บทที่ ๑ ร่วมเตียง (๓)
เข้ามาทางประตูด้านหลัง เดินผ่านห้องครัว ห้องอาหาร ห้องสำหรับนั่งเล่นและพักผ่อน ก่อนมาหยุดยังห้องรับแขกขนาดกว้าง ที่มีโซฟาราคาหลักล้านตั้งไว้ตรงกลาง
ท่านมองผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ผมยาวประบ่าถูกหวีให้เรียบแล้วมัดขึ้นครึ่งศีรษะ ใบหน้าใสไร้การแต่งแต้มก็ขมวดคิ้วสงสัย ปกติถ้าดูตามละครหรือฟังจากเพื่อนที่อยู่ระดับเดียวกัน คนที่มาทวงสิทธิ์ต้องแต่งตัวดูดีกว่านี้ นั่งร้องไห้ทำตัวน่าสงสารไม่ใช่เหรอ
แปลกที่ผู้หญิงคนนี้กลับดูเจียมตนและรีบลุกขึ้น ยกมือไหว้ท่านอย่างนอบน้อม ไม่มีทีท่าของการเสแสร้งแต่อย่างใด
“นั่งลงเถอะ” คุณผู้หญิงเชื้อเชิญแล้วนั่งลงที่โซฟากว้างตรงกลาง หล่อนจำต้องขยับมานั่งตรงโซฟาเดี่ยว ประสานมือไว้ที่ตักด้วยความกังวล
ไม่นานแม่บ้านก็นำน้ำมาเสิร์ฟพร้อมขนม แต่ใครเล่าจะกล้าแตะ ของสักชิ้นในบ้านหลังนี้เธอแทบไม่กล้าแม้แต่จะมอง ราคาคงแพงน่าดูแม้กระทั่งโซฟาที่นั่ง หล่อนจึงนั่งเพียงครึ่งก้นเท่านั้น
ห้องรับแขกค่อนข้างกว้างเนื่องจากทำเพดานสูง กระจกที่อยู่รอบก็เช่นเดียวกัน ของประดับตกแต่งมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นรูปปั้นที่ทำจากทอง ตั้งไว้ตรงมุมอย่างเป็นระเบียบ เน้นโทนสีอ่อนสบายตาตามความต้องการเจ้าของบ้าน
“ดื่มน้ำก่อนสิ” เมื่อได้รับอนุญาตเธอจึงหยิบน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย แล้วค่อยวางลงเสียงเบา ขณะนั้นคุณปริมกลมก็สำรวจร่างบางไปด้วย
ดูจากหน้าตาที่ไม่คุ้นในแวดวงสังคม คิดว่าไม่น่าใช่ลูกผู้ดีมีเงิน แต่ผิวพรรณกลับผ่องสวยเหมือนได้รับการดูแลอย่างดี คงเป็นผู้หญิงที่ลูกชายใช้เงินซื้อเพื่อร่วมเตียงอีกตามเคย
หนักใจกับปลาบปลื้มที่เที่ยวหญิงไม่เลิก ก่อนหน้านี้ไม่เห็นว่าจะมีนิสัยชอบนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่พอเลิกกับแฟนที่คบกันมาหลายปีลูกชายก็เปลี่ยนไป
เป็นพ่อพวงมาลัยเปลี่ยนตุ๊กตาหน้ารถไปเรื่อย จนบรรดาคุณหญิงคุณนายห่วงบุตรสาวไม่ให้มาเข้าใกล้ จะหาภรรยาในอนาคตที่อยู่ในระดับเดียวกันก็ยากแสนเข็ญ
“เธอมีธุระอะไร” เข้าเรื่องรวดเร็ว ทำให้ร่างบางลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือเล็กที่กอบกุมบีบกันแน่น หนทางมืดมนจนเธอต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ไม่คิดว่าจะเจอมารดาของอีกฝ่าย
และพบกับความร่ำรวยที่คาดไม่ถึง ใครจะรู้ว่าชายที่นอนด้วยจะมีเงินมหาศาล ติดอันดับหนึ่งในยี่สิบเศรษฐีของเมืองไทย แต่ก็ไม่แปลกในเมื่อเขาพกเงินในกระเป๋าเป็นหมื่น
“ดิฉัน เอ่อ ฉันท้องกับคุณปลาบปลื้มค่ะ” ไม่รู้จะใช้สรรพนามใดแทนตนเอง คุณผู้หญิงตรงหน้ามีสง่าราศีจนหล่อนเกร็ง
ไม่เคยเห็นใครดูมีอำนาจขนาดนี้มาก่อน ท่านไว้ผมทรงปกติที่มัดรวบต่ำ ไม่ได้ตีกระบังสูงอย่างที่เคยเห็นคุณหญิงคุณนายทำในทีวี ชุดก็สวมเดรสธรรมดายาวกรอมเท้า แต่ดูแพงระยับและเหมือนจะไปงานราตรีการกุศล ที่สำคัญดวงตาคมจ้องมองเหมือนจับผิดตลอดนั่นอีก
กลัวจนพูดไม่ออก
“เธอแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กเป็นลูกของตาปลื้ม” ท่าทีเกรงกลัวไม่เหมือนแกล้งทำ และอีกฝ่ายก็ค่อนข้างไร้พิษสงทำให้คุณปริมกมลที่ผ่านโลกมามากจนดูคนออกเริ่มสับสน
