บทที่ ๕ คนของใจ (๒)
ปลาบปลื้มไม่เถียงเพราะเขาชอบมองเวลาหล่อนกินของอร่อย อาหารเต็มสองแก้มพลางเคี้ยวและอมยิ้มอย่างมีความสุข ดวงตาเป็นประกายแวววาว ทำให้เขามองได้อย่างไม่รู้เบื่อ
“โอเค ฉันผิดเอง ฉันขอโทษ” ยอมรับโดยดุษฎี หล่อนจึงอมยิ้มที่ตนเองเอาชนะเขาได้ ปล่อยแรงรัดที่คอหนาแล้วเกยคางไว้ที่ไหล่แกร่ง
เธอชอบที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขา ปลาบปลื้มในตอนนี้ช่างอบอุ่นจนอยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป ถ้ากลับไทยเขาจะยังดีกับหล่อนเหมือนเดิมไหมนะ
“พรุ่งนี้เราจะไปไหนคะ” ถามถึงแผนการเดินทางของวันพรุ่งนี้ อยากยืดระยะเวลาในการฮันนีมูนให้มากกว่าเดิม ยังไม่อยากกลับไทยเพราะหล่อนมีความสุขมากเหลือเกิน การได้นอนในอ้อมกอดอบอุ่น สัมผัสซึ่งกันและกัน เติมเต็มความอ้างว้างในยามค่ำคืน
เป็นอย่างนี้ตลอดไปได้ไหม...
“ไหว้พระ อยากไปไหม” ที่ฮ่องกงมีวัดศักดิ์สิทธิ์มากมาย ตอนเรียนหล่อนได้ยินเพื่อนบอกว่ามาขอแฟนก็ได้แฟน มาขอเกรดก็ขึ้นเป็นเอ อยากได้อะไรให้อธิษฐานและตั้งใจมักจะสมหวัง
ถ้าอย่างนั้นหล่อนขอเดือนได้ไหม ขอแค่ดวงเดียวที่อยู่ตรงหน้าตนก็พอ
“อยากค่ะ อยากไป” ลมหายใจร้อนรดต้นคอจนเขาลอบกลืนน้ำลาย คิดถึงร่างกายนวลเนียนเมื่อคืนที่ได้จับต้อง อยากเร่งฝีเท้าให้ถึงที่พักโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นน้องชายเขาได้ตุงในที่สาธารณะให้อับอายเป็นแน่
“แล้วเดี๋ยวพาไปตะล่อนกินด้วย ถ้าเธออิ่มจนเดินไม่ไหวฉันก็จะแบกแบบนี้แหละ” หยอกเย้าเพื่อเบี่ยงเบาความสนใจ
“ไม่กินแล้วค่ะ แค่นี้พอแล้ว” ใบหน้าหวานงอง้ำเมื่อเขาล้อเช่นนั้น แต่เธอก็ไม่นึกโกรธอย่างใด เพราะการที่อีกฝ่ายล้อเลียนมันแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนม ไม่ใช่เอาแต่พูดจาประชดแดกดันเหมือนเมื่อก่อน
“ตัวเธอหนักขึ้นหรือเปล่า” จำได้ว่าตอนมีอะไรกันครั้งแรกเขาอุ้มเธอตัวลอย แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น เดินมาสักพักก็เริ่มหนักแขนซะแล้ว
“ใช่ค่ะ น่าจะหนักเพราะลูกเริ่มโตด้วย” นั่นสินะ ตอนนี้ปารารินกำลังตั้งครรภ์อยู่นี่นา
เขาไม่เคยคิดว่าการอยู่กับหล่อนจะเป็นอย่างไร เพราะอยากหย่าและไล่หญิงสาวออกจากบ้านตลอดเวลา ทว่าพอได้มาอยู่ด้วยกันจริงทำให้ความคิดเปลี่ยน หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้เกลียดเธอจริง เพียงแค่แสร้งทำเพื่อหลอกหัวใจตัวเองตั้งแต่ต้น
