บทที่ 2
งานปาร์ตี้ยามเย็นของบริษัทพอเลยเวลาไปถึงตอนค่ำ ก็เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีอาหารและเครื่องดื่มบริการกันอย่างเต็มที่ คนสำคัญของงานอย่างบอสคาเครุ ก็มากล่าวเปิดงานและกล่าวขอบคุณพนักงานทุกคนที่ทำงานร่วมกันฝ่าฟันด้วยกันมาทุกอย่างจนถึงสิ้นปีทำให้บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นและแน่นอนว่าทุกคนจะได้รางวัลตอบแทนเป็นโบนัสงามๆ ที่เขาประกาศให้ทราบว่าจะมอบให้สี่เดือน
เรียกเสียงเฮๆ ได้จากพนักงาน วานิลาเป็นล่ามแปลภาษาจากญี่ปุ่นเป็นไทยให้กับพนักงานทุกคนได้ฟังกัน คาเครุผู้พูดคล่องทั้งภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่น และมีอีกสองภาษาที่ไม่มีคนรู้ว่าเขาพูดและอ่านคล่อง เลือกที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นด้วยเหตุผลบางอย่าง เหมือนอยากจะให้เลขานุการของเขาแสดงศักยภาพให้เต็มที่
ตาคมกริบเหลือบมองคนข้างๆ ที่แปลภาษาของเขาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่ทำตัวเป็นฤาษีแปลงสาร แม่ของเขาเคยเล่านิทานพื้นบ้านเรื่องนี้ให้ฟัง และก็เป็นเรื่องที่คาเครุกับพี่ชายได้ฟังกันทุกคืนก่อนนอน
"ขอให้พวกเราทุกคนปีหน้า ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่นะคะ ปีหน้าบอสจะได้แจกโบนัสจุกๆ แบบปีนี้อีก"
เธอหยอดประโยคทิ้งท้าย อันนี้เขาไม่ได้พูดแต่เธอบอกให้เพื่อนพนักงานมีแรงฮึดในการทำงาน เธอทำงานที่นี่มาสามปีแล้ว โบนัสปีนี้เรียกได้ว่าเยอะที่สุดตั้งแต่ทำงานมาก็ว่าได้
ส่วนหนึ่งเพราะคุณโยชิทากะพี่ชายของเขาปูทางไว้อย่างดี เมื่อเขามาตบท้ายต่อยอดผลประกอบการสามเดือนหลังทำให้กำไรมันพุ่งสูง พิสูจน์ว่าเขามาทำให้บริษัทยิ่งพัฒนาแบบก้าวกระโดด เหล่าพนักงานต่างทึ่งและนับถือคุณคาเครุกันมาก ด้วยบุคลิกภาพที่อ่อนน้อม ทว่าเคร่งขรึม และดูเย็นชาของเขา ทำให้เขาดูเข้าถึงยากไม่เหมือนคนพี่ที่เป็นคนร่าเริงอัธยาศัยดี คนเดียวที่เข้าถึงเขาก็คือเลขานุการคนสวยอย่างวานิลา
ในสายตาคนอื่นอาจจะเป็นอย่างนั้นว่าหล่อนสนิทกับเขามาก
แต่เอาจริงๆ วานิลารู้สึกหวาดๆ กับบอสใหม่อยู่มาก การทำงานกับเขาเพียวๆ สี่เดือนเต็ม มันทำให้เธอทั้งทึ่งและทั้งเกรงผู้ชายคนนี้ไปพร้อมๆ กัน เขาเป็นคนฉลาดมากแล้วก็นิ่ง บางทีก็เดาใจไม่ถูกว่าเขากำลังคิดอะไร เลขานุการผู้ที่ควรจะเรียนรู้นิสัยของเจ้านายเพื่อการทำงานร่วมกันจะได้ง่ายอย่างเธอ ก็ต้องปวดหัวกับเจ้านายใหม่คนนี้ไม่น้อย เพราะเธอไม่รู้ใจเขาเลยสักนิด
เขาแตะข้อศอกเธอนิดหนึ่งด้วยปลายนิ้ว เมื่อพาเธอลงจากเวทีชั่วคราวที่ทางโรงแรมจัดให้ การแตะเนื้อต้องตัวเธอระหว่างเจ้านายกับเลขา มันเป็นไปอย่างสุภาพและทำให้เธอไม่รู้สึกว่าเขาคุกคาม หากเป็นตามมารยาท เขาหล่อมากและมีเสน่ห์มาก ในขณะเดียวกับสำหรับวานิลาผู้ที่สาวๆ ทั้งบริษัทกำลังอิจฉาว่าได้เข้าใกล้กับบอสใหม่หล่อสุด ก็สงสารตัวเองที่ต้องมาทำงานกับเขาตอนนี้
เฮ้อ...
มันเกร็งไปหมดในแต่ล่ะวัน จนปวดไหล่ปวดบ่า ต้องไปอาศัยพี่กิ๊กหมอนวดประจำตัว ทุกวันหยุดเพราะเขานี่แหละ อยากจะให้มาทำงานกับบอสคาเครุจริงๆ ว่ามันยาก เกร็งและใช้ความสามารถมากขนาดไหน บางทีสาวๆ ทั้งหลายที่กรี๊ดๆ เขาอาจจะอยากวิ่งหนีก็เป็นได้
ตากลมโตของวานิลาเหลือบมองเจ้านาย ที่ยืนประกบข้างเธอตลอด เหมือนจะอาศัยให้เธอเป็นล่ามคุยกับพนักงานที่แวะมาทักทายเขา บรรยากาศฟรีสไตล์แบบงานปาร์ตี้กำลังเริ่มขึ้น เมื่อมีวงดนตรีมาขึ้นเล่น มีฝ่ายสันทนาการหาเกมสนุกๆ มาเล่นกับพนักงานสลับเป็นหน เพื่อแจกรางวัล
เขาก็ยังคงนั่งข้างเธอมาจนถึงตอนนี้ เหมือนจะรู้ว่าเธอเองก็อยากสนุกกับเพื่อนๆ บ้างเขาก็หันมาเอ่ยกับเธอเสียงทุ้ม
"ไม่ต้องอยู่กับผมตลอดเวลาก็ได้"
"คะ? เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะบอส เผื่อบอสต้องการล่ามน่ะค่ะ"
เธอว่าแล้วยิ้มให้เขา คาเครุมองใบหน้ารูปหัวใจนั่นแวบ รอยยิ้มของเธอทำให้เขาหายใจสะดุด ชายหนุ่มก้มลงจิบน้ำสีอำพันในแก้ว ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงนุ่ม
"ไปสนุกกับเพื่อนๆ เถอะครับ ผมเห็นว่าเพื่อนๆ คุณ แผนกการตลาดมองมาทางเราบ่อยๆ แล้วก็ยกแก้วให้กับคุณ ไปนั่งกับพวกนั้นน่าจะสนุก"
"เอ่อ..."
ทึ่งนิดหน่อยที่เขารู้จักหยาดฝนและพิมพ์สุดา เพื่อนของเธออยู่ต่างแผนกที่เรียนจบมาพร้อมกันจากสถาบันเดียวกัน แต่ทำงานคนล่ะแผนก เวลาทำงานพวกเธอไม่ค่อยได้ทักทายหรือรับประทานอาหารด้วยกัน แต่จะนัดกันนอกรอบแทน เพราะสองสาวนั่นมักจะออกข้างนอก ส่วนเธอก็ติดสอยห้อยตามทำงานกับบอสตลอด น้อยคนจะรู้ว่าวานิลาสนิทกับสองสาวแผนกการตลาด
"ไปสิครับ ทิ้งผมไว้ที่นี่ได้"
เขายิ้มนิดเดียวส่งให้กับเธอ เหมือนยกมุมปากเสียมากกว่ายิ้ม รอยยิ้มกว้างของบอสคาเครุนั่นหายากพอๆ กับการถูกหวยเลยก็ว่าได้ เขามักจะยิ้มตามมารยาท ขนาดเธอทำงานใกล้กับเขาเรียกได้ว่าวันนึงเกือบแปดชั่วโมงบางทีเกินกว่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นเขายิ้มจริงๆ จังๆ สักที
"ค่ะ บอสอยู่ได้นะคะ ยังไงก็ไลน์ไปเรียกฉันได้นะคะถ้าต้องการเพื่อน"
"ครับ ผมนั่งเล่นแถวๆ นี้อีกสักพักก็คงจะกลับขึ้นห้องแล้ว ไม่มีผมพนักงานคงจะสนุกมากกว่านี้"
น้ำเสียงเรียบๆ ของเขาไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกตามแบบฉบับคาเครุ เธอยิ้มแหยส่งให้เขา จริงหรอกที่เขาทำให้พนักงานหลายคนเกร็งก็เพราะมาดนิ่งๆ สุขุมของเขานั่นแหละ
"ขอบคุณนะคะ"
เธอลุกขึ้นแล้วค้อมศีรษะเล็กน้อยให้กับเขาก่อนจะเดินเร็วๆ จากไปยังกลุ่มเพื่อนของเธอ
บอสหนุ่มนั่งโต๊ะนั้นเพียงลำพัง เพราะไม่มีใครกล้าเข้าหาเขาเท่าไหร่ แต่แล้วสุดท้ายก็มีคนใจกล้า คือสุเทพที่เมากึ่มๆ ได้ที่แล้วเลยหน้าด้านไปนั่งส่งภาษาอังกฤษปร๋อคุยกับบอสหนุ่ม
เขายิ้มนิดๆ ให้กับสุเทพ ที่คุยฟุ้งให้เขาฟังเกี่ยวกับแผนกของตนเอง เหมือนจะอวดผลงาน ตาของเขามองเหลือบไปยังโต๊ะของเลขานุการสาว ที่หล่อนไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
เขาจ้องอยู่ตลอดเวลา แทบจะไม่ให้คลาดสายตา และแล้วก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินไปที่โต๊ะนั้นพร้อมกับขวดไวน์สีสวยในมือ มันเปิดแล้วเรียบร้อย ผู้ชายคนนั้นยื่นขวดนั้นส่งให้กับวานิลาเขาจำได้ว่าหมอนั่นเป็นคนที่ไปยืนคุยกันในห้องน้ำเกี่ยวกับเรื่องของวานิลา
หล่อนยกขวดนั้นขึ้นดื่ม และผู้ชายอีกคนก็เดินตรงเข้ามาร่วมกลุ่มกับสาวๆ เสียงเฮฮาคุยกันสนุกสนานดังไม่ขาด
เขายกแก้วของตนเองขึ้นดื่มบ้าง
ยังคงจับจ้องเหตุการณ์โต๊ะนั้นแทบไม่วางตา...