บทที่ ๒ ไม่ต้อนรับ (๒)
“ได้ ถ้างั้นผมไปเอง แม่ก็เชิญอยู่กับลูกสะใภ้ของแม่ไปเลยแล้วกัน” ฤทธิ์ที่ยืนหันรีหันขวางรีบตามปลาบปลื้มไปทันที เขาเปิดประตูรถให้ชายหนุ่มก่อนรถซีดานสีเข้มจะถูกขับออกนอกรั้วบ้านหลังใหญ่ หลงเหลือเพียงหญิงสองคนที่ยืนอยู่ห้องรับแขก
ปารารินรู้สึกผิดที่ทำให้แม่ลูกทะเลาะกัน เธอหันมามองคุณผู้หญิงของบ้านหทัยจงสวัสดิ์อยากขออนุญาตออกไปอยู่ข้างนอก แต่ท่านกลับส่งยิ้มมาให้
“เดี๋ยวแม่พาหนูไปดูห้องนอน เย็นนี้ต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปฝากท้องแต่เช้า” บอกรายการที่ต้องทำพรุ่งนี้ ไม่ลืมนำนมอุ่นมาให้ร่างบางดื่มจะได้นอนหลับสบาย ปล่อยเธอให้พักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาด้วยความสดใส
พลันประตูห้องนอนถูกปิดลง ร่างบางก็มองไปโดยรอบอย่างไม่คุ้นเคย โทนห้องแต่งสีเข้มตามความชอบของผู้อาศัย เตียงกว้างตั้งอยู่ส่วนกลางโดยปลายเตียงมีโซฟาและทีวีจอกว้างตั้งไว้ ด้านขวาคือโต๊ะทำงานที่มีเอกสารน้อยนิด ด้านซ้ายเป็นมุมนั่งเล่นและระเบียงที่สามารถออกไปรับลมข้างนอกได้
หล่อนค่อยเปิดประตูบานเลื่อนออก มองไปข้างล่างเห็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อม ก่อนจะแหงนขึ้นมองท้องฟ้าเห็นเพียงจันทร์เสี้ยว ไร้ซึ่งดวงดาวประดับนภา
“ชีวิตเป็นแบบนี้เหรอ” พึมพำกับตัวเองเสียงเบา
ความจนมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน บ้านที่เคยอยู่ถูกยึด ข้าวของที่เอาออกมาได้ก็มีแค่เสื้อผ้าและของสำคัญอีกน้อยนิด เธอหนีไปอยู่ห้องพักราคาถูกเพื่อเจ้าหนี้จะไม่สามารถแกะรอยได้ ทำงานแบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่รู้จะถูกตามตัวเจอเมื่อไหร่
ทำงานก็ถูกเจ้านายลวนลามจนต้องลาออก เอาผิดอะไรไม่ได้เพราะฝ่ายนั้นโทษว่าหล่อนเป็นคนให้ท่าเอง และเหมือนทุกคนจะเชื่อเช่นนั้น
แก้ต่างให้ตัวเองก็ไม่ได้ จะบากหน้าไปยืมเงินเพื่อนก็โดนปฏิเสธอย่างนิ่มนวล และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
“พ่อขา แม่ขา เอาใจช่วยแก้มด้วยนะ” มองบนฟ้าแล้วเอ่ยเสียงเบา เธอจับท้องของตนเองแล้วลูบไปมา
วันแรกที่รู้ว่าท้องตกใจมากแค่ไหนจำได้ดี หล่อนคิดอะไรไม่ออกสมองมันขาวโพลนไปหมด ไปโรงพยาบาลทำแท้งเถื่อนแต่เสียงร้องโหยหวนทำให้รีบออกมา คิดอยู่หลายวันจนตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือจากพ่อของลูก
แล้วพบว่าเขาคือเศรษฐีร่ำรวย แอบดีใจทั้งที่ไม่ควร อย่างน้อยหล่อนก็คงไม่ต้องลำบากอีกต่อไป
แค่ให้เงินไม่ต้องเลี้ยงดูก็พอใจแล้ว แต่ใครจะคิดว่ามารดาของเขาจะรับเลี้ยงทั้งหล่อนและลูกน้อยในท้องเป็นอย่างดี