“อยากตั้งชื่อลูกว่าอะไรล่ะ” ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะถามเรื่องนี้ เธอมีสิทธิ์ในการตั้งชื่อของเด็กน้อยด้วยเหรอ
“ตามใจคุณปลื้มเลยค่ะ แก้มยังไงก็ได้” อย่างไรเขาก็จะไล่เธอออกจากบ้านหลังคลอดลูกน้อยอยู่แล้ว จะตั้งหรือไม่ตั้งค่าก็เท่าเดิม
“ค่อยคิดแล้วกัน ตอนนี้ฉันหนักคิดไม่ออกหรอก” พูดจบก็โดนเธอทุบหนึ่งทีจนเขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมา พากันเดินกลับจนถึงโรงแรมแถมยังมีบริการอาบน้ำให้ภรรยาอีกต่างหาก
แน่นอนว่าราคาของบริกรหนุ่มหล่อไม่ถูกสักนิด เขาตักตวงเอาแต่ใจให้หล่อนช่วยเกือบชั่วโมง ถ้าไม่ติดที่ท้องป่านนี้ได้เข้าไปสำรวจความอุ่นนุ่มในกายสาวนานแล้ว
น่าเสียดาย...
กลับมาจากฮันนีมูนเธอก็แจกจ่ายของฝากให้แก่แม่บ้านทุกคน แถมยังได้คนละหลายชิ้นเพราะหญิงสาวไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหน คนรู้จักก็เปลี่ยนเป็นคนห่างไกล ทำให้บ้านหทัยจงสวัสดิ์เปรียบเสมือนคนในครอบครัวไปโดยปริยาย
ปลาบปลื้มมองภรรยาที่นำของฝากให้คนในบ้านก็แอบอมยิ้ม แทบไม่ละสายตาจากหล่อนจนคุณปริมกมลที่สังเกตเห็นพึงพอใจ ดูเหมือนการไปฮันนีมูนครั้งนี้จะมีเรื่องดีเกิดขึ้น ลูกชายถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“เหนื่อยไหมลูก กลับมาน่าจะพักผ่อนก่อนสิ” ถามไถ่ลูกสะใภ้ ตอนที่ปารารินไม่อยู่ท่านรู้สึกเหงาไม่มีคนคุยด้วยยามกลับมาบ้าน แต่ก็ยุ่งทั้งวันเพราะทำงานแทนลูกชายที่เป็นถึงรองประธานบริษัท
“ไม่เหนื่อยค่ะคุณแม่ แก้มสนุกมากเลย มีรูปมาให้คุณแม่ดูเยอะเลยนะคะ คุณปลื้มถ่ายให้มีแต่รูปสวยๆ ทั้งนั้นค่ะ” รีบอวดทันที คนถูกชมก็ยิ้มแก้มปริก่อนจะทำหน้าเรียบเฉยเมื่อมารดาหันมามอง
ภาพที่เต็มไปด้วยความสุขปรากฏตรงหน้าหลายภาพ มีทั้งรูปเดี่ยวของหญิงสาว หรือรูปคู่บ้างและแววตาคนทั้งคู่บ่งบอกทุกอย่างหมดแล้ว การไปเที่ยวครั้งนี้ไม่เหมือนการถูกบังคับสักนิด
มีเพียงความเต็มใจจากทั้งบุตรชายและลูกสะใภ้ ไม่น่าเชื่อว่าแผนฮันนีมูนจะได้ผล ท่านทำเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของสามีภรรยาให้แน่นแฟ้น
บอกแล้วถ้าใครอยู่ใกล้ปารารินก็หลงรักทั้งนั้นแหละ
“หนูแก้มชอบไหม ถ้าชอบทริปหน้าแม่จะให้พี่เขาจองตั๋วไว้อีก เราไปที่ไหนดี ญี่ปุ่น เกาหลี หรือจะข้ามไปยุโรป” แค่คิดหล่อนก็ตาลุกวาว ชอบท่องเที่ยวแต่ไม่มีกำลังทรัพย์ พอครั้งนี้มีคนพาไปก็รีบพยักหน้า
