บท
ตั้งค่า

บทที่ ๓ แม่จัดให้ (๒)

เจ้าของบ้านจึงรีบต้อนรับแล้วเชื้อเชิญให้เข้ามาในห้องทำงานด้านล่าง โดยมีลูกชายและลูกสะใภ้ตามเข้ามาด้วยความงุนงง ตอนแรกเขาจะชิ่งแต่พอเจอสายตาคมของมารดาเข้าไป จำต้องเดินตามอย่างไม่อาจเลี่ยง

เมื่อทุกคนอยู่พร้อมหน้า เอกสารก็ถูกเปิดออกทำให้รองประธานหนุ่มเห็นว่ามันคือใบจดทะเบียนสมรส ดวงตาคมเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว กำลังจะโวยวายแต่มารดาก็ถลึงตาใส่เสียก่อน

“ถ้าแกไม่เซ็น ตำแหน่งและสมบัติของแกจะตกเป็นของหนูแก้มโดยไม่มีข้อแม้ จะลองเสี่ยงดูไหมล่ะ” ท่านเดินมากระซิบที่ข้างหูของบุตรชาย ทำเอาร่างหนากำมือแน่นอยากชกกำแพงระบายอารมณ์

ไอร้อนจากปลาบปลื้มแผ่กว้างจนคนที่ยืนเคียงข้างอย่างปารารินสัมผัสได้ เธอลอบกลืนน้ำลายไม่กล้ายกมือขึ้นเซ็นเอกสาร กลัวว่าจะทำให้เขายิ่งโกรธมากกว่าเดิม

“เซ็นสิจ๊ะ” คุณปริมกมลเอ่ย ชายหญิงต่างยืนนิ่งที่เดิม ไม่มีใครขยับจนกระทั่งลูกชายคนเล็กถอนหายใจ จับปากกามาเซ็นอย่างรวดเร็วแทบไม่มองด้วยซ้ำว่าได้ลงลายมือไปเรียบร้อยแล้ว

มารดายิ้มพึงพอใจ ก่อนเบนสายตามาที่ลูกสะใภ้คนเล็ก มาถึงขั้นนี้แล้วหล่อนคงไม่สามารถเลี่ยงได้อีกต่อไป จำต้องหยิบปากกามาเซ็นชื่อของตนเองลงยังมุมขวาด้านล่างของกระดาษ

ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์...

พวกเขาคือสามีภรรยากันอย่างถูกต้องทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย

“ผมขอตัว” ใบหน้าถมึงทึงกล่าวขัด แล้วเดินออกจากห้องทำงานของมารดาอย่างรวดเร็ว หลงเหลือเพียงปลัดและเจ้าของบ้านทั้งสอง

ปารารินไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้มันจะยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงหรือเปล่า หล่อนไม่รู้เย็นนี้จะเจออะไรบ้าง อารมณ์ไม่คงที่ของปลาบปลื้มน่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่ ยิ่งตอนที่ชายหนุ่มพูดจาทำร้ายจิตใจใช่ว่าหล่อนจะไม่รู้สึก

แต่ก็ต้องปล่อยผ่านไม่อยากเครียดมาก กลัวส่งผลถึงเด็กในท้อง ซึ่งการทำงานอย่างอื่นก็ช่วยได้มากพอสมควร ได้คุยได้หัวเราะกับเหล่าแม่บ้าน หรือนั่งปักผ้าเพื่อคลายกังวล

“เอากับข้าวไปให้พี่เขาที่ข้างบนหน่อยนะ เดี๋ยวแม่ต้องไปหาเพื่อนที่ร้านอาหารแล้วจะบอกลุงชิดมารับ” ใกล้เที่ยงคุณปริมกมลก็ชวนลูกสะใภ้ออกมาข้างนอก แต่เมื่อถึงตึกสูงใจกลางย่านเศรษฐกิจก็จอดรถแล้วหันมาบอกหล่อน