เป็นบุญเหลือเกิน
ตกอยู่ในภวังค์สักพักจนเริ่มหนาวจึงเข้ามาในห้อง ปิดและลงกลอนประตูระเบียงเรียบร้อย ค่อยเดินไปเปิดประตูที่อยู่ใกล้ทางเข้าห้องนอน พบว่าด้านในเป็นห้องแต่งตัวบิวท์อินขนาดใหญ่ และมีห้องน้ำอยู่ในตัว
เสื้อผ้าถูกเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไล่เฉดสีและแยกสำหรับใส่ไปทำงานหรือไปรเวท มีลิ้นชักเยอะจนชวนสับสน ติดกันนั้นเป็นเครื่องประดับสำหรับผู้ชาย ทั้งนาฬิกา เข็มขัด เนกไท กระดุมเสื้อ ล้วนเป็นของมีราคาทั้งนั้น
แต่ที่ดูจะแปลกหน่อยก็คือตู้เสื้อผ้าที่มีชุดของหล่อนอยู่ด้วย แน่นอนว่ามันเยอะกว่าที่นำมาจากบ้านของตนเอง คงเป็นคุณปริมกมลเตรียมไว้ให้และแต่ละตัวค่อนข้างหวานเสียเหลือเกิน
หล่อนหยิบชุดนอนที่เป็นกระโปรงผ้าลื่นยาวกรอมเท้ามาถือไว้ เข้าห้องน้ำชำระกายแล้วสวมเสื้อผ้า หลายวันที่ไปอยู่คอนโดค่อนข้างสะดวกสบาย แต่เธอก็คิดทั้งวันว่าจะเกิดอะไรกับชีวิตตนเองต่อจากนี้ จนมีคนพามาบ้านหลังใหญ่
และบอกว่าต่อจากนี้หล่อนคือคุณผู้หญิงคนเล็ก ภรรยาอย่างถูกต้องของคุณปลาบปลื้ม หทัยจงสวัสดิ์...
ตื่นเช้ากว่าปกติเพราะนอนไม่ค่อยหลับ กลัวว่าพ่อของลูกจะเข้ามาฆ่าตนจึงสะดุ้งเกือบทั้งคืน หล่อนสวมชุดเดรสสีหวานและมัดผมหางม้าเป็นระเบียบลงมาข้างล่าง ชุดที่นำมาด้วยของหล่อนมีเพียงไม่กี่ชิ้น และมันค่อนข้างไม่เข้ากับบ้านหลังนี้เท่าไหร่
มองซ้ายขวาเห็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาด หล่อนก็แอบตกใจที่ต้องทำงานบ้านเช้าขนาดนี้เลยเหรอ
“เงียบปากไปเลยนะ เรื่องของเจ้านายอย่าไปยุ่ง” เท้าเรียวหยุดชะงัก ไม่กล้าเข้าไปข้างในจึงทำเพียงยืนแอบฟังอยู่ข้างนอก
“ก็จริงนิป้า คุณปลื้มมีผู้หญิงเข้าหาตั้งเยอะ ไม่เห็นจะมีใครท้องเลย มีแต่ยัยนี่แหละมาร้องให้รับผิดชอบถึงบ้าน คงอยากจับคุณปลื้มจนตัวสั่น” น้ำเสียงและประโยคร่ายยาวนั่นไม่ใคร่ชอบใจในตัวเธอเท่าไหร่ แต่หญิงสาวก็เข้าใจได้ ผู้หญิงที่อุ้มท้องมาขอร้องให้ผู้ชายรับผิดชอบถึงบ้าน แถมยังเป็นความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวอีกต่างหาก
ใครก็ต้องกังขาอยู่แล้ว
“ถ้าแกอยากโดนไล่ออกก็เชิญพูดต่อไปเลย”
“ใครจะอยากโดนไล่ออกล่ะ ฉันก็แค่พูดตามที่เห็นเท่านั้นเอง ยัยคุณแก้มคงเป็นได้แค่คนคั่นเวลานั่นแหละ ใครก็รู้ว่าคุณปลื้มรอคุณรุ้งกลับมา” รอผู้หญิงชื่อรุ้งกลับมาอย่างนั้นเหรอ
แสดงว่าเขามีคนรักอยู่แล้วหรือเปล่า ไม่น่าเล่าการที่หล่อนมาแทรกกลางเช่นนี้ทำให้อีกฝ่ายโกรธจนออกจากบ้าน