“อยากไปค่ะ แก้มไปได้หมดเลย” รับคำเสียงตื่นเต้น แม่บ้านเริ่มทยอยออกจากห้องรับแขกเพื่อให้เวลาส่วนตัวแก่ครอบครัวหทัยจงสวัสดิ์
“ตาปลื้ม หาเงินหาเวลาเตรียมพาเมียไปเที่ยวด้วยล่ะ” หันมามองลูกชายอย่างรู้ทัน และก็จริงเมื่อร่างสูงเริ่มคำนวณไว้แล้วว่าควรพาหล่อนไปเที่ยวที่ไหน คิดสถานที่ต่างๆ ตามที่ตนเคยไป ทั้งยังนึกถึงตารางงานว่าช่วงไหนถึงจะว่าง
แต่พอเห็นสายตารู้ทันของมารดาก็เฉไฉ ไม่อยากเสียหน้าที่เคยปฏิเสธเสียงแข็ง
“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะครับ เหนียวตัวจะแย่ไปอาบน้ำดีกว่า” รีบผละออกจากห้อง ปล่อยสองสาวต่างวัยได้พูดคุยกัน แล้วหล่อนก็เล่ายาวว่าแต่ละวันไปเที่ยวไหนบ้าง แถมยังโชว์ด้ายแดงที่บูชามาจากวัดดังของฮ่องกงให้ท่านดูอีก
คุณปริมกมลยกยิ้มพลางบังคับไม่ให้ตนเองหัวเราะเสียงดัง ไม่น่าล่ะทำไมเมื่อครู่เห็นที่ข้อมือของลูกชายตัวดีก็มีด้ายแดงอยู่เช่นกัน ที่แท้ใส่เพื่อเอาใจเมียนี่เอง
พัฒนาไปไกลเหมือนกันนะ ไม่แน่ว่าถ้าหลานคนแรกคลอด อาจมีคนที่สองตามมาติดๆ ก็ได้
“ได้ข่าวว่านายมีเมียแล้วเหรอ” วันนี้เขามาเดินห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนที่เรียนมัธยมด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็แยกย้ายไปสานต่อธุรกิจของครอบครัวหมดแล้ว หรือไม่ก็สร้างธุรกิจของตนเองจนร่ำรวยด้วยลำแข้ง
ดวงหน้าคมหันมามองคนถามอย่างวีกิจ พิมุกกันต์ เพื่อนซี้ที่รู้จักกันตั้งแต่ประถม แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้ หลังเลิกกับแฟนที่คบหากันมานานเกือบเจ็ดปีก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะมีใคร นอกจากควงดารานางแบบหรือซื้อกินตามอารมณ์
กระทั่งได้ข่าววงในว่าเพื่อนคนนี้มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แถมยังผ่านด่านของคุณปริมกมลเรียบร้อย ข่าวล่าสุดคือทั้งคู่ไปเที่ยวที่ฮ่องกงด้วยกัน
“อือ ตามนั้นแหละ” ไม่อยากอธิบายกับเพื่อนมาก เพราะขนาดตัวเองยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับชีวิต
เคยคิดว่าหลังคลอดลูกจะหย่ากับปารารินและให้เธอออกจากบ้าน ทว่าพอถึงวันนี้กลับไม่คิดเช่นนั้นแล้ว ชายหนุ่มต้องการให้เธออยู่ข้างกายแต่ก็ไม่กล้าบอกใครด้วยกลัวเสียหน้า เมื่อก่อนแผลงฤทธิ์ใส่หล่อนไว้ซะเยอะ มากลับลำตอนนี้มารดาได้ล้อเอาน่ะสิ
“ไม่เห็นพามาแนะนำเพื่อน ไว้ว่างๆ พามากินข้าวด้วยกันหน่อยสิ” เขาก็อยากรู้จักผู้หญิงที่มาสยบเพื่อนผู้มากรักได้