนนี้มากจนถึงขั้นไปเรียนกังฟูตามหนัง
“พ่อของแก้มชอบค่ะ เลยนั่งดูกับพ่อแล้วเห็นว่าเขาแสดงเก่ง” เผลอแทนตัวเองด้วยชื่อเพราะติดปาก และหล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำแต่เป็นปลาบปลื้มที่นิ่งอึ้ง
เผลอมองใบหน้าเนียนด้านข้างแล้วอมยิ้ม ชื่อเล่นสมตัวจริงๆ แก้มนวลใสและหอมจริงด้วย เขาสัมผัสมาแล้วยามค่ำคืน
“ถ่ายรูปไหม” พยักหน้าทันที ตอนนี้กล้องเต็มไปด้วยรูปของปาราริน ไม่ว่าจะเห็นอะไรเธอก็ถ่ายเก็บไว้ทุกอย่าง ตื่นตาตื่นใจกับโลกกว้างที่เพิ่งเคยเห็น
“คุณปลื้มมีฝีมือในการถ่ายภาพมากเลยค่ะ ถ่ายออกมาสวยตลอด” กลายเป็นคนช่างเจรจาไปเสียแล้ว หล่อนชมเขาไม่ขาดปากยามดูภาพจากกล้อง
“ฉันเคยอยู่ชมรมถ่ายภาพตอนเรียนมหา’ลัย” หลังจากเดินจนเหนื่อยก็มานั่งพักที่ร้านกาแฟชื่อดังติดอ่าววิคตอเรีย เห็นบรรยากาศปลอดโปร่งที่วันนี้ฟ้าเปิด เมฆสีขาวท้องฟ้าสีคราม แสงตกกระทบสวยจนนักท่องเที่ยวรีบเก็บภาพไว้
“อ้อ คุณเรียนมหา’ลัยที่ไหนเหรอคะ” ถามพลางดูดน้ำผลไม้ปั่นที่เขาเป็นคนสั่งให้ ส่วนเธอก็นั่งรออย่างเดียวเพราะการสื่อสารในต่างแดนเป็นศูนย์ ภาษาอังกฤษที่ได้ก็ไม่คล่อง ส่วนภาษาอื่นฟังไม่รู้เรื่องเลย
“เศรษฐศาสตร์และการจัดการที่ออกซฟอร์ด” เกือบสำลัก ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเรียนเก่งขนาดนี้ คราวแรกนึกว่าจะเป็นคนเจ้าสำราญ ได้ตำแหน่งเพราะอาศัยบารมีของพ่อแม่เสียอีก
สงสัยคงต้องมองชายหนุ่มใหม่ เธอก้มหน้าแล้วดูดน้ำต่อไป จากที่เขาอยู่ไกลเกินเอื้อมตอนนี้เหมือนโดนผลักให้ห่างจากวงโคจรไปอีก
ถ้าไม่เกิดเรื่องวันนั้นขึ้น ป่านนี้เธอกับเขาก็คงเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้ ผู้ชายเพียบพร้อมทั้งฐานะและหน้าตา ไหนเลยจะชายตามองคนที่มีแต่ตัวเช่นเธอ
“เธอล่ะ จบอะไรมา” เป็นครั้งแรกที่อยากรู้เรื่องของหญิงสาวบ้าง ชายหนุ่มดื่มกาแฟดำแล้วเสยผมยามที่ลมพัดผ่านอย่างรำคาญ และนั่นมันช่างดูหล่อเหลาเหลือเกินในสายตาของคนมอง
“การท่องเที่ยวและการโรงแรมค่ะ แต่ยังไม่ทันได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เต็มที่เลย” หล่อนค่อนข้างดีใจที่เขาสนใจเรื่องของตน ไม่เคยนั่งคุยกันแบบนี้มาก่อน ส่วนมากมักจะโดนพูดจาประชดประชัน การมาเที่ยวครั้งนี้เหมือนได้ทลายกำแพงในใจของชายหนุ่มที่มีต่อตน
“ไม่เคยไปทำงานเหรอ” เริ่มอยากรู้เรื่องของเธอมากกว่าเดิม
“เคยทำที่เดียวแต่ลาออกแล้วค่ะ” คิดถึงเรื่องในอดีตอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกเรียนสาขานี้ เธอแทบไม่เหมาะกับมัน แต่ก็กัดฟันเรียนมาจนจบ