แถมยังยื่นถุงผ้าให้อีกต่างหาก ปารารินแทบช็อคมองตาท่านอย่างอ้อนวอน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะแม่สามียัดถุงนั้นมาใส่มือเรียบร้อย

“เจอกันที่บ้านนะจ๊ะ” รถขับออกไปเหลือเพียงร่างบางที่ยืนมองจนลับตา ก่อนถอนหายใจแล้วเกือบจะร้องไห้ที่ต้องเข้าไปหาสามีเพียงลำพัง

หล่อนหันมามองป้ายชื่อบริษัทที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า หทัยวิมล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เคยได้ยินเพียงชื่อแต่เพิ่งเคยมาสำนักงานใหญ่เป็นครั้งแรก ตึกสูงกว่ายี่สิบชั้นจนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง ตัวอาคารถูกทาด้วยสีขาวและมีต้นไม้ขึ้นรายรอบ คงพยายามรักษาธรรมชาติ แถมยังมีน้ำตกด้านหน้าบ่งบอกว่าตัวบริษัทเองเริ่มต้นมาจากการขายน้ำแร่ จนมีวันนี้ที่รุ่งเรือง

“จะทำยังไงดีล่ะแก้ม” เบอร์โทรของชายหนุ่มหล่อนก็ไม่มี ถ้าให้เดิมดุ่มๆ เข้าไปบอกขอพบรองประธานใครจะยอมให้พบกันล่ะ

แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ร่างบางเดินเข้าไปข้างในที่เริ่มมีคนเดินสวนไปมาเยอะกว่าปกติเพราะอยู่ในช่วงพักเที่ยง เธอสวมชุดเดรสสีหวานที่คุณแม่เลือกให้ ผมยาวประบ่าทำให้ดูอ่อนเยาว์เหมือนสาวมัธยม ใบหน้าแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับน่ารักสะดุดตาชายหลายคน

“เอ่อ ฉันมาหาคุณปลื้มค่ะ” มาที่ประชาสัมพันธ์แล้วบอกเสียงเบา

“อะไรนะคะ” จนต้องถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ฉันมาหาคุณปลื้มค่ะ” เสียงดังกว่าเดิมอีกฝ่ายจึงได้ยิน หล่อนมองคนมาใหม่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มีหญิงหลายคนมาขอพบรองประธาน ซึ่งส่วนมากก็เป็นคู่ขาทั้งนั้น ตนจึงมีหน้าที่แสกนก่อนปล่อยขึ้นไป

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ท่านรองไม่สะดวกให้ใครเข้าพบค่ะ” หน้าตาใสซื่อแต่งตัวเรียบร้อยเคยเจอมาเยอะแล้ว ตอนตบตีกับผู้หญิงคนอื่นของปลาบปลื้มนั้นแรงไม่เบา

เธอจะไม่ยอมให้ขึ้นไปพบรองประธานบริษัทเป็นอันขาด เพราะตอนนี้มีนางแบบสาวอยู่ในห้องกับชายหนุ่ม ถ้ารถไฟชนกันคนที่ซวยคือหล่อน

“แต่ว่าฉัน..” ตนก็ไม่อยากมา แต่ขัดคุณปริมกมลได้ซะเมื่อไหร่ กำลังจะยกถุงให้ดูว่ามารดาของชายหนุ่มฝากอาหารมาให้แต่ก็ไม่กล้า

ทำไมเป็นคนอ่อนแอขนาดนี้นะแก้มใส จะพูดจะจาอะไรก็กลัวไปซะหมด หล่อนเองก็โมโหตนเองเช่นกันที่เป็นเช่นนี้

หรือควรบอกสถานะดีไหม

“ฉันเป็นภรรยาของคุณปลื้มค่ะ” ประชาสัมพันธ์ถึงกับหลุดขำ ไม่เคยมีใครใช้ข้ออ้างนี้มาก่อน หล่อนคร้านจะเสวนาอย่างไรอีกฝ่ายก็คงไม่ยอมถอย

