4 ผีหลอกกลางวัน
จ้าวลู่หยางกลับมาที่ห้องเร็วกว่าที่คิด เร็วจนอี้หยูซีคาดไม่ถึง แค่ร่างของจ้าวลู่หยางเอนตัวนอน อี้หยูซีที่สัมผัสได้ถึงที่นอนยวบยาบ ชายหนุ่มแกล้งซุกเข้าหาเพราะอยากพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง
ร่างเล็กซุกเข้าหาอกแกร่งของจ้าวลู่หยาง แน่นอนว่าจ้าวลู่หยางก็โอบตอบรับอย่างแนบเนียน นั่นแสดงว่าระหว่างที่เขาแอบออกไป อี้หยูซีไม่ได้ตื่นขึ้นมาเขายังคงหลับไม่รู้เรื่อง
คนที่ตัวสูงกว่าจุมพิตหน้าผากก่อนจะขยับกายไปกระชับร่างเล็กอี้หยูซีของให้แน่นกว่าเดิม เขายอมรับตามตรงว่าการมีอี้หยูซีอยู่ข้าง ๆ เป็นเรื่องที่ดี เขาน่ารักไม่งี่เง่า และไม่หึงหวงจนเกินเหตุอีกทั้งผลประโยชน์ที่เขาได้จากคนที่เขานอนกอดอยู่นี่ก็นับว่ามากมาย
เช้าวันรุ่งขึ้น สภาพของอี้เยว่หลินเหมือนกับซอมบี้ เพราะเธอมัวแต่คิดถึงเรื่องของจ้าวลู่หยาง คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าวิธีการของเธอนั้นถูกต้องแล้วหรือเปล่า
‘ใช่แล้วล่ะ มันถูกต้องแล้ว’ เธอพึมพำ
อี้เยว่หลินคิดว่าน้องชายเพียงคนเดียวของเธอจะต้องเข้าใจ
งานของน้องชายวันนี้เป็นการถ่าย เรียลลิตีริมทะเลกับจ้าวลู่หยาง และเพราะเห็นว่าผู้จัดการของหยูซีป่วย เธอจึงอาสาขับรถมาให้ หยูซีของเธอฉายแววความเป็นคนดังมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาน่ะป๊อปที่สุดในกลุ่มเด็กผู้ชาย เวลาเดินไปที่ไหนก็คล้ายกับมีสปอร์ตไลท์ฉายมาที่น้องชายของเธออยู่เสมอ
คิดถึงตอนที่เขาเริ่ม live ครั้งแรก เดี๋ยวทำไอ้นู่นไอ้นี่พังในคลิปบวกกับความน่ารักใสซื่อเหมือนหมาโกลเด้นของอี้หยูซี ทำให้ live นั้นกลายเป็นไวรัลแค่เพียงข้ามคืน
“พี่” อี้หยูซีวิ่งมาโถมกอดเธอจากด้านหลัง เขาเพิ่งสังเกตว่าที่ต้นคอเธอมีรอยแดงเป็นปื้น ๆ อยู่หลายที่
“ไง” เยว่หลิน
“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือเปล่า” อี้เยว่หลินถามน้องชาย
“ก็ดีนะ หลับสบายดี”
“งั้นก็ดีแล้ว” เธอจับแขนน้องชายเพื่อดูสภาพความเรียบร้อยก่อนจะถ่ายทำ “ไหนดูสิ” เยว่หลินจัดแต่งทรงผมให้น้องชายอย่างอ่อนโยน
“ผมรักพี่นะ” อี้เยว่หลินจ้องมองใบหน้าแสนสวยของพี่สาว ผมสีแดงมะฮอกกานีตัดกับผิวขาว ๆ ของเธอช่างเหมาะสมจริง ๆ “ผมหวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกนาน”
“นายพูดอะไรของนายเนี่ย” เยว่หลินที่มัวแต่วุ่นวายกับเสื้อผ้าและทรงผมของหยูซีไม่ได้เห็นว่าแววตาของเขาตอนนี้เป็นอย่างไร ในตอนที่พูด
“ผมหวังว่าในอนาคตพี่จะไม่ทรยศผม”
อี้เยว่หลินได้ยินคำพูดของน้องชายแต่เธอไม่เห็นสายตาของเขา
“เป็นอะไรของนาย!?!!” เธอหันขึ้นไปมองหน้า
แต่ก่อนที่จะได้พูดคุยกัน จ้าวลู่หยางก็มาถึงพอดี ทั้งสองจึงต้องไปถ่าย เรียลลิตีด้วยกัน ส่วนเธอก็ปลีกตัวออกไปเดินเที่ยวแทน
ลมทะเลและเสียงคลื่นทำให้หัวใจของอี้เยว่หลินสงบขึ้น เธอคิดถึงช่วงเวลาวัยเด็ก แต่ก่อนพ่อและแม่จะพาเธอสองพี่น้องขึ้นรถเอสยูวีคันเก่า ๆ ขับกันไปเที่ยวเมืองนั้นเมืองนี้ ความรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องราวยังผ่านไปได้ไม่นาน
ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมากร้านค้าเยอะขึ้นกว่าเดิมคงเพราะหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลมาที่นี่ พวกเขาเข้ามาบูรณะและทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
ร้านค้าและคาเฟ่เต็มสองข้างทาง เธอไม่อยากที่จะต้องไปรบกวนสองคนนั้น จึงเลือกเส้นทางที่พวกเขาจะไม่ผ่าน แต่ถ้าหากเป็นเป้าหมายเดียวกันเธอก็จะเลือกไปคนละเวลา
คนตัวเล็กเดินทอดน่องอย่างใจเย็น ก่อนจะสังเกตว่าเมืองโบราณที่นี่มักจะมีคนใช่ชุดโบราณมาถ่ายรูปกัน เธอเลือกคาเฟ่เล็ก ๆ ร่มรื่นเป็นที่พักเหนื่อย อี้เยว่หลินเลือกเมนูน้ำผลไม้และเค้กเกาลัด ความสุขอย่างหนึ่งของเธอก็คือการได้นั่งเฝ้ามองผู้คนผ่านไปผ่านมา
“คุณเจ้าของร้าน ปกติจะมีคนมาถ่ายรูปชุดโบราณเยอะแบบนี้หรือเปล่าคะ” อี้เยว่หลินหันไปถามเจ้าของร้านที่กำลังวุ่นวายกับการทำความสะอาด
ชายวัยกลางคนมองออกไปหน้าร้าน
“ไม่นะครับ วันนี้ผมก็ยังไม่เห็นใครใส่ชุดโบราณสักคน” พูดจบเขาก็หันไปวุ่นวายกับการทำความสะอาดต่อ
“แต่...” อี้เยว่หลินชี้นิ้วออกไปนอกร้าน ผู้คนที่สวมใส่ชุดโบราณเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว
สงสัยเธอคงตาฝาดไปเองละมั้ง อี้เยว่หลินหันไปสนใจเค้กเกาลัดในจานต่อ
เมื่อพักจนหายเหนื่อยคนตัวเล็กก็หันไปสนใจกับแพลนการเดินเที่ยวต่อ หญิงสาวเดินผ่านตรอกสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านแบบโบราณ สีขาวของมันทั้งเก่าและหม่นหมองไปตามกาลเวลา เธอทึ่งเหมือนกันกับนวัตกรรมของคนโบราณ บ้านและตึกเก่าพวกนี้สามารถทนแดนทนฝนมาได้จนหลายร้อยปี ไม่อยากจะคิดเลยว่าสมัยที่สร้างใหม่ ๆ มันจะสวยงามแค่ไหน
อี้เยว่หลินถ่ายรูปและใช้จินตนาการวาดภาพในหัว กระทั่งผ่านร้านขายสินค้า
“ยัยหนู ซื้อของไปฝากน้องชายสักหน่อยสิ” คุณตาชราผู้หนึ่งร้องเรียก
ฝากน้องชาย!! คำว่าฝากน้องชายเรียกร้องให้เธอหันไปสนใจ
“ค่ะ คุณตารู้ได้ยังไงคะว่าหนูมีน้องชาย”
คุณตายื่นจี้หยกคู่หนึ่งให้กับเธอ บนตัวหยกสลักเป็นรูปหงส์กับมังกร เยว่หลินคิดถึงหยูซี ตัวมังกรเป็นหยูซีส่วนเธอเป็นหงส์
“เหมาะกับเธอดีนะ เธอเป็นหงส์ส่วนน้องชายเป็นมังกร” คุณตาเจ้าของร้านบอกโดยไม่ได้ตอบคำถามของเธอว่ารู้ได้อย่างไรว่าเธอมีน้องชาย
“ค่ะ” สิ่งที่คุณตาพูดคล้ายกับสิ่งที่เธอคิดอยู่ในหัว
“เธอรู้คุณประโยชน์ของพวกหยกหรือเปล่า”
“ก็พอได้ยินมาบ้างค่ะ” เธอตอบ อี้เยว่หลินเป็นคนสมัยใหม่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องโชคลาง
“ควรเชื่อเรื่องโชคลางเอาไว้บ้างนะ คุณสมบัติของหยกพวกนี้น่ะ มันช่วยปัดเป่าวิญญาณร้าย ปกป้องคุ้มครองผู้ที่สวมใส่ ดึงดูดแต่สิ่งดี ๆ ยัยหนูเธอดูสิมันเป็นลวดลายโบราณหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว” ชายชรายื่นหยกสองชิ้นใส่มือของอี้เยว่หลิน
จริงอย่างที่เขาบอกหยกสองชิ้นนี้งดงามมาก ๆ และผู้ชราคนนี้ดูเหมือนจะสามารถอ่านใจเธอได้ ไม่ว่าเธอจะคิดอะไรอยู่เขาสามารถพูดแย้งเธอได้หมด แล้วที่อวดอ้างคุณสมบัติขนาดนี้ไม่ใช่เพราะจะโขกราคาขึ้นไปอีกงั้นหรือ
ซึ่งถ้ามันแพงเกินไปแน่นอนว่าเธอจะไม่ซื้อ
“ราคาเท่าไหร่คะ” หญิงสาวถาม
“เท่าชีวิต” ชายชราจ้องเข้าไปในดวงตาของผู้หญิงอ่อนกว่าวัย
“ไม่สิคะ หนูหมายถึงราคาของหยกค่ะ” ท่าทางของผู้ชราทำเอาเธอขนลุก
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันล้อเล่น คู่นี้ฉันขายให้เธอแค่ร้อยหยวนเท่านั้น” ชายชรายิ้มแป้น
ตัวหยกเนื้อดีสลักอย่างประณีตแต่ราคาแต่ร้อยหยวนแน่นอนว่าอี้เยว่หลินจ่ายเงินได้อย่างไม่ลังเล
“หนูสแกนนะคะ” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“โอ้วตายจริงฉันรับแต่เงินสด เดินไปตรงหน้าศาลเจ้าสิที่นั่นมีตู้กดเงิน แล้วค่อยเอามาให้ฉัน...” คุณตายิ้ม “แต่เธอมานี่ก่อน” ผู้ชราเรียกให้เธอเข้าไปใกล้ “สวมจี้หงส์เอาไว้ เอาไว้ปัดเป่าความชั่วร้าย ส่วนมังกรค่อยเอาไปให้น้องชายทันทีที่เจอนะรู้ไหม”
อี้เยว่หลินคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์เธอก้มตัวให้เขาสวมสร้อยจี้หยกให้อย่างว่าง่าย
“รอหนูอยู่นี่ก่อนนะคะหนูจะรีบไปรีบมา”
อี้เยว่หลินรับหยกมังกรใส่ในกระเป๋าเก็บไว้ในช่องลับอย่างดี ก่อนจะรีบวิ่งไปกดเงินที่หน้าศาลเจ้าเพื่อจ่ายให้กับคุณตาปริศนา
ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที เธอเดินกลับไปยังแผงที่คุณตายขายของ แต่มันกลับกลายเป็นสถานที่ว่างเปล่า ร้านค้าที่ตั้งอยู่เรียงรายเมื่อครู่ก็หายไปหมด
“อ้าว คุณตา”
ทุกอย่างหายไปหมด ราวกับว่าที่นี่ไม่เคยมีร้านค้า อี้เยว่หลินสัมผัสจี้หยกที่ห้อยอยู่ที่คออย่างลืมตัว ความเย็นของตัวหยกทำให้อี้เยว่หลินมีสติ
เธอโดนผีหลอกงั้นเหรอ....