“คุณรุ้งแต่งงานใหม่แล้ว คุณปลื้มจะรอได้ยังไง อัปเดตข่าวสารบ้างนะ” ยิ่งฟังก็ชวนสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ จนหญิงสาวตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า
“แกนี่น่าจะออกจากแม่บ้านไปเป็นนักข่าวนะ วิเคราะห์เก่งเหลือเกิน” คนในครัวก็ยังไม่หยุดพูดคุย ก่อนจะสนใจการเตรียมอาหารเช้าเพื่อขึ้นโต๊ะให้คุณผู้หญิงทั้งสอง
บ้านหลังงามมีบริเวณค่อนข้างกว้าง ฝั่งขวาคือสระน้ำ ด้านหลังเป็นสวนดอกไม้และน้ำตกขนาดกลาง ส่วนด้านซ้ายมีเรือนหลังเล็กกลางน้ำ ตัวบ้านกรุด้วยกระจกและทาสีขาวทั้งหลัง มีไว้สำหรับนั่งเล่นมองผืนน้ำใสที่ไหลมาจากน้ำตก
สวยจนคนมองไม่สามารถละสายตาได้ เคยใฝ่ฝันอยากมีบ้านเช่นนี้แต่เพราะฐานะทางครอบครัวไม่เอื้ออำนวย ถึงจะเป็นเจ้าของกิจการมีร้านอาหารก็ใช่ว่าจะร่ำรวย ต้องอยู่กับการทำงานเหนื่อยตลอดทั้งวัน เธอเองก็เข้าไปช่วยในครัวบางครั้งจนได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพ่อครัวแม่ครัว แต่พ่อแม่ก็มักให้ออกมาอ่านหนังสือหรือละเล่นข้างนอก
พยายามไม่ให้ลูกรับรู้ความทุกข์ยากของครอบครัว มองเพียงสิ่งสวยงามจนมันกลายเป็นการทำร้ายหล่อนไปโดยปริยาย เมื่อพวกท่านจากไป หญิงสาวก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
“อยู่โรง’บาลใกล้บ้านก็ดีนะ จะได้สะดวกหน่อย เดี๋ยวครั้งหน้าให้พี่เขาเป็นคนพามาแล้วกัน แม่ติดงานการกุศล” หลังขับรถออกจากโรงพยาบาลคุณปริมกมลก็หันมาบอกลูกสะใภ้
ครั้งแรกที่พามาฝากครรภ์และตรวจหลายอย่างจนหญิงสาวคิดว่าต้องเสียเงินเยอะแน่ โรงพยาบาลเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศเช่นนี้ แถมอุปกรณ์ทุกอย่างใหม่เอี่ยม การบริการดูแลใส่ใจเป็นพิเศษจนหล่อนกังวลอยากถามเรื่องราคา แต่คิดว่าถึงถามไปก็ใช่ว่าจะมีเงินมาคืนเสียเมื่อไหร่
“เดี๋ยวแก้มมาเองได้คุณแม่” ระยะทางจากบ้านมาโรงพยาบาลไม่ถึงสิบกิโลเมตรด้วยซ้ำ เดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง เธอนั่งรถมาเองสะดวกกว่า
ถ้าต้องมากับปลาบปลื้มคงได้นั่งฟังเขาพูดจาแขวะตลอดเส้นทาง
“ไม่ได้ค่ะ แม่เป็นห่วงหนูแล้วก็หลาน เดี๋ยวแม่จัดการเองหนูไม่ต้องกลัวนะ” ปารารินไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ตอนนี้เหมือนเธอมีแม่อีกคนคอยปกป้องทำให้อุ่นใจ มองท่านแล้วยิ้มพลางพยักหน้า
โลกนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายกับหล่อนมากเกินไป มอบมารดาที่แสนล้ำค่ามาให้อีกคน
กลับมาถึงบ้านหญิงสาวก็หิวจนกินข้าวคนเดียวหมดสองจาน เท่านั้นยังไม่พอจึงสั่งผลไม้ดองมากินคนเดียว เปรี้ยวจนแม่บ้านที่มองทำหน้าเหยเก แต่คนท้องกลับเคี้ยวเหมือนเป็นอาหารเลิศรส