“ทำไมล่ะ” เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“แก้ม ถูกเจ้านายลวนลามก็เลยตัดสินใจลาออก” มือหนากำเข้าหากัน ไม่คิดว่าหล่อนจะเจอเรื่องแบบนี้ ไม่รู้เรื่องผ่านมานานหรือยัง แต่ร่างสูงกลับโกรธแทนเธอที่เจอแต่เรื่องแล้วร้าย
“ได้เอาเรื่องหรือเปล่า” ถามเสียงเข้ม แต่หล่อนก็ส่ายศีรษะพลางยิ้มจืดเจื่อน คิดถึงเรื่องวันนั้นก็เม้มปากแน่น ทั้งกลัวและขยะแขยงยามที่มือสากลูบบั้นท้ายของตน เกือบหนีไม่ทันถ้าไม่มีแขกคนสำคัญเข้ามาเสียก่อน หลังจากนั้นเธอก็ลาออกทันที อยู่ไปก็ไม่รู้จะรอดพ้นไหม
ถ้าจะเอาเรื่องก็รู้ว่าตนเป็นคนไม่มีเส้นสาย เดี๋ยวทุกอย่างก็เงียบและตัวเองก็ต้องโดนคิดบัญชี จึงยอมให้มันเงียบกลายเป็นบาดแผลในใจ กลัวผู้ชายลักษณะนั้นไปเลย
“เคยคิดค่ะ แต่เพื่อนร่วมงานบอกว่าเขาไม่สะเทือนหรอก อีกอย่างแก้มก็ตัวคนเดียวเอาเรื่องไปก็กลัวมันจะย้อนกลับมาหาตัวเอง” บอกตามตรง และปลาบปลื้มก็ไม่ถามอะไรต่อ เห็นท่าทีของหล่อนที่เม้มปากแน่นเหมือนยังไม่ลืมเรื่องวันนั้นทำให้นึกสงสาร
“อยากไปที่ไหนอีก เดี๋ยวพาไป” ไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนั้นออกมา เธอหันมามองพลางยิ้มกว้างจนรองประธานหนุ่มทำตัวไม่ถูก อย่างไรก็เหลืออีกสองวันที่ต้องอยู่เกาะแห่งนี้ และเขาจะยอมตามใจหล่อนทุกอย่าง
ขอเพียงแค่ยามค่ำคืน ร่างบางยอมตามใจเขาบ้างเท่านั้นเอง...
“ที่จริงแก้มอยากทำอย่างหนึ่งมากเลยค่ะ” ไม่กล้าบอกเขา แต่ในเมื่อชายหนุ่มตามใจขนาดนี้ ก็ขอเอาแต่ใจตัวเองหน่อย
“ได้สิ อยากทำอะไรล่ะ” ตอบตกลงก่อนจะถาม และถ้าเขารู้ก่อนว่าหล่อนต้องการทำอะไร จะคัดค้านไม่ยอมโดยเด็ดขาด
มีอย่างที่ไหนต้องมาถ่ายรูปกับป้ายสถานีรถไฟฟ้าเช่นนี้ เรียกได้ว่าลงทุกป้ายแล้วถ่ายรูปทุกป้ายจริงๆ ทว่าพอเห็นรอยยิ้มหวาน เสียงหัวเราะสดใสเขาก็เหมือนได้รับพลังไปด้วย แปลกเหมือนกันที่เพียงแค่ได้รับรอยยิ้มจากเธอ ฟ้าที่เคยมืดมนก็ค่อยจางหาย
ถูกแทนที่ด้วยความสว่างไสว...
อิ่มท้องจะแตกเป็นอย่างไรวันนี้เธอรู้ซึ้งแล้ว หญิงสาวตระเวนกินอาหารกับปลาบปลื้มไม่หยุดปาก จนตอนนี้เดินไม่ไหวและต้องขี่หลังสามีเพื่อกลับโรงแรม
“คุณปลื้มหยุดหัวเราะได้ไหมคะ” ระหว่างทางกลับเขาก็หัวเราะไม่หยุด ถึงไม่ได้เสียงดังแต่ก็ไหล่สั่นจนเธอรู้สึกได้ ใบหน้าหวานบึ้งตึงจนต้องทุบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะกอดกระชับลำคอแน่นกว่าเดิมเป็นการเอาคืน
“ก็มันน่าขำนี่น่า มีอย่างที่ไหนกินเยอะจนเดินไม่ได้” แทบกลั้นขำไม่อยู่ เหลียวมามองดวงหน้าหวานงอง้ำแล้วก็นึกหมั่นเขี้ยว พอได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติของหล่อน ที่ไร้พิษสงและเป็นคนตลกในเวลาเดียวกัน
“คุณนั่นแหละสั่งมาเยอะ จะทิ้งก็เสียดาย” บอกเสียงเบา ใช่ว่าเธออยากกินเสียเมื่อไหร่ล่ะ อีกฝ่ายเอาแต่คะยั้นคะยออยู่นั่นแหละ