ตัดสินใจหันไปมองผู้รักษาความปลอดภัยด้านหน้า ก่อนผงกศีรษะให้ทำตามที่เตรียมไว้ ชายที่ใส่ชุดในเครื่องแบบจึงเดินมาจับแขนร่างบางทั้งสองข้าง จนหล่อนไม่ทันตั้งตัวหันไปมองด้วยความตกใจ

“อะ อะไรคะ ปล่อยนะ” กลายเป็นโดนหิ้วออกไปข้างนอก จะโวยวายก็อับอายเธอจึงพยายามขืนตัวไว้สุดแรง แต่ก็กลัวกระทบกระเทือนลูกในท้องของตน พยายามส่งสายตาให้คนอื่นช่วยจนกระทั่งมีชายหนุ่มเข้ามาจับมือของเธอไว้

พร้อมทั้งจ้องมองยามทั้งสองคนด้วยแววตาเรียบ แต่กลับทรงพลังจนทั้งสองยอมปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ

“กรุณาปล่อยเธอด้วย” เธอเงยหน้ามองแล้วพบชายหนุ่มที่ไม่คุ้นตา แววตากลมทอประกายแห่งความหวังเมื่อคิดว่าชายหนุ่มเข้ามาช่วยตนเอง ร่างบางก้มหน้าไม่กล้ามองใคร คิดว่าคงมีหลายคนที่ให้ความสนใจ

ประชาสัมพันธ์รีบกระวีกระวาดเข้ามาหา พลางค้อมศีรษะใบหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้จักกับหุ้นส่วนของบริษัทอย่างหม่อมหลวงราเมศ สรวงสมุทร คิดว่าเป็นคนที่มาติดพันคุณปลาบปลื้มเสียอีก

“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันคิดว่าเธอเข้ามาก่อกวน” บอกเสียงสั่น ต่างจากเมื่อสักครู่ลิบลับ

ร่างสูงเมินคำขอโทษนั้นและคิดว่าคนที่ควรได้รับคำขอโทษคือหญิงคนนี้ต่างหาก เขาหันมามองหล่อนก่อนจะยิ้มให้เล็กน้อย เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูก

“คุณมาหาใครครับ” เสียงทุ้มถามอย่างอ่อนโยน แต่ยังไม่ทันได้ตอบก็มีคนแทรกขึ้นมาก่อน และคราวนี้มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัท

“เธอมาหาน้องชายของผมครับ และเป็นน้องสะใภ้ของผมเอง” เขาคือโปรดปรานเดินมาพร้อมกับเลขาคนสนิท และเมื่อเอ่ยจบประโยคโถงกว้างก็เงียบไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงพูดคุย

ทุกคนมองไปยังสาวร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่มองภายนอกอายุไม่น่าจะถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นสะใภ้คนเล็กของตระกูลใหญ่ ตำแหน่งนี้มีคนอยากได้มากมาย ต่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนไม่ซ้ำหน้า จนสุดท้ายผู้หญิงคนนี้ได้ไปครอบครอง

ประชาสัมพันธ์สาวรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เธอผิดเองที่ไม่ตรวจทานให้รอบคอบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร กลับทำอะไรตามใจเพราะเห็นหล่อนไม่ตอบโต้เหมือนคนอื่น

ที่แท้ครอบครองสถานะภรรยาของคุณปลาบปลื้มนี่เอง

“ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณปลื้มแต่งงานแล้ว” กล่าวถึงบุคคลที่สาม ก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเสียดาย รู้สึกว่าตนเองเจอหล่อนช้าไป

“สักพักแล้วครับ แต่ยังไม่ได้จัดพิธีให้ทุกคนได้ร่วมฉลอง ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่ง” ตอบด้วยสีหน้าเรียบไม่มีพิรุธ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นน้องสะใภ้ไม่แปลกใจทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel