ตอนที่ 2
“ถูกแล้วค่ะ… คนางค์” ป้ามะลิตอบพลางเหลียวมองมาที่ใบหน้าซึ่งยังหลงเหลือเค้าโครงความหล่อเหลา แวบเดียวก็อ่านสายตาของเขาออก ชายคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกอาเสี่ยเงินหนาทั้งหลายที่กำลังมุ่งมองอย่างเข้าใจผิดว่า ‘ผู้หญิงกลางคืน’ ทุกคน… สามารถ ‘ซื้อได้’ ด้วยเงินของเขา หารู้ไม่ว่าคนางค์ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทนั้น
“คนางค์เพิ่งมาร้องเพลงที่นี่ได้ไม่กี่วันค่ะ แต่ลูกค้าติดตรึม… ดูสิคะ ทุกครั้งที่เธอขึ้นร้องเพลง พวงมาลัยแน่นคอทุกคืน”
ป้ามะลิกล่าวคล่องแคล่วไปตามจริง ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีลูกค้าถามอย่างให้ความสนอกสนใจในตัวของคนางค์ เพราะในแต่ละค่ำคืน ป้ามะลิต้องคอยตอบคำถามเหล่านี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“ผมอยากรู้จักเธอ…”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คะ!”
ป้ามะลิทำท่าตกใจเล็กน้อย ยกมือขึ้นทาบอกอย่างมีจริต
“ผมชอบเธอมาก… บอกเธอว่าผมชื่อจอห์นนี่ ช่วยติดต่อเธอให้ผมได้ไหมครับ?”
บอกพลางโน้มลำตัวหนาไปกระซิบกระซาบกับป้ามะลิ
“เอ่อ…”
คนถูกไหว้วานออกอาการกระอึกกระอัก แววตาบอกความหนักใจขึ้นมาทันที
“ช่วยถามเธอหน่อยว่าเท่าไร?”
ชายคนนั้นบอกความต้องการออกมาอย่างเปิดเผย ได้ยินแล้วป้ามะลิก็ส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้จอห์นนี่
คิดเอาไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นอย่างนี้ หล่อนจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ หรือตกใจ! กับคำพูดของลูกค้าคนนี้แต่อย่างใด ราวกับเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเจอมานักต่อนัก
“เอ่อ… แนะนำว่าถ้าคุณจะชวนเธอดื่มสักแก้วสองแก้ว ชวนมานั่งคุย ให้ทิป ให้มาลัย เธอก็คงไม่ขัดข้อง แต่ถ้าถึงกับถามว่า ‘เท่าไร?’ รับรองว่าเธอไม่ขายแน่ๆ”
หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าน้อยๆ เพราะรู้จักดีว่านิสัยใจคอของคนางค์เป็นอย่างไร? จึงพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงสุภาพ แล้วหันกลับมาชงเหล้าอย่างคล่องแคล่ว
“ลองพยายามดูก่อนนะครับ… ติดต่อให้ผมหน่อย ผมเชื่อว่าเธอจะขาย… ผมมีเงินซื้อ ช่วยบอกเธอทีว่าผมให้แสนนึง”
เขารบเร้าเหมือนกำลังต่อรองซื้อสินค้าอะไรสักอย่าง
“ฮ้า!... สะ สะ แสนนึง! อกอีแป้นจะแตก!”