“ฉันไม่เคยนอนกับใคร นอกจากเขาค่ะ” ตอบเสียงเบา คิดถึงเหตุการณ์คืนนั้นก็อดสูกับตัวเอง
ถ้าเธอไม่ตัดสินใจนั่งดื่มเป็นเพื่อนลูกค้าจนเผลอดื่มยาปลุกอารมณ์เข้าไปก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ กว่าจะหนีมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ดันหนีเสือปะจระเข้ มาเจอชายหนุ่มที่รังแกหล่อนทั้งคืนกว่าจะปล่อยให้พักก็ล่วงเลยเข้าอีกวันให้แล้ว
ก่อนจะออกมาจึงตัดสินใจยืมเงินร่างสูงจำนวนมากพอสมควร และดูบัตรประชาชนเพื่อวันหน้าหากหาเงินได้แล้วจะนำไปคืน แต่ใครจะคิดว่าเรื่องมันกลับตาลปัตรเช่นนี้
หล่อนท้องลูกของเขา
“ฉันขอตรงเข้าประเด็นเลยแล้วกัน ที่มาบ้านหลังนี้เพราะต้องการให้ลูกชายฉันรับผิดชอบเรื่องลูกใช่ไหม ต้องการเงินเท่าไหร่ว่ามาสิ” ดวงตากลมสั่นไหว ไม่เคยคิดมาขอเงินใครแต่พอถึงคราวเข้าตาจนจริงๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาที่นี่เพราะอยากได้เงิน
หล่อนสมเพชชีวิตตัวเองเหลือเกิน เคยคิดว่าอยู่สุขสบายมีพ่อแม่คอยหาให้ทุกอย่าง พอสิ้นท่านไปถึงได้ทราบว่ามีหนี้สินรุมเร้า บ้านที่เคยอยู่ก็ถูกยึด ของทุกอย่างหายไปในพริบตา เพื่อนแท้หาไม่เจอมีแต่คนปิดประตูใส่หน้า
“ถ้าฉันมีเงินมากกว่านี้คงไม่มารบกวนคุณหรอกค่ะ แต่เพราะฉันไม่มีเงินและค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กคนหนึ่งค่อนข้างสูง ฉันเลย..” กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกยามคิดถึงเรื่องในอดีตของตนเอง
คุณปริมกมลเห็นเช่นนั้นก็นึกสงสาร แต่ยังแข็งใจถามต่อเพื่อให้ได้ความกระจ่างมากกว่านี้
“ทำไมไม่ไปทำแท้งล่ะ” เดี๋ยวนี้การทำแท้งแบบถูกกฎหมายก็มี ถ้ามารดาไม่พร้อมก็สามารถทำได้ไม่ใช่หรือ ท่านอาจจะดูใจร้ายแต่ถ้ามองตามความเป็นจริง เมื่อไม่พร้อมทั้งสองฝ่ายจะเก็บเด็กไว้ก็เป็นปัญหาในอนาคต
ทางออกคือปล่อยเด็กที่ไม่ต้องการไปดีกว่า
“ฉันกลัว” บอกตามความจริง เธอรู้สึกกลัวไปต่างๆ นานา เพิ่งได้ใช้ชีวิตคนเดียวในโลกที่ไม่เหลือแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหายครั้งแรก ไม่มีใครให้ปรึกษาหาทางแก้ไขเลยสักคน
บางทีก็ไม่รู้ว่าควรโทษมารดาที่เลี้ยงตนเหมือนไข่ในหิน หรือโทษที่ตัวเองไม่รู้จักเรียนรู้การใช้ชีวิตในโลกกว้างที่เต็มไปด้วยอันตรายแห่งนี้ดี
“ขอเวลาหน่อยแล้วกัน ระหว่างนี้ฉันจะให้เธอไปอยู่คอนโดแถวนี้จะได้เดินทางสะดวกหน่อย” เรียกคนสนิทมาพาหล่อนไปยังคอนโดที่ซื้อเอาไว้สำหรับพักผ่อน ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ถ้าให้หญิงสาวไปพักเพื่อรอระหว่างเช็คประวัติคงไม่มีปัญหา
คุณผู้หญิงอยากรู้ว่าเด็กในท้องใช่ลูกของปลาบปลื้มจริงหรือเปล่า
ถ้าใช่ตนก็กำลังจะได้เป็นย่าคนอีกแล้ว แค่คิดก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่ แต่ก็ต้องเรียกเลขามารับทราบงานอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ต้องปิดให้มิดจนกว่าจะได้ผลสรุปชัดเจน
“บ้านเคยเปิดร้านอาหารแต่เศรษฐกิจไม่ดีจนปิดตัว มาเปิดร้านขายของชำก็ล่ม กู้เงินจนเป็นหนี้หลายทาง นอกระบบด้วยเหรอ” อ่านเอกสารประวัติของผู้หญิงที่ชื่อปาราริน วิชชาภพ ชื่อเล่นแก้มใสตามที่บิดามารดาตั้งให้
ผลการเรียนปานกลาง เรียนที่โรงเรียนรัฐบาลตลอดจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย จบการท่องเที่ยวและการโรงแรม เคยทำงานในโรงแรมสี่ดาวแต่ถูกนายจ้างลวนลามจนต้องลาออก
“อายุ 23 ปีเองเหรอ ห่างจากลูกชายฉันสิบเอ็ดปีเลยนะ” แค่เห็นก็จะเป็นลม นี่ลูกชายเธอเลือกผู้หญิงนอนด้วยอายุเท่าไหร่บ้าง
หวังว่าคงไม่เข้าคุกข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกนะ
อ่านไปก็กุมขมับเริ่มสงสารเด็กสาวเสียแล้ว เท่าที่อ่านประวัติค่อนข้างถูกเลี้ยงดูเหมือนไข่ในหิน นอกจากโรงเรียน มหาวิทยาลัย ช่วยกิจการครอบครัวและกลับบ้านก็แทบไม่ไปไหนเลย ปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายติดลบ คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมลูกชายนาง
ข้อมูลนี้คงไม่ผิดพลาด ระดับเลขานุการของอดีตประธานหทัยวิมล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)อย่างนิธิกร ขรินทร์ทิพย์มีหรือจะนำข้อมูลเท็จมาให้
“ไปพาแก้มใสมาหาฉัน แล้วบอกแม่บ้านไปจัดห้องตาปลื้มใหม่ เย็นนี้อาหารขึ้นโต๊ะสิบจานเป็นอย่างต่ำ ฉันจะต้อนรับสะใภ้คนเล็ก” ประวัติข้อมูลของปารารินผ่านการพิจารณาจากคุณปริมกมลเรียบร้อย
และท่านเชื่อว่าเด็กในท้องหญิงสาวจะต้องเป็นหลานของตนอย่างไม่ต้องสงสัย หรือถ้ายังมีข้อกังขารอให้เด็กคลอดออกมาค่อยตรวจดีเอ็นเออีกครั้งก็ไม่สาย
“อ้อ ไปจ่ายหนี้ทั้งหมดของแก้มใสด้วย” ปิดเอกสารที่อ่านทั้งหมด เพิ่งนึกได้จึงสั่งคนสนิทให้จัดการเคลียร์หนี้สินทุกอย่างของครอบครัวอีกฝ่าย
“ครับ” หลังนิธิกรเดินออกจากห้อง คุณผู้หญิงก็หมุนเก้าอี้บุนวมขนาดใหญ่แล้วกดเลื่อนม่านออก เผยให้เห็นสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำตกขนาดย่อมที่สามีเนรมิตไว้
ยกยิ้มมีความสุขสมใจจะได้สะใภ้คนเล็กกับเขาสักที ถึงไม่มีฐานะร่ำรวยแล้วอย่างไรเล่า ท่านรวยคนเดียวก็เกินพอแล้ว ส่วนเรื่องเส้นสายทางธุรกิจก็ไม่สนใจ อย่างไรตนก็มีเยอะแล้วและไม่ต้องการเกี่ยวดองกับตระกูลไหนอีก ขอแค่เป็นผู้หญิงที่ดีอยู่เคียงข้างปลาบปลื้มก็พอ
และเชื่อว่าปารารินเหมาะสมทุกประการ...
“ทำไมอาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้ล่ะครับ แม่มีแขกเหรอ” กลับมาถึงบ้านก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยที่ผ้าปูเตียงเป็นสีขาว แทนที่จะใช้สีเทาหรือสีน้ำเงินที่เขาชอบ
สวมเสื้อยืดและกางเกงวอร์มลงมาข้างล่างเพื่อรับประทานอาหารเย็น ผมหนาที่เคยเซตถูกสระและไดร์จนแห้งทำให้หน้าม้าปกคลุมหน้าผากจนเขาดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง
“ใช่จ้ะ แขกคนสำคัญด้วย” เดินมานั่งประจำที่ของตัวเองคือด้านซ้ายของคนหัวโต๊ะ ส่วนด้านขวาเป็นตำแหน่งพี่ชาย ซึ่งโปรดปรานจะกลับมารับประทานอาหารที่บ้านเฉพาะเย็นวันศุกร์เท่านั้น ส่วนมากก็คลุกอยู่บริษัทและคอนโดมิเนียมมากกว่า
พอได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้นก็นึกสงสัยว่าแขกที่ไหน ทว่ายังไม่ทันได้ถามก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาทางห้องอาหารเสียก่อน ชายหนุ่มจึงหันไปมองคนมาใหม่ ก่อนคิ้วหนาจะขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
เขาคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหน...
“นี่หนูแก้มใส ภรรยาของลูกไงจ๊ะ”