บทที่ ๒ ไม่ต้อนรับ (๑)
บทที่ ๒
ไม่ต้อนรับ
ภรรยาของเขา...
คำแนะนำของมารดาดังก้องหู ชายหนุ่มมองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พยายามนึกว่าเคยเจออีกฝ่ายที่ไหน ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อได้ลองจ้องหน้าอีกครั้ง จำได้ทันทีว่าหล่อนคือหัวขโมยที่เอาเงินเขาไปเกือบหมื่น
ปลาบปลื้มลุกยืนเต็มความสูง ตรงเข้าไปคว้าแขนเล็กแล้วบีบแน่น ดวงตาเรียวแทบลุกเป็นไฟยามเห็นหญิงสาว
เพราะหล่อนตัดผมสั้นประบ่าเขาจึงจำไม่ได้ อีกทั้งชุดที่ใส่ก็ดูเรียบร้อยผิดจากครั้งแรกที่พบกัน ผู้หญิงที่นอนด้วยชั่วข้ามคืนทำไมถึงมาโผล่อยู่บ้านของตนได้
“เอาเงินฉันคืนมา” บีบแขนเล็กแน่นจนใบหน้าหวานเหยเก มารดาอย่างคุณปริมกมลเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาช่วยลูกสะใภ้อย่างรวดเร็ว
“ปล่อยน้องนะตาปลื้ม ไปบีบแขนน้องแบบนั้นได้ยังไง ดูสิเป็นรอยหมดเลย” ตีมือลูกชายทั้งยังดึงหูจนรองประธานจำต้องปล่อยมือจากคนโปรดของมารดา
เขาแทบไม่เชื่อว่าตนเองตกกระป๋อง ปกติเห็นท่านรักและเอ็นดูคอยตามใจมาโดยตลอด มาถึงตอนนี้กลับไปโอบกอดลูกสาวคนอื่น ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นหัวขโมย
นี่มันเรื่องอะไรกัน
“ผมทำยังน้อยไปซะอีก แม่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้ขโมยเงินผมไปเกือบหมื่น” โมโหจนหน้าดำหน้าแดง กำมือแน่นขณะจ้องกรอบหน้าหวานที่ก้มหน้าไม่ยอมสบตา เอาแต่ลูบแขนของตนที่ถูกเขาบีบจนเป็นรอยอยู่นั่นแหละ เห็นแล้วเกะกะลูกตาชะมัด
“แล้วยังไง น้องขโมยไปก็เท่ากับที่แกให้ผู้หญิงที่นอนด้วยทุกคนไม่ใช่เหรอ” สะอึกจนพูดไม่ออกเมื่อโดนมารดาตอกกลับ
เขาให้ทิปผู้หญิงที่นอนด้วยน้อยซะเมื่อไหร่ ถ้าถูกใจมากก็ให้กระเป๋าหรือนาฬิกาด้วยซ้ำ แต่ต้องเป็นการให้แบบเต็มใจไม่ใช่แอบเอาไปไม่บอกกล่าวเช่นนี้
“ก็ ก็ใช่ แต่คนอื่นผมให้เพราะจบงาน ไม่เหมือนยัยนี่ที่ขโมยสักหน่อย” เห็นแล้วก็อยากฉีกเนื้อหล่อนออกเป็นชิ้นๆ
คืนนั้นไม่ปฏิเสธว่ามีความสุขมาก ไม่รู้ใครบริการใครกันแน่เพราะเขาเอาแต่มัวเมากับร่างกายขาวผ่อง ทั้งยังหอมละมุนและเนียนลื่นมือจนไม่ผละไปไหน จำไม่ได้ว่ากี่รอบแต่ก็หลายครั้งจนสลบเหมือด วันต่อมาเข้าตรวจที่โรงพยาบาลและพบว่าไม่มีโรคติดต่อค่อยเบาใจ
และคิดมาตลอดว่าจะต้องตามหาหล่อนเพื่อเอาเงินคืน จนวันนี้ที่อีกฝ่ายมาหยามเขาถึงบ้าน
“ฉัน ฉันแค่ยืม ถ้าฉันมีเงินฉันจะคืนให้ค่ะ” พยายามอธิบาย หล่อนมีความจำเป็นต้องใช้เงินจึงคิดจะหยิบยืม แต่ก็ไม่กล้าปลุกเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับร่างสูงตอนมีสติ
เงินที่ได้นั้นก็นำไปจ่ายหนี้และค่าที่พักจนหมด ตอนนี้ก็พยายามหาเงิน ทั้งยังต้องหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุน ไหนจะอาการผวายามดึกกลัวจะถูกจับไปขายอีกต่างหาก
แค่วันที่ตัดสินใจเป็นเด็กนั่งดื่มจนเกือบเอาตัวไม่รอดจากคนพวกนั้นก็เกินพอแล้ว ทว่าใครจะคาดคิดหล่อนต้องมาตกเป็นของชายแปลกหน้า ไม่ว่าจะทางไหนก็แย่พอกัน
“งั้นก็คืนมาสิ คืนมาเดี๋ยวนี้เลย” รีบทวงแล้วเร่งยิก จนคุณปริมกมลต้องออกตัวแทน
“แม่จะโอนคืนให้เอง ตอนนี้ไปนั่งที่โต๊ะและกินข้าวอย่างสงบ” ย้ำประโยคหลังเพราะดูท่าว่าบุตรชายจะไม่ยอมจบ จ้องหญิงสาวแทบจะฆ่าแกงกันอยู่แล้ว ส่วนคนตัวเล็กก็กลัวเหลือเกิน แล้วแบบนี้จะรอดได้อย่างไร
คงโดนหมาป่าขย้ำตั้งแต่นาทีแรกที่เข้าห้อง
“แม่..” อยากท้วงแต่สายตาเฉียบขาดก็หันมามอง แล้วย้ำเสียงเข้มจนไม่กล้าพูดอะไรอีก
“กินข้าวอิ่ม แม่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง ไปกันลูกไปกินข้าวดีกว่า” ท่านบอกเขาแล้วหันไปพูดกับร่างบาง พาไปนั่งยังที่ประจำของโปรดปราน
อาหารกว่าสิบอย่างวางเรียงบนโต๊ะ ทำให้คนท้องเบิกตากว้างไม่คิดว่าจะกินหมด ลอบกลืนน้ำลายแล้วหันไปมองคุณปริมกมล
“ของหนูหมดเลยนะ แม่สั่งให้แม่บ้านเตรียมไว้โดยเฉพาะ” แววตาและท่าทางเต็มไปด้วยความเอ็นดู จนปลาบปลื้มเริ่มสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณผู้หญิงของบ้านหทัยจงสวัสดิ์กันแน่ อีกฝ่ายเอายาอะไรให้แม่เขากินถึงได้หลงเสน่ห์ไม่ลืมหูลืมตา
มันต้องมีอะไรผิดพลาด และวันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!
“เธอท้องเหรอ!” รับประทานอาหารเสร็จก็มานั่งที่ห้องรับแขก คุณผู้หญิงให้ลูกสะใภ้นั่งข้างเพื่อกันไม่ให้ลูกชายทำร้ายได้
แต่เมื่อบอกความจริงเขาก็ผุดลุกอย่างเร็วมาคว้าตัวร่างบางไว้ จับไหล่เล็กทั้งสองข้างพลางบีบแน่น จ้องดวงตากลมโตอย่างค้นคว้า
ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง อยากขยี้หล่อนให้แหลกคามือด้วยซ้ำกับคำโกหกนั้น กัดกรามแน่นจนขึ้นสันนูน คุณผู้หญิงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกมาคว้าลูกสะใภ้และพยายามแกะมือหนาที่จับไหล่มนไว้แน่นออก
“ปล่อยน้องนะตาปลื้ม” ยอมทำตามคำสั่ง ปล่อยหล่อนเป็นอิสระก่อนที่คุณปริมกมลจะเข้ามาประคองปาราริน หญิงสาวเจ็บจนน้ำตาคลอแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“ไม่ใช่ลูกผม เด็กในท้องของเธอไม่ใช่ลูกผมครับแม่ ฤทธิ์! ฤทธิ์!” บอกเสียงดัง เขามั่นใจว่าไม่ใช่ลูกของตัวเอง ถึงคืนนั้นจะไม่ใส่ถุงยางแต่แค่ไม่กี่ครั้งจะทำให้ท้องได้หรือไง
ก่อนนึกไปถึงเพื่อนสมัยมัธยมที่ทำแฟนท้องจนต้องรับผิดชอบ ถึงแม้จะมีอะไรกันแค่ครั้งเดียว...
ไม่หรอก เขาไม่ซวยขนาดนั้น
“ครับคุณปลื้ม” คนสวนรีบเข้ามาในบ้านเมื่อได้ยินเจ้านายเรียกตนเองเสียงดัง เขาหอบหายใจเพราะวิ่งมาจากในครัวหลังบ้าน เป็นที่สำหรับแม่บ้าน คนสวนและคนขับรถโดยเฉพาะ แยกกันชัดเจนเป็นสัดส่วน
“ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกจากบ้าน แล้วอย่าให้มาเหยียบบ้านหลังนี้อีก” สั่งเสียงเฉียบ แต่เจ้าของบ้านที่แท้จริงดันไม่ใช่เขา
“ลูกไม่มีสิทธิ์ไล่หนูแก้มออกจากบ้าน เพราะแม่อนุญาตให้น้องอยู่ในฐานะลูกสะใภ้คนเล็กแล้ว” ตอนนี้ท่านเองก็โกรธไม่ต่างกัน เพียงแต่เข้าใจความรู้สึกของปลาบปลื้ม
คนที่เอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ ไม่สนใจจะผูกพันกับหญิงคนไหน ไม่เจอคนที่ถูกใจสักที จนท่านเองก็ไม่ทราบว่าที่ไม่ถูกใจ เพราะรอแฟนเก่ากลับมาหรือเปล่า
สุดแท้จะคาดเดาได้
“ผมไม่ยอมรับ” ยังคงยืนกรานไม่เปลี่ยน ทำให้ร่างบางอยากออกจากบ้านหลังนี้เพื่อยุติปัญหาทั้งหมด ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรคุณปริมกมลก็จัดการกำราบลูกชายให้อยู่หมัด
“ลูกทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะลูกเป็นคนผูกเชือกเส้นนี้ให้รัดตัวเอง” ที่มารดาพูดมาก็ไม่ผิดนัก ถ้าวันนั้นเขาสวมถุงยางอนามัยคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทว่าจะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ถูก ชายหนุ่มจ้องหญิงคนนั้นที่เอาแต่หลบหลังคุณผู้หญิงของบ้าน เหลือบมามองพ่อของลูกบางครั้งก่อนจะรีบหลบสายตา
“แต่ผู้หญิงคนนี้เข้าหาผมก่อน เธอเป็นคนวางแผนทั้งหมด” ชี้นิ้วไปยังร่างเล็ก โทษหล่อนที่ทำให้เรื่องยุ่งยาก เขาไม่เชื่อว่าเด็กในท้องจะเป็นลูกของตนเอง ยังคงมีข้อสงสัยเต็มไปหมด
เวลาก็ผ่านมาสามเดือนทำไมเพิ่งจะมาบอก ต้องการอะไรจากเขากันแน่
“เรื่องมันจะเป็นยังไงแม่ไม่สนใจ แม่สนใจอย่างเดียวคือหนูแก้มและหลานของแม่ต้องอยู่ที่นี่” ตรวจตราทุกอย่างจนมั่นใจว่าเป็นหลานของตน ถึงได้ให้หญิงสาวมาอยู่บ้านหลังนี้ แต่ท่านไม่ได้เอ่ยออกไปเพราะไม่ต้องการให้ ปารารินทราบ