ข้อเสนอของฝรั่งสายเปย์คนนี้ ทำให้ป้ามะลิถึงกับอุทาน หล่อนยกมือขึ้นปิดปาก ตาวาวด้วยความลืมตัวเพราะคาดไม่ถึง เหลียวมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าใครจะบังเอิญมาได้ยินประโยคนั้นเข้า
“ใช่ครับ… บอกเธอว่าผมยินดีจ่ายให้หนึ่งแสน ถ้าเธอยอมนอนกับผม”
ชายชาวต่างชาติยืนยันเสียงหนัก บอกความต้องการของตัวเองอย่างเปิดเผย ราวกับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
“เอ่อ…”
มีความลังเลใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าซึ่งยังหลงเหลือเค้าโครงความสวยของป้ามะลิ
ใจจริงหล่อนอยากปฏิเสธแทนคนางค์ แต่แล้วก็เกิดความละล้าละลัง แวบหนึ่งรู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กับข้อเสนอที่ทำให้ต้องคิดหนัก และแทนที่จะปฏิเสธแทน
คนางค์ให้เด็ดขาด เรื่องจะได้จบๆ ทว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร? ที่ดลใจให้ป้ามะลิลังเล ก่อนจะตอบออกไปไม่เต็มปากเต็มคำว่า “เดี๋ยวจะถามเธอให้นะคะ” เพราะคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนางค์โดยตรง เธอควรจะได้รับรู้ด้วยตัวเอง
“ขอบคุณมากครับ”
เขาเอ่ยอย่างมีความหวัง ดูมีความสุภาพอยู่ในที แม้เมื่อครู่นี้จะออกอาการหื่นอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม
ป้ามะลิชำเลืองขึ้นไปบนเวทีด้วยความรู้สึกหนักใจแทนหญิงสาวผู้ซึ่งไม่รู้ตัวเลยว่าลังตกเป็นเหยื่อแห่งความใคร่ของฝรั่งที่ชื่อจอห์นนี่
ใกล้จบเพลง เสียงดนตรีค่อยๆ แผ่วลงทุกขณะ ได้ยินเสียงปรบมือของลูกค้าดังกึกก้องขึ้นมาแทน พร้อมๆ กับเสียงเพลงในท่อนทำนองสุดท้ายที่คนางค์ทอดน้ำเสียงหวานซึ้ง ราวจะขยี้ย้ำให้มันติดตรึงอยู่ในหัวใจของคนฟังไปนานแสนนาน ทำเอาจอห์นนี่ถึงกับเคลิบเคลิ้มเหมือนต้องมนต์สะกด
“ขอบคุณมากค่ะ… ขอบคุณค่ะ ขอบคุณสำหรับมาลัยและดอกไม้ทุกช่อนะคะ”
เสียงหวานของคนางค์กังวานออกมาจากลำโพงสีดำขนาดใหญ่ที่ขนาบอยู่สองข้างเวที เธอหมุนตัวกลับ เพื่อไปเสียบไมค์โครโฟนคืนไว้ที่ขาตั้ง ก่อนจะหันกลับมายกมือเรียวกระพุ่มไหว้อ่อนช้อยอีกครั้ง ร่างอรชรก้าวออกมารับพวงมาลัยและดอกกุหลาบจากลูกค้าอีกหลายรายที่ทยอยยื่นมาจากด้านหน้าของเวที
ไม่เพียงแค่รูปร่างหน้าตา ที่ทำให้คนางค์กลายเป็นที่สนใจของบรรดาลูกค้า หากด้วยลีลาและเสียงร้องโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็ทำให้การขึ้นไปปรากฏกายบนเวทีในทุกๆ ครั้ง มักจะจบลงด้วยเสียงปรบมือกึกก้อง ตามด้วยทิปและมาลัยมากมายจากลูกค้าที่หยิบยื่นให้ เพียงเพื่อแลกกับการได้สัมผัสมือนุ่มๆ มีบางรายถึงขั้นแตะต้องเนื้อตัวของเธออย่างจงใจ ทว่าคนางค์ก็ทำใจเอาไว้แล้ว… สำหรับเหตุการณ์เหล่านี้… กับอาชีพเต้นกินรำกิน
หลายครั้งที่ลูกค้าของร้านอาหารแสดงความสนใจในตัวเธอ บางคนถึงขั้นเสนอว่าจะให้เงินเพื่อชวนไปร่วมหลับนอน บางรายแสดงความประสงค์จะเลี้ยงดูเป็นเมียลับๆ ซึ่งหญิงสาวมักจะปฏิเสธออกไปทุกครั้ง เมื่อนึกถึง ‘ศักดิ์ศรี’ และถ้อยคำของเจ๊สุดาผู้เป็นเจ้าของร้าน ที่เคยตักเตือนเอาไว้ก่อนหน้า ตั้งแต่วันที่เธอเข้ามาทำงานในคืนแรกว่า
‘ร้านอาหารเรือนกระดังงาแห่งนี้มีแต่ผู้หญิง และลูกค้าส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นผู้ชายอารมณ์เปลี่ยว ด้วยความรอบคอบ เจ๊จำเป็นต้องวางกฎเหล็กเอาไว้หนึ่งข้อ เพื่อป้องกันคำครหานินทาว่าจะมีการขายบริการแฝงเกิดขึ้นภายในร้าน จึงอยากให้ทุกคนตระหนักตรงกันว่า ‘เรือนกระดังงาไม่ใช่ซ่อง… ห้ามพนักงานทำตัวเหมือนกะหรี่ ดังนั้นจึงห้ามขายบริการโดยเด็ดขาด’
แต่เจ๊สุดาก็ใจกว้าง จึงผ่อนปรนเอาไว้ว่าถ้าในกรณีที่บังเอิญเกิดถูกอกถูกใจ หรือเกิดปิ๊งปั๊งกับลูกค้าขึ้นมา ถึงขั้นกลายเป็นความรักจริงจัง ถ้าเป็นความสมัครใจของทั้